บท
ตั้งค่า

Chapter 2: หักปีกปักษา [2/2]

เวหาคิดว่าตนก็แค่คิดฟุ้งซ่านไปชั่วครู่หนึ่ง วันใหม่มาถึงก็คงเลิกสนใจเจ้าทาสคนนั้นแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น เด็กนั่นมีอะไรให้เขาสนใจกว่าที่คิด ทั้งที่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวัน แต่เมื่ออาทิตย์ใหม่มาถึงและทวิชต้องมาดูแลบำรุงต้นไม้ในสวน เขาก็พบว่าใบหน้าและดวงหน้าซีกหนึ่งของทวิชมีร่องรอยฟกช้ำเขียวปั้ด

ชายหนุ่มที่กำลังจะออกไปทำธูระข้างนอกตามปกติชะงักขา ถามออกมาเสียงเรียบ ทำเอาคนสนิทที่เดินตามหลังชะงักไปด้วย

“เด็กนั่นไปโดนอะไรมา”

ธามหันไปมอง เห็นทวิชนั่งขุดดินอยู่พร้อมกับใบหน้าเป็นปื้น เขาก็รีบรายงาน

“เห็นว่าถูกหัวหน้าทาสลงโทษครับ”

“เรื่องอะไร”

แน่นอนว่าธามซักถามมาแล้วเรียบร้อย ความเป็นไปทุกอย่างในคฤหาสน์นี้ ล้วนแล้วเขารับรู้ทั้งสิ้น

“เห็นว่าเพราะคุณเวหาไม่ลงโทษที่มันบุกไปป่วนงานเลี้ยงคืนนั้น หัวหน้าทาสก็เลยลงโทษเองครับ”

เพราะเขาไม่ลงโทษอย่างนั้นหรือ?

เวหาถึงกับย่นคิ้วพลัน ธามก็รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร แต่เวหาก็ไม่พูดออกมาสักคำ มีแต่สีหน้าไม่พอใจเท่านั้นที่ฉายออกมา

“อยากจะให้ผมทำอะไรไหมครับ”

“ไปถามหัวหน้าทาสทีว่าใครเป็นนายของพวกมัน”

คำพูดสั้นๆ นั้นเป็นการย้ำเตือนให้หัวหน้าทาสห้ามทำอะไรเกินเลยหากเขาไม่ได้สั่ง ธามพยักหน้ารับทันควัน

“มีอะไรเพิ่มเติมไหมครับ”

เวหาเตรียมจะตอบว่าไม่ แต่เมื่อเห็นว่าตนถูกทวิชสังเกตเห็น และเด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นยกมือไหว้ ส่งยิ้มกว้างมาพร้อมกับดวงตาเขียวปั้ด เขาก็เกิดหงุดหงิดใจขึ้นมา

จากที่ว่าจะไม่สนใจ เห็นทีจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้ว

“ออกคำสั่งไปว่ากลับมาเมื่อไร ฉันจะลงโทษเด็กนั่น”

พูดจบก็เดินตรงไปขึ้นรถ ไม่สนใจสายตาของทวิชที่มองตามด้วยความเหลอหลา ขณะที่ธามเหลือบมองเด็กหนุ่มแล้วระบายลมหายใจ

มาบุกงานเลี้ยงแต่แวบเดียวแต่กลับสร้างความรำคาญใจให้เจ้านายเขามากถึงขนาดนี้

ถูกลงโทษด้วยการหักปีกแน่ เจ้านกน้อย...

 

เป็นครั้งแรกเลยที่เวหาอยากกลับคฤหาสน์จันทรานิรันดร์ใจแทบขาด เขากระเหี้ยนกระหือรอที่จะทำโทษทวิชเป็นอย่างมาก หมายมั่นปั้นมือแล้วว่าไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็จะหักปีกนกตัวนั้นให้สำนึกว่ากรงทองของเขาเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ว่าใครอยากจะออกก็ออกไปได้

กลับมาถึงได้ เขาก็เผลอตัวมองหาเด็กหนุ่มเพราะคิดว่ายังคงทำสวนอยู่ที่เดิม ที่หมายมั่นปั้นมืออะไร ตอนนี้ลืมไปหมดแล้วทั้งสิ้น แต่เมื่อไม่พบแม้แต่เงาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ตรงไปที่ห้องทำงานพร้อมกับเรียกให้ธามตามเข้าไปด้วย

ธามรู้ว่าตัวเองถูกเรียกมาทำไม เห็นเจ้านายนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา

“คุณเวหาจะให้ผมทำอะไรกับเด็กนั่นดีครับ”

ทำอะไรล่ะ ทาสที่กระทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะเรียกมารอรับคำสั่งทำไม

เวหาเหลือบมองหน้าคนสนิท ก่อนว่าออกมาช้าๆ

“สั่งตีสักสามสิบที”

ธามพยักหน้า เตรียมตัวจะออกไปทำหน้าที่ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ เวหาก็ยกนิ้วขึ้นมาในอากาศ พอเขาหันไปมอง อีกฝ่ายก็เหลือบมองตอบ

“ที่ก้น ไม่ใช่หลัง”

ไม่รู้ทำไมถึงพูดไปอย่างนั้น แต่ที่จู่ๆ ก็คิดขึ้นมาได้เป็นเพราะนึกถึงร่างกายผอมบางของเด็กหนุ่มแล้วก็ประเมินเอาเองว่าหากถูกไม้เรียวตีเข้าที่หลัง มีหวังเด็กนั่นได้สะบักสะบอมแน่ ร่างกายบอบบางดูอ่อนแออย่างนั้น จะไปทนความเจ็บปวดอะไรได้ไหว อย่างน้อยตีที่ก้นก็น่าจะเจ็บน้อยกว่าตีที่หลัง อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ก็คงถูกซ้อมมาหนักหนาพอสมควรแล้ว หากเขาสั่งให้ทำอะไรรุนแรงกว่านี้ไป ก็น่ากลัวว่าเด็กนั่นจะไม่ไหวเอา

ธามเองก็ไม่ได้ขัดอะไร พยักหน้ารับแล้วทำท่าจะออกไปอีกครั้ง ทว่าฉับพลันก็มีเสียงหนึ่งชะงักขาของเขาไว้

“เดี๋ยว”

เป็นเสียงของนายใหญ่แห่งจันทรานิรันดร์นี่ล่ะ พอธามหันไปมองก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งเคาะนิ้วอยู่บนโต๊ะ นานทีเดียวกว่าที่เวหาจะปริปากออกมา

“ยี่สิบที”

ที่นั่งเงียบไปเป็นเพราะกำลังชั่งใจว่าคำสั่งของเขามันเหมาะสมกับทาสคนนั้นแล้วหรือ...

ไม้เรียวยังไม่กล้าให้เอาฟาดหลังเพราะกลัวอีกฝ่ายจะบาดเจ็บหนัก สั่งให้ฟาดก้นแล้วแต่ก็ยังกังวลอยู่ว่าสามสิบทีจะรุนแรงไป ลดเหลือยี่สิบทีแล้ว มันก็...ยังไม่แน่ใจสักเท่าไร

“ยี่สิบทีนะครับ?”

เห็นเวหาไม่พูดอะไร ธามก็เป็นฝ่ายย้ำมา นายใหญ่พยักหน้าน้อยๆ แต่พอคนสนิทจะเดินออกจากห้องไป เขาก็ร้องเรียกอีกครั้ง

“ธาม”

“ครับ?”

“สิบที”

“...”

“ลดเหลือแค่สิบทีพอ”

“...”

“ฉันคิดว่าเกินกว่านี้ เด็กนั่นไม่น่าจะไหว”

ให้เหตุผลทั้งที่ธามไม่ได้ปริปากถามสักคำ แต่ธามก็ไม่คิดจะถามด้วย พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะคิดเหมือนกับเขา

สภาพร่างกายอย่างนั้น ถูกไม้เรียวฟาดก้นโดยฝีมือของหัวหน้าทาสสักทีหนึ่งก็สะดุ้งแล้ว ให้โดนฟาดถึงสามสิบที มีหวังคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้ม

“คุณเวหาไม่เปลี่ยนใจแล้วนะครับ?”

เวหาไม่พูด โบกมือไล่ให้ออกไปเป็นคำตอบ ธามค้อมตัวลงเล็กน้อยก่อนผละออกจากห้องไป ทิ้งให้เจ้านายของตนนั่งขบคิดตามลำพัง

สิบทีอย่างนั้นหรือ?

หรือ...บางทีการลงโทษด้วยความรุนแรงมันอาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าไม่ลงโทษ แล้วจะให้เขาทำอย่างไรล่ะ ละเว้นโทษให้ทาสคนหนึ่ง มีหวังเสียระเบียบกันทั้งสังกัด

เวหาปิดเปลือกตาลง เอนกายพิงพนักพร้อมกับยกนิ้วขึ้นคลึงขมับไปมาเพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน อันที่จริงการลงโทษอย่างนี้กับทาสในสังกัดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้คิดมากมายกับการลงโทษทาสที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบเพียงคนเดียวเสียเหลือเกิน เขาพยายามสงบจิตสงบใจ แต่ก็ฟุ้งซ่านไม่เลิกรา จนสุดท้ายต้องลุกขึ้นไปยืนมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างเพื่อลดความกังวลในใจลง

ทว่า...ในระหว่างที่ทอดสายตามองออกไป ทางด้านล่างของคฤหาสน์มีความโกลาหลเกิดขึ้นน้อยๆ จากทางเรือนนอนของพวกทาสชั้นใน ร่างผ่ายผอมของเด็กหนุ่มถูกฉุดกระชากลากถูออกมาจากที่นั่น มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นทวิช ขณะที่ชายในชุดสูทหลายคนยืนกำกับอยู่ พวกนั้นเป็นพวกของธาม เขารู้ และรอบๆ ข้างที่เกาะกุมทวิชอยู่ก็คือพวกหัวหน้าทาส

เขายืนมองนิ่งๆ คว้าบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อสูทขึ้นมาจุดสูบ หากแต่ปลายลิ้นไม่สามารถสัมผัสรสมินต์ของโปรดได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยให้บุหรี่ถูกเผาไหม้ไปเกือบครึ่งมวน

เขาไม่มีสมาธิจะสนใจสิ่งใดแล้วนอกจากภาพเบื้องหน้า ก่อนจะต้องหัวคิ้วกระตุกเมื่อเห็นหัวหน้าทาสคว้าเอาไม้เรียวยาวเท่าท่อนแขนออกมา ทวิชถูกจับพาดกับม้าไม้ มือทั้งสองข้างถูกมัดติดกัน เตรียมตัวรับการลงโทษตามคำสั่งของเขา

ขณะที่หัวหน้าทาสเงื้อไม้เรียวในมือขึ้นนั่นเอง เขาก็รีบหุนหันกลับมาที่โต๊ะทำงาน คว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกดหมายเลขสำคัญลงไป รอไม่นานนักก็มีเสียงตอบรับ เท่านั้นเขาก็กรอกเสียงลงไปอย่างรวดเร็ว

“ให้เด็กนั่นไปวิ่งรอบสนามสักสามรอบแทน”

ไม่รอให้ปลายสายที่กำลังงุนงงอยู่ได้พูดอะไร เวหาก็วางสายไปแล้ว พลันก้าวกลับไปยืนที่จุดเดิม ทอดมองภาพของทวิชที่ถูกปลดพันธนาการที่ข้อมือออก ร่างที่ถูกจับพาดอยู่บนม้าไม้ ตอนนี้ถูกจับให้ยืนเหยียดตรงแล้ว ก่อนที่ธามจะเข้าไปพูดอะไรบางอย่างด้วย หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มก็ออกวิ่งรอบสนามหน้าคฤหาสน์ด้วย...ความงุนงง

แน่ล่ะว่าไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มหรอกที่งุนงง ทุกชีวิตที่อยู่บริเวณนั้นล้วนงุนงงกับคำสั่งของคุณท่านทั้งสิ้น ขณะที่เวหาไม่ยี่หระกับสิ่งใด ได้แต่ยกบุหรี่ในมือที่แทบจะเหลือเพียงก้นกรองขึ้นสูบ

คราวนี้ล่ะ...เขาสัมผัสรสชาติของมินต์อย่างที่เคยเป็นได้แล้ว

ยืนมองอยู่นานทีเดียว คอยนับรอบวิ่งให้กับทวิชด้วย และเมื่อเห็นว่าทวิชซึ่งกำลังวิ่งในรอบสุดท้ายเริ่มอ่อนกำลังลง แข้งขาอ่อนจนต้องล้มลุกคลุกคลาน ลำบากให้พวกทาสมาช่วยกันพยุงขึ้นให้ออกวิ่งต่อ เขาก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

เด็กนั่นตลกดี ทำเป็นปีกกล้าขาแข็งจะขอปลดแอกเมื่ออายุครบกำหนด แค่วิ่งรอบสนามสามรอบยังแทบไม่ไหว

เขาเผลอหัวเราะออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า พอรู้สึกตัวก็กระแอมเบาๆ กับตัวเองเพื่อเรียกสติ ก่อนจะต้องขมวดคิ้วไปอีกระลอกเมื่อเห็นว่าทุกชีวิตที่อยู่เบื้องล่างปล่อยให้ทวิชนอนแผ่พังพาบอยู่บนพื้นหญ้าอย่างหมดแรง

เวหาเดินตรงมาที่โต๊ะทำงาน คว้าหูโทรศัพท์ขึ้น กดเบอร์ไปยังฝ่ายแม่บ้าน พร้อมกับกรอกเสียงลงไป

“ช่วยเอาของมาให้ฉันที ฉันอยากได้...”

 

ได้ของแล้วก็เดินลงมาที่หน้าคฤหาสน์ ทุกชีวิตเงียบเสียงเมื่อเห็นนายใหญ่ของสังกัดปรากฏตัว เวหาชำเลืองมองทวิชที่นอนหมอบอยู่ใกล้ๆ แล้วก็แสร้งทำเป็นเดินเข้าไปหาธามที่ยืนอยู่ตรงนั้น

“คุณเวหามีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ”

คนสนิทร้องถามอย่างรู้งานเพราะเห็นว่าเจ้านายของตนใส่สูทเต็มยศ ดูท่าทางคงอยากจะออกไปไหนเป็นแน่ หากแต่เวหาไม่พูดออกมาในทันที ชำเลืองมองหน้าซีดเผือดที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อของทวิชนิ่งๆ คราวนี้ใบหน้าอ่อนเยาว์ไร้ซึ่งรอยยิ้มอย่างทุกที มีเพียงความขาวซีดและแขนขาที่สั่นเทาจากการออกกำลังสุดตัว ท่าทางของทวิชดูน่าสมเพช แต่เวหาก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากบอกกับคนสนิทเสียงเรียบ

“ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ไปเตรียมรถ”

ธามรับคำสั่ง เวหาตั้งท่าจะเดินจากไป แต่ในขณะที่เขาหมุนตัว อะไรบางอย่างก็หล่นออกจากกระเป๋าเสื้อสูท ธามชะงัก ทำท่าจะก้มลงเก็บ แต่แล้วก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงลอดไรฟันของผู้เป็นนายดังขึ้นแผ่วเบา

“อย่าเก็บ”

เขาละความตั้งใจนั้นทันที ยิ่งเวหาบอกว่า...

“ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น ใครหน้าไหนก็ห้ามเก็บถ้าฉันไม่ได้สั่ง”

ใครหน้าไหนก็ห้ามถ้าเขาไม่ได้สั่งอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่หรอก ต้องบอกว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเก็บถ้าไม่ใช่คนที่เขาต้องการให้เก็บของสิ่งนี้ไปมากกว่า

ธามไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดคนอื่นๆ รีบเดินตามเจ้านายไปยังโรงรถ ปล่อยให้ทวิชมองตามแผ่นหลังกว้างเงียบๆ และแน่ล่ะว่าเขาเห็นอะไรบางอย่างหล่นจากกระเป๋าของคุณท่านเช่นกัน

“เอ่อ...คุณท่าน ของตก...”

เขาร้องบอก แต่ไม่มีใครสนใจจะหันหลังมามอง เด็กหนุ่มเลยดันตัวขึ้นนั่ง คลานไปคว้าเอาของสิ่งนั้นมาไว้ในมือ พลันก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าของนั้นคืออะไร

ยานวดบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ...

ทำไมคุณท่านถึงได้พกของอย่างนี้ติดตัวกันนะ?

คำถามนั้นได้แต่วนเวียนอยู่ในหัวของคนซื่อบื้ออย่างทวิช ก่อนที่เด็กหนุ่มจะส่งมันให้กับหัวหน้าทาสเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาหา พร้อมกับพูดอะไรสักอย่างด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ให้เดาก็คงกำลังบอกกับหัวหน้าทาสว่า ‘คุณท่านทำของตกครับ ผมเรียกแล้วแต่ไม่ทัน คุณท่านไปแล้ว รีบเอาไปคืนเร็วเข้า!’ อะไรอย่างนั้น

เวหาซึ่งขึ้นรถมาเมื่อครู่ได้แต่ทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถ พลันพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงทันทีที่เห็นว่ายานวดบรรเทาปวดกล้ามเนื้อของเขาเป็นหมันไปเสียแล้ว ธามที่นั่งข้างคนขับเหลือบมองผู้เป็นนายแล้วก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้

“ผมว่าเด็กนั่นซื่อบื้อจนน่ากลัวเลยนะครับ”

เวหาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ก็อดหัวเราะในลำคอออกมาไม่ได้กับคำพูดของคนสนิท ก่อนที่เขาจะออกคำสั่ง

“ไปขับวนรอบๆ อาณาเขตสักชั่วโมงแล้วค่อยกลับ”

ตอนนี้เองที่ธามเข้าใจอย่างชัดแจ้ง

ที่แท้เจ้านายของเขาไม่ได้อยากจะไปไหนหรอก แค่หาเรื่องเอายานวดมาให้เด็กนั่นก็แค่นั้นเอง

“วันหลังให้ผมเอามาให้เองก็ได้นะครับคุณเวหา”

แล้วก็อดพูดออกมาไม่ได้ เวหาถึงกับตีหน้าดุดันทันทีที่ถูกรู้ทัน ก่อนออกปากสั่งด้วยน้ำเสียงที่เจือความไม่พอใจสักเท่าไร

“ออกรถ”

ไม่มีใครพูดอะไรแล้ว ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบครอบงำ เวหาจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง พร้อมกับคำหนึ่งที่ผุดพรายขึ้นมาในหัว

เด็กซื่อบื้อ...

ซื่อบื้อขนาดนี้ เรื่องหักปีกอะไรนั่นคงต้องช่างมันแล้วล่ะ

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel