Chapter 1: ของขวัญวันเกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวง [2/1]
คำพูดที่ไม่คาดคิดที่หลุดออกจากปากเด็กหนุ่มเรียกทุกสายตาให้หันไปมองในทันที ไม่เว้นแม้แต่ไทที่รับคำสั่งให้มาถามเรื่องของขวัญวันเกิด
เมื่อครู่นี้...เด็กนั่นพูดว่าอยากขอปลดแอกตัวเองจากการเป็นทาสอย่างนั้นหรือ?
ใช่...ไม่ผิดแน่ เด็กหนุ่มพูดอย่างนั้น แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจนักเพราะทวิชไม่ใช่ทาสที่กระด้างกระเดื่อง ออกจะว่านอนสอนง่ายด้วยซ้ำ สั่งให้ทำอะไรอย่างไรก็ทำตามอย่างไม่มีบ่ายเบี่ยง อีกทั้งยังรูปร่างผอมบาง เป็นที่ให้ถูกทาสด้วยกันรังแกเอาเปรียบอยู่ร่ำไป
แต่...จู่ๆ ก็มาประกาศกร้าวว่าอยากจะปลดแอกตัวเองจากการเป็นทาส
เมื่อคืนนี้นอนน้อยจนหัวสมองเบลอไปหมดแล้วหรือยังไงกันนะ!?
“เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ”
แม้แต่หัวหน้าทาสยังไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าเด็กหนุ่มพูดอะไร ทวิชซึ่งถูกทุกสายตากดดันอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะพูดออกไปอีกครั้งดีหรือไม่ ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกตวาด
“กูถามว่ามึงพูดอะไร!”
“ผม...ผม...”
ทวิชตัวสั่นงันงก ขณะที่สีหน้าของหัวหน้าทาสแลดูกราดเกรี้ยว
ไม่โกรธสิแปลก ทวิชเป็นทาสใต้ความดูแลของเขา จู่ๆ ก็มาพูดเรื่องขอปลดแอก ไอ้พวกทาสกบฏพวกนี้ถ้าเกิดคิดทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา เขานี่ล่ะจะจับพลัดจับผลูซวยไปด้วย
แต่ยังไม่ทันที่ทวิชจะได้พูดซ้ำและความเดือดดาลของหัวหน้าทาสจะได้ทวีไปมากกว่านี้ ไทที่ได้รับคำสั่งจากนายมาก็เดินเข้ามาแทรกกลาง ก่อนพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้หัวหน้าทาสหลบไป
“แต่คุณธาม...”
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง”
‘คุณธาม’ หรือ ‘ธาม’ เป็นที่รู้กันว่าเป็นคนชนชั้นไทและเป็นลูกน้องคนสนิทของนายแห่งสังกัดจันทรานิรันดร์ อายุอานามไล่เลี่ยกับนายใหญ่ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก เมื่อเรียนจบก็มาทำงานด้วย พูดง่ายๆ ก็คือนอกจากเพื่อนแล้วก็ยังเป็นมือขวา และที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ก็เพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งนั่นล่ะ
“นายอยากปลดแอกเหรอ”
เป็นคำถามแรกที่หลุดออกจากปากของชายหนุ่ม ทวิชพยักหน้ารับทั้งที่ยังก้มหน้า ธามระบายลมหายใจ เขาไม่รู้จักเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว เคยเห็นหน้าค่าตาบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขากลับจำเจ้าของใบหน้านี้ได้แม่นยำทั้งที่ทาสในคฤหาสน์ของจันทรานิรันดร์จะมีหลายร้อยคนก็ตาม นั่นก็เพราะทวิชเป็นทาสที่หน้าตาผิวพรรณดีกว่าทาสคนอื่นๆ ธามเคยเห็นทาสในสังกัดนี้มามากมายหลายหมื่นชีวิต ไม่ว่าจะเขตพื้นที่ไหน ก็ไม่มีใครเลยที่เหมือนกับคนตรงหน้า
เป็นคนหน้าตาดี แล้วก็ยังดูเป็นคนหัวอ่อน ท่าทางเซื่องๆ ไม่สู้คนอย่างนี้ ใครจะไปคิดว่าจะกล้าพูดอะไรบ้าๆ ออกมา
“ปีนี้นายอายุเท่าไร”
พอถูกถาม ทวิชก็เอ่ยเสียงแผ่ว
“สิบเก้าครับ”
เท่านั้นธามก็ขมวดคิ้ว “อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ มาขออะไรบ้าๆ อย่างนี้ทำไม ไม่รู้เหรอว่าการขอปลดแอกจะต้องมีอายุยี่สิบขึ้นไป”
เรื่องนี้ทวิชรู้ แต่ที่เขาพูดน่ะ ก็เพราะ...
“ผมก็แค่อยากขอให้คุณท่านรับปากว่าพอผมอายุถึงเกณฑ์ ท่านจะอนุญาตให้ผมขอปลดแอกตัวเองน่ะครับ”
มองก็รู้เลยว่าที่แท้เด็กหนุ่มก็เป็นห่วงว่าจะไม่ได้รับอนุญาต แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องโง่ๆ อยู่ดี ธามส่ายหน้าพรืด ว่าออกมาแทบจะในทันใด
“เปลี่ยนใจซะ ขอของขวัญอย่างอื่น อย่าขอเรื่องไร้สาระ”
ทวิชเหลือบมองหน้าคนพูด
เรื่องไร้สาระอย่างนั้นเหรอ? เขาอยากได้อิสระ อยากเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง ไม่ตกอยู่ใต้คำสั่งของใคร อยากเป็นไทเหมือนธาม... มันไร้สาระอย่างนั้นเหรอ?
สำหรับทาสมันดูไร้สาระจริงอย่างที่ธามว่า ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังยืนยันหนักแน่น
“แต่ผมอยากจะขอเรื่องนี้จริงๆ ครับ”
“คิดใหม่ ลองคิดดูให้ดีว่าเธอมีอย่างอื่นที่อยากได้นอกจากนี้หรือเปล่า อย่าเสียเวลากับเรื่องแบบนี้”
ธามพยายามโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ ทว่าทาสที่ใครต่อใครมองว่าหัวอ่อนกลับส่ายหน้าอีกครั้ง
“ผมอยากได้นี่ครับ”
“อยากได้อะไร”
“อิสระ”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาหลังจากนั้น แม้แต่ธามเอง เขาไม่ได้เห็นใจหรือเอ็นดูทาสตรงหน้าหรอก ได้แต่มองอย่างเวทนามากกว่า
“เมื่อกี้ไม่เห็นหรือไงว่าจุดจบของทาสที่พยายามจะปลดแอกตัวเองเป็นยังไง”
ธามว่าขึ้น เขาหมายถึงชายหนุ่มที่ถูกหามร่างโชกเลือดออกมาจากสังเวียนเมื่อครู่นี้ ส่วนสังเวียน... มันคือการที่ทาสถูกส่งตัวไปขึ้นสู้กับนักสู้ที่พวกนายใช้เป็นเกมการพนันกับนายสังกัดอื่นๆ โดยมีสิ่งเดิมพันคือจำนวนของทาส แต่เมื่อทาสขึ้นสังเวียน สิ่งที่ทาสใช้เดิมพันนั้นก็คือชีวิต ขณะที่นายใช้อิสระของทาสเป็นตั๋วเบี้ยเดิมพัน
การต่อสู้มีทั้งหมดสิบยก...กับนักสู้สิบคน
กติกามีเพียงอย่างเดียว... ทาสจะต้องชนะนักสู้ทั้งหมด ถ้าไม่ชนะ บาดเจ็บสาหัสหรือตายไประหว่างการต่อสู้ก็จะถือว่าการเดิมพันสิ้นสุดลงทันที
การปลดแอกตัวเองจากการเป็นทาสนั้นไม่ง่าย ไม่มีทาสคนไหนที่มีความเป็นอยู่หลังจากการขอปลดแอก
ไม่ตาย...ก็พิการ ทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้จะหายไปจากอุ้งมือทันทีหากไม่เจียมตน
ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นทาส และทาสก็ไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีนาย แต่ถึงอย่างนั้นทวิชก็ยังอยากจะอยู่ด้วยตัวเอง อิสระมันชวนให้หลงใหลเกินกว่าเขาจะละทิ้งมันได้โดยง่าย
ทำไมน่ะหรือ?
ก็เพราะชีวิตใต้อำนาจของนายมันไม่ได้ดีสำหรับเขา ต่อให้ได้มาอยู่ในสังกัดจันทรานิรันดร์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนายที่ใจดีหลังจากถูกจำหน่ายเป็นเดิมพัน เป็นทาสของนายหลายต่อหลายคน เขาก็ยังไม่ไว้ใจนายของที่นี่
ที่ผ่านมากับนายคนก่อนๆ เขาถูกกระทำไม่ต่างจากสัตว์ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขา รอยแผลเป็นบนตัว ความฟกช้ำทางจิตใจ ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไว้ใจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ถ้าต้องยอมเป็นทาสต่อไป แล้วอีกเมื่อไรกันที่เขาจะอยู่อย่างไม่หวาดระแวงได้สักที?
ทวิชเงียบไปครู่ใหญ่ ทำเอาคนตรงหน้าต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“เลิกคิดซะเถอะเรื่องนี้น่ะ ขอในสิ่งที่เป็นไปได้ถ้ายังอยากมีลมหายใจอยู่”
พูดจบก็หมายจะหันหลังกลับไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเด็กหนุ่มไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
“แต่ผมอยากจะขอเรื่องนี้จริงๆ นะครับ”
ธามหันมามอง ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงได้ตื๊อนัก ขณะที่ทวิชยกมือขึ้นพนมที่หน้าอก
“ขอร้องล่ะครับคุณธาม ช่วยไปบอกคุณท่านทีว่าของขวัญวันเกิดปีนี้ ผมขอแค่ให้คุณท่านรับปากว่าปีหน้าจะให้ผมปลดแอก เท่านี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว”
ไม่เจียมตัว...
ธามอยากจะพูดคำนี้นัก แต่เพื่อไม่ให้เรื่องมันยืดเยื้อ เขาจึงตัดรำคาญด้วยการรับปากไป
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันจะบอกให้”
สิ้นเสียง รอยยิ้มก็ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าเด็กหนุ่มพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นมา
“ขอบคุณมากครับ”
เด็กหนุ่มกลับเข้าไปนั่งรวมกับกลุ่มทาสแล้ว ธามสูดหายใจเข้าปอดด้วยความระอาก่อนจะเดินจากไป
ขอให้นายรับปากว่าจะให้ปลดแอกเมื่ออายุครบเกณฑ์อย่างนั้นหรือ?
ดูท่าแล้วคงจะอยากมีอายุถึงแค่ยี่สิบเท่านั้นล่ะมั้ง...
ของขวัญวันเกิดจากคุณท่าน...
ทวิชทอดสายตามองกล่องของขวัญที่เป็นเพียงกล่องกระดาษสีพื้นด้วยความผิดหวัง หลังจากถูกหัวหน้าทาสเรียกไปรับแล้วเปิดมันออกมา เขาก็พบว่าสิ่งที่เขาได้เป็นของขวัญวันเกิดคือเสื้อตัวใหม่ ไม่ใช่คำมั่นว่าจะให้เขาได้ปลดแอกเมื่ออายุครบเกณฑ์อย่างที่เขาหวังไว้
ธามโกหกเขา โกหกว่าจะไปบอกให้ แต่จริงๆ แล้วคำขอของเขาไม่ได้ถูกเขียนลงในรายงานเลยแม้แต่คำเดียว
เสื้อตัวใหม่...ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าต้องเป็นธามที่บอกให้หัวหน้าทาสเขียนลงไปแน่
ทวิชวางเสื้อลงบนฟูกนอนมอซอของตัวเอง สีหน้าและดวงตาฉายแววผิดหวังออกมาอย่างไม่ปกปิด ทำเอาหัวหน้าทาสที่เป็นคนมอบกล่องของขวัญให้เมื่อครู่นี้หัวเราะร่วนเป็นการใหญ่
“ได้เสื้อก็ดีแล้วไอ้วิช”
“แต่ผมไม่อยากได้เสื้อ”
ทวิชยังคงตอบไปตามความจริง ทำให้เขาถูกตบเข้าที่ข้างศีรษะไม่แรงนัก
“ทาสอย่างมึงมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอวะ อย่าเรื่องมาก”
ทวิชลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ ใบหน้าเหยเกเล็กน้อยด้วยเจ็บแปลบขึ้นมา ขณะที่อีกฝ่ายเท้าสะเอวว่า
“กูไม่เข้าใจมึงเลยว่าทำไมจะต้องเอาชีวิตตัวเองไปแลกกับอะไรโง่ๆ ด้วย มึงก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าไอ้โง่นั่นมันเป็นยังไง โน่น ป่านนี้ยังนอนพะงาบๆ หยอดน้ำเกลือไม่ได้สติอยู่เลย ดีนะที่มันเป็นทาสในสังกัดนี้ ถ้าเป็นสังกัดอื่น นายเขาทิ้งให้ตายเป็นหมาข้างถนนแล้ว”
เรื่องนั้นก็จริงอยู่ แต่ทวิชก็อดไม่ได้นี่นาที่จะคิดถึงความอิสระที่ตัวเองโหยหานี่นา ถึงเขาจะโง่ที่ไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ทว่าก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าไม่ควรพูดอะไรออกไปหลังจากนี้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงต้องถูกหัวหน้าทาสตบอีกแน่
“เลิกคิดฟุ้งซ่านซะ แล้วมาช่วยกูเตรียมข้าวของ คืนพรุ่งนี้คุณท่านจะจัดงานเลี้ยง อย่ามัวขี้เกียจ”
ทวิชลุกขึ้นตามคำสั่ง เขาเตรียมจะไปช่วยทาสผู้ชายคนอื่นๆ ยกโต๊ะเก้าอี้ไปจัดในห้องบอลรูมของคฤหาสน์ ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินออกจากเรือนนอนทาส หัวหน้าทาสก็มาขวางหน้าเขาไว้ ก่อนกดเสียงต่ำพูดให้ได้ยินเพียงสองคน
“แล้วก็อย่าคิดทำเรื่องวุ่นวายเป็นอันขาด ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
ที่พูดอย่างนี้เพราะระแวงว่าทวิชจะทำอะไรที่ไม่คาดคิดล่ะสินะ ก็แน่ล่ะ ขนาดของขวัญที่ร้องขอยังเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเลย ถูกปฏิเสธอย่างนี้ ถ้าเกิดคิดทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา เดี๋ยวจะพากันซวยไปทั้งบาง
“เข้าใจไหม”
ถูกย้ำถามมาอีกที ทวิชก็พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนที่หัวหน้าทาสจะเดินออกไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มก้าวตามหลัง
ทำเรื่องวุ่นวายหรือ?
เขาไม่ทำหรอก เพราะที่เขาจะทำน่ะ...คือขอของขวัญชิ้นใหม่ก็เท่านั้นเอง
เขาไม่อยากได้เสื้อตัวใหม่ ไม่อยากได้สิ่งของมีค่าอะไรทั้งนั้น เขาขอแค่โอกาส...
...โอกาสที่จะได้รับอิสระ
เพียงเท่านี้ ชีวิตเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
การได้ไปช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้ที่ห้องบอลรูมในคฤหาสน์ เป็นโอกาสให้ทวิชได้สำรวจทางหนีทีไล่และทางเข้าออกในคฤหาสน์แห่งนี้
ใช่... เขากำลังคิดถึงการประจันหน้ากับนายของเขาซึ่งๆ หน้าเพื่อร้องขอในสิ่งที่เขาต้องการ
ไม่มีทาสคนไหนเคยทำแบบนี้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทาสสมควรทำด้วย แต่เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้รับอิสระ ทวิชก็รู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว ชีวิตอย่างนั้นหรือ? ถ้าเขาตาย มันก็เท่ากับว่าได้รับอิสระเช่นกัน แต่ถ้าพิการ...อย่างน้อยก็ไม่ต้องรับคำสั่งใครล่ะมั้ง
เป็นความคิดตื้นๆ และโง่มาก ถึงอย่างนั้นทวิชก็ยังคงตั้งใจจะทำสิ่งนั้น โชคเป็นของเขาที่นายใหญ่แห่งสังกัดจันทรานิรันดร์มักจะจัดงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ในคืนพระจันทร์เต็มดวง
คืนพระจันทร์เต็มดวงในวันพรุ่งนี้ตรงกับวันเกิดของทวิชเสียด้วย เขาเลยถือโอกาสคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็นการขอของขวัญวันเกิดจากนายก็แล้วกัน
หลังจากที่ทำงานประจำวันตามหน้าที่เสร็จ ทวิชก็หลบออกมาจากวงอาหารเย็นเพราะรู้ดีว่าทุกครั้งที่คฤหาสน์มีการจัดงานเลี้ยง เหล่าทาสและไทมักจะได้รับอนุญาตให้พักผ่อนกันตามอัธยาศัย ดื่มและกินได้มากเท่าที่ใจต้องการเพราะมีอาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงถูกส่งต่อมาให้ลิ้มรสไม่อั้น
อันที่จริงก็เป็นช่วงเวลาที่ทวิชชอบที่สุดในการเป็นทาสเหมือนกัน แต่เขาตั้งใจว่าจะไม่เป็นทาสอีกแล้ว ดังนั้นเขาจะพอใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาทาสไม่ได้
เด็กหนุ่มแสร้งว่าป่วย ขอตัวกลับมาพักผ่อนที่เรือนนอน การที่เขาหายตัวไปสักคน ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว ทวิชจึงอาศัยโอกาสนี้หลบไปยังคฤหาสน์เพื่อทำตามแผน ทว่าการเข้าไปในคฤหาสน์ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ เหมือนตอนที่มาจัดโต๊ะเก้าอี้ในงาน
เข้าทางข้างหน้าไม่ได้ มีพวกไทที่เป็นลูกน้องของธามยืนเฝ้าระวังความปลอดภัยเต็มไปหมด
จะทำอย่างไรดี? ต้องทำอย่างไรถึงจะเข้าไปประชิดตัวของนายใหญ่ได้?
