1.3
“เรียนเสร็จเดี๋ยวผมมารับ”
ฉันพยักหน้าให้จินแล้วเปิดประตูลงจากรถ ที่นี่เป็นมหาลัยเอกชนที่ดีที่สุดในโตเกียว ฉันยืนรับลมที่พัดมาปะทะผิวหน้าก่อนเดินเข้ามาในตึกด้วยอารมณ์ราบเรียบ
กรี๊ด!!!
กำลังเดินอยู่ดีๆ ก็มีเสียงโหวกเหวกตกใจของคนจำนวนมากดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เกิดอะไรขึ้นกันนะ ฉันรีบสาวเท้าไปตามทางที่มาของเสียง ก่อนจะเห็นผู้คนที่กำลังมุงดูอะไรบางอย่าง
“หลบไปอย่าเข้ามานะ”
เสียงแข็งกระด้างเต็มไปด้วยความโกรธแค้นดังออกมาจากกลางวง
“แจ้งตำรวจเร็ว”
“แจ้งตำรวจๆ”
หลายเสียงรอบข้างกระซิบกระซาบกันแต่ก็ไม่มีใครกล้ากดโทรศัพท์ มีเรื่องอะไรเนี่ย ฉันค่อยๆ แหวกผู้คนเข้ามาในวงล้อมจนอยู่แนวหน้าสุด
ภาพตรงหน้าทำฉันอึ้งไปชั่วอึดใจ
ผู้ชายนัยน์ตาแดงเถือกคนหนึ่งกำลังเอามีดจี้คอนักศึกษาหญิง ใบหน้าเธอคนนั้นอิดโรยมาก ไม่รู้ว่ากำลังกลัวหรือเจ็บปวดตรงไหนก็ไม่ทราบได้ ฉันมองท่าทางคลุ้มคลั่งของไอ้ชั่วนั่นอย่างรอจังหวะ ไม่รู้หรอกนะว่ามีเรื่องอะไร แต่ขืนรอให้ตำรวจมายัยนั่นได้เป็นลมหรือไม่ก็โดนมีดบาดคอตายก่อนแน่
ฉันค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาในกลุ่มคนแล้วอ้อมไปด้านหลัง
“เฮ้!”
“เฮ้ย”
หมับ!
“กรี๊ดดดดด”
ฉันกระโจนเข้าตะครุบหลังหมอนั่น คว้าข้อมือที่กำมีดอย่างแม่นยำท่ามกลางเสียงกรีดร้องแตกตื่นของเหล่าผู้ชมที่ขี้ขลาดแม้แต่โทรแจ้งตำรวจก็ไม่กล้า
ฉันจับมือหมอนั่นบิด ขณะเดียวกันก็เตะข้อพับของมันไม่ให้ตั้งหลักได้ ตะโกนบอกตัวประกันให้รีบหลบ ยัยนั่นหันมามองฉันด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แววตาสีน้ำตาลสั่นระริกแต่ก็ยังมีสติพอจะเข้าใจที่ฉันบอก รีบวิ่งฝ่าฝูงชนออกไปแบบล้มลุกคลุกคลาน ท่าจะกลัวจนเข่าอ่อน
ฉึบ!
“อ๊ะ!”
ฉันแทบไม่มีเวลาไปห่วงคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ก็เผลอจนได้ ไอ้เวรนั่นดันใช้แรงควายในร่างผู้ชายกระชากมือออกอย่างแรง คมมีดเฉือนมือฉันทันที
หน็อย! คิดว่าทำฉันเลือดตกยางออกแล้วมันจะจบง่ายๆ เหรอ ไอ้สารเลวเอ๊ย!
ฟึบ!
แต่ก่อนที่ฉันจะได้พุ่งเข้าไปจัดการกับมัน มันก็ตวัดมีดเข้ามาอย่างข่มขู่ จ้องฉันด้วยสายตาเลือดเย็น โกรธจนหน้าสั่น
“อยากตายนักใช่ไหม ได้! กูจะฆ่ามึงก่อนแล้วค่อยตามไปจัดการนังนั่นทีหลัง”
มันแกว่งมีดมั่วซั่วพร้อมกับตะโกนด่าด้วยท่าทางเคียดแค้น เหมือนจะน่ากลัวแต่จริงๆ เปิดช่องโหว่มาก ฉันอาศัยจังหวะที่มันเปิดช่องว่าง พุ่งเข้าไปจัดการประเคนหมัด เท้า ศอก และเข่าใส่มันไม่ยั้ง เสียงตุบตับๆ ดังรัวไม่หยุดจนกระทั่งร่างหนาล้มพลั่กนอนขดตัวงอชักกระตุกอยู่บนพื้นท่ามกลางเสียงที่เงียบกริบของผู้คน...
“โทรตามรถพยาบาลด้วย ไม่งั้นคงตายไปจริงๆ” ฉันหยิบกระเป๋าที่กองอยู่บนพื้นขึ้น เดินมืออาบเลือดฝ่าผู้คนออกมา รู้สึกได้ถึงสายตาอึ้งตะลึงที่มองตามมาด้านหลังแต่ฉันไม่สนใจ แค่รู้สึกหัวเสียที่มาเรียนวันแรกก็มีเรื่องซะแล้ว
ระหว่างที่ฉันกำลังจะตีอกชกหัวตัวเอง แขนข้างที่โดนบาดก็ถูกคว้าเอาไว้จากด้านหลัง
หมับ!
“หืม...”
“เธอบาดเจ็บ”
พอหันมามองก็เห็นใบหน้าขาวซีดกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลกำลังสั่นระริก เสื้อผ้ามีรอยยับย่นจากการถูกกระชากลากถู ฉันจำได้... นี่คือใบหน้าของผู้หญิงที่โดนมีดจี้คอก่อนหน้านี้
“ฉันไม่เป็นไร”
“ไปทำแผลเถอะ ห้องพยาบาลอยู่ทางนี้”
“นะนี่...”
รู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางอ่อนแอคนนี้ลากตัวมาที่ห้องพยาบาลของมหาลัยเสียแล้ว โชคดีมีอาจารย์อยู่ เลยไม่ได้ทำแผลกันเอง
“น่ากลัวจริงๆ เลย ดีแล้วนะที่ไม่เป็นไรมาก” อาจารย์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวลหลังรับทราบว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นภายในมหาลัย
“ขอบคุณนะคะ”
“จ้ะ ถ้ารู้สึกว่าเข้าเรียนไม่ไหวก็พักที่นี่กันก่อนก็ได้นะ”
ฉันกับยัยนั่นมองหน้ากันทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราเลือกอะไร ...แน่นอนว่าต้องนอนพักที่ห้องพยาบาลอยู่แล้ว ใครจะอยากไปนั่งเครียดในห้องเรียน ถึงจะเป็นท่านซายูริคนนี้ก็เถอะ
“ฉันอัยย์นะ เธอล่ะ”
ยัยนั่นเป็นฝ่ายแนะนำตัวก่อน ใบหน้าซีดเซียวนั้นจ้องฉันด้วยท่าทางร้อนรน
“ซายูริ” ฉันตอบสั้นๆ ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ยกเท้าขึ้นไขว่ห้างลืมว่าใส่กระโปรง
“อ๊ะ” ยัยอัยย์รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ทันที อะไรของยัยนี่เนี่ย อ่อนไหวชะมัดเลย ฉันมองใบหน้าที่ดูเปราะบางเหมือนแก้วใสของอัยย์นิ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เธอไปทำอะไรถึงโดนจับตัวแบบนั้น”
อัยย์สะดุ้ง ดูเหมือนฉันจะสะกิดฝันร้ายของเธอเข้า ใบหน้ากลมมนรีบส่ายหน้าไหวทันที เอ่ยออกมาอย่างกระอึกกระอักไม่รู้ว่ากลัวหรือกำลังซ่อนอะไรไว้กันแน่
“มะไม่รู้ จู่ๆ เขาก็เล็งปืนมาที่ฉัน แต่ฉันตกใจ เอากระเป๋าฟาดมือหมอนั่นจนปืนหล่นแล้วก็วิ่งหนีมา แต่ก็โดนตามทันแล้วเป็นอย่างที่เห็น...”
“อ่อ เธอไม่รู้จักหมอนั่นเหรอ เห็นมันขู่จะฆ่าเธอด้วย”
“ไม่รู้จริงๆ”
“อืม ช่างเถอะ ยังไงมันก็คงออกมาเพ่นพ่านไม่ได้สักสามสี่เดือน”
“ซะซายูริเก่งจัง”
“หืม?” ฉันเลิกคิ้วเพราะคำชมของอัยย์ ปกติฉันจะโดนคุณพ่อ ดาไซ และจินตำหนิว่าอ่อนหัด ชอบเผอเรอ ไม่ก็เห็นใจศัตรูเกินไปทำให้เปิดช่องว่างและโดนเล่นงานได้ง่ายๆ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไปฉันก็อาจจะเก่งจริงๆ นั่นแหละ
“ขอบคุณนะ” ยัยนั่นจับมือที่มีผ้าพันแผลของฉันเอาไว้อย่างเบามือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื้นตัน “ถ้าไม่ได้ซายูริ ฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
“.....”
ตั้งแต่นั้นมาฉันกับอัยย์ก็สนิทกันมากขึ้น โดยที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการช่วยชีวิตอัยย์ในวันนั้นจะทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไป