6 Party!(2)
ฉันกดนิ้วลงบนคีย์เปียโนตามตัวโน๊ตอีกครั้ง สีหน้าสบายๆ ของนิคที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้ฉันอยากตั้งใจเล่นเปียโนให้เขาฟัง พักใหญ่เขาก็ลุกไปที่ประตูเมื่อมีเสียงใครคนหนึ่งเดินเข้ามา
“แคมม์มาหรือยัง นิกิต้า” เสียงหวานใสร้องถามจากประตู ฉันเล่นเปียโนสะดุดไปชั่วครู่เพราะรู้สึกแปลกที่ได้ยินเสียงผู้หญิง
“แคเมรอนยังไม่มา” นิคตอบออกไป
“เหรอ”
แล้วฉันก็ได้ยินเจ้าของเสียงที่ถามถึงแคมม์ก้าวเข้ามาในบ้าน ก่อนจะตรงมาหาฉันที่ยังเล่นเปียโนอยู่
“แล้วสาวสวยคนนี้ใครกันน่ะ? ” เธอถามถึงฉัน ฉันก็เลยหันไปยิ้มให้เธอ แล้วฉันก็ต้องเบิกตากว้างอยางตกตะลึงที่ได้เห็นใบหน้าที่สวยราวกับนางแบบบนปกแมกกาซีน จมูกโด่งเชิดรั้นนิดๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย เข้ากันกับผมสีบรูเน็ตต์ที่หยักเป็นลอนยาวลงมาถึงกลางหลังราวกับตุ๊กตา
“ฉันชื่อคามิลล์” เจ้าของใบหน้าแสนสวยแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
“วิคกี้จ้ะ” ฉันบอกชื่อตัวเองบ้าง
“คามิลล์เป็นแฟนแคเมรอน” นิคแนะนำ
ฉันสะดุ้งเฮือก ทั้งตื่นเต้นทั้งทึ่งที่ได้เจอแฟนสาวแสนสวยของแคมม์
อยู่ๆ คามิลก็โน้มร่างบางสวยราวกับซุปเปอร์โมเดลมาโอบเอวฉัน ก่อนจะยื่นริมฝีปากสีพีชที่เปื้อนรอยยิ้มหวานเซ็กซี่มากระซิบที่ข้างหู “อยู่กับนิคสองต่อสองนานๆ อย่าเผลอใจไปจูบเขาเข้าล่ะ”
“หะ...หา...!? ”
หลังจากพูดด้วยหน้าตาเซ็กซี่แต่ขี้เล่น คามิลล์ก็ขยิบตาให้ฉันแล้วย้ายร่างบางเข้าไปหาน้ำดื่มในครัว
“ไฮ เคนท์” นิคร้องทักเคนตันที่เพิ่งมาถึง
“ไฮ นิค ไฮ วิคกี้”
เสียงของเคนตันเรียกคามิลล์ออกมาจากครัวทันที เธอเดินตรงมาหาเขาราวกับรออยู่นาน
“ไฮ ไม่เจอกันนานนะ” คามิลล์เอื้อมแขนไปโอบไหล่เคนท์ ก่อนจะยื่นแก้มสีชมพูระเรื่อน่าหอมไปชนแก้มหล่อเหลาและใสปิ๊งของเขา แต่เขาไม่ได้ก้มลงมาเธอก็เลยต้องเขย่งเท้า
“คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า? ” เธอถามแบบขี้เล่น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูออดอ้อน ฉันแอบทำเป็นไม่เห็นและเล่นเปียโนต่อ แต่หูกลับตั้งเหมือนลูกหมาที่กำลังตื่นเต้น
“สบายดีนะคามิลล์? ”
“นายนั่นแหละที่รู้ดีที่สุดน่ะ”
เคนตันนิ่งไป เขาไม่ตอบเสียงของคามิลล์ที่แฝงไว้ด้วยการประชดประชันนิดๆ พูดกันได้แค่นั้นแล้วเคนตันก็ผละจากคามิลล์ไปเพื่อทักทายแซคที่เพิ่งมาถึง
“ไงแซค ไปซ่อมน้ำ ซ่อมรถ หรือซ่อมไฟบ้านไหน รวยขนาดนายไม่ต้องทำก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันอยากฝึกสมอง ไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์ตาย”
แล้วบทสนทนาก็หยุดลงเท่านั้นเมื่อเซธและแคเมรอนมาถึง พวกเขามักจะมาพร้อมกันเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน บ้านของเซธกับแคมม์อยู่นอกเมืองออกไปทางตะวันตกไม่ไกล เป็นบริเวณแสนสวยที่มีทั้งฟาร์ม ร้านอาหารวิวดีที่เงียบสงบ และแกลลอรี่ที่น่าสนใจซ่อนอยู่ ไหนจะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติอย่างทะเลสาบและสายน้ำ แต่ละที่ก็สวยอัศจรรย์สมกับที่ว่ากันว่าแคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่สวยและน่าอยู่ที่สุดในโลก
แคมม์เดินเข้าไปหาคามิลล์ทันทีเมื่อเห็นเธอ แล้วร่างบางก็โผเข้าไปในอ้อมกอดของแคมม์
“ฉันคิดถึงนายจังเลยแคมม์” คามิลล์อ้อน และหลับตาเมื่อแคมม์โน้มใบหน้าคมคายราวรูปสลักลงเพื่อฝังริมฝีปากลงบนเส้นผมนุ่มลื่นของเธอ
ฉันหน้าแดง ไม่รู้จะเอามือตัวเองไปว่างไว้ที่ตรงไหน ฉันไม่เคยเขินขนาดนี้เลย นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่ามือของตัวเองเลิกเล่นเปียโนไปตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วอยู่ๆ ใครคนหนึ่งก็จี้เอวฉันจนสะดุ้งโหยง “กรี๊ด”
แซคได้แต่ยืนหัวเราะที่แกล้งฉันได้ “โทษที ไม่รู้ว่าเธอบ้าจี้ จะดื่มอะไรไหม? ”
“ไม่!” ฉันสะบัดหน้า
“แล้วโกรธอะไรของเธอนั่นน่ะ” แซคเอียงหัวงงๆ ก่อนจะเคลื่อนหลังมือมาแตะหน้าผากของฉันราวกับจะดูว่าไข้ขึ้นไหม แต่ฉันปัดมือเขาออก “ไม่สบายหรือเปล่า? ”
ฉันไม่ตอบเพราะฉันตอบไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดอะไร
แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้ แคมม์กับคามิลล์นั่งอยู่ข้างๆ กันเหมือนทั้งโลกมีแค่เขากับเธอ ฉันเหม่อมองคู่รักของแก๊งเราอย่างชื่นชม
ไม่นานแคมม์กับคามิลล์ก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน พวกเขาคงต้องการเวลาที่จะมีแต่เขาสองคนเท่านั้น แต่ก่อนจะเลี้ยวหายขึ้นไปคามิลล์หันมามองเคนตันแวบหนึ่ง สายตาราวกับจะฝากความแค้นและท้วงถามเอาไว้ทำให้ฉันประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรหรอก คามิลล์เป็นแฟนเก่าเคนท์น่ะ” อยู่ๆ คำตอบก็ดังขึ้นข้างหลังจนทำให้ฉันสะดุ้ง แซคทำให้ฉันตกใจอีกแล้ว!
“จริงเหรอ โลกกลมจังนะ ใครเป็นคนบอกเลิกเหรอ” ฉันถามเรียบราวกับไม่ใส่ใจ ตรงข้ามกับความอยากรู้อยากเห็นที่ซ่อนเอาไว้
“จะอยากรู้ไปทำไม” แซคย้อนถามฉันกลับ ริมฝีปากผุดยิ้มร้าย
“ก็...เอ่อ...ก็...นายเริ่มเล่าก่อนทำไมล่ะ คนบ้า!” ฉันชักสีหน้า จิ๊ปากรำคาญหมอนี่ขึ้นมา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาตอบคำถามในใจฉันได้ราวกับเริ่มระแคะระคายความคิดประเภทเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของฉัน
“ฮะๆๆ อย่าดุสิวิค ฉันบอกให้ก็ได้ เคนตันเป็นคนทิ้งคามิลล์ก่อนเพราะเขาหันไปคบสาวสวยอีกคนชื่ออนาสตาเซีย”
“อ้าว เคนท์มีแฟนเสียแล้ว...” ฉันลากเสียง “เคนตันก็มีแฟนแล้ว แคมม์ก็มีแฟนแล้ว ไม่สงสารผู้หญิงในเมืองอาร์เธอบ้างหรือ อืม แต่ว่าที่จริงก็ไม่แปลก พวกเขาหล่อขนาดนั้นจะรอดเงื้อมมือสาวๆ ไปได้นานแค่ไหน ถ้าพวกเขายังไม่แฟนสิถึงจะเรียกว่าแปลกจริง”
ไม่ทันไรฉันก็กลับไปนึกถึงคามิลล์แล้วถอนใจ “ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคามิลล์ถึงจ้องมองเคนตันเหมือนมีแผลในใจ เขาบอกเลิกกับเธอนั่นเอง แต่ดูเหมือนเธอจะยังรักเขาและลืมเขาไม่ได้”
“ช่วยไม่ได้ เคนตันเลิกกับเธอไปคบผู้หญิงที่สวยน่ารักกว่าชื่ออนาสตาเซีย”
“อนาสตาเซียงั้นเหรอ” ฉันทวนชื่อที่ราวกับเจ้าหญิงผู้งดงาม “ชื่อเพราะจัง แฟนใหม่ของเคนตันเป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ สาวสวยระดับนางแบบอย่างคามิลล์เขาถึงทิ้งได้ ถึงอย่างนั้นก็เหอะ เคนตันก็ใจร้ายจัง บอกเลิกคามิลล์ได้ลงคอทั้งที่เธอยังคิดถึงเขาแบบนั้น” ฉันขมวดคิ้ว แค้นแทนคามิลล์ขึ้นมานิดๆ
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก” แซคบอกราวกับไม่ใส่ใจ
“แต่ไม่เป็นไรหรอก แคมม์จะต้องรักษาแผลใจให้คามิลล์ได้แน่ และจะทะนุถนอมหัวใจของเธอ แคมม์ทั้งอ่อนโยนและใจดี เขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะทำร้ายผู้หญิงเลย” ฉันยิ้มอย่างมั่นใจ
แต่แซคหรี่ตามองฉันและยิ้มร้าย “ดูเธอจะคลั่งไคล้แคมม์นะ”
เส้นสันหลังของฉันเย็นวาบ นึกเกลียดเจ้าของยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นขึ้นอีกสิบเท่า!
“ไม่ใช่!” ฉันค้านเสียงแข็ง “ฉันแค่เห็นเขาเป็นเพื่อนที่ดี!
“อ้อ เหรอ”
“อีกอย่างฉันคิดว่าแคมม์กับคามิลล์ดูเป็นคู่รักที่ดูสมกันดีที่สุดในโลก คามิลล์เป็นผู้หญิงที่โชคที่มากที่มีแคมม์เป็นแฟน พวกเขาเหมือนถูกสร้างมาให้คู่กัน”
“เรื่องนั้น...ที่จริงก็ยังเป็นปริศนาสำหรับฉัน” แซคไม่ซาบซึ้งไปกับฉันหากแต่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
ฉันแปลกใจ “พูดอะไรของนาย? ”
ทว่าแซคแค่ไหวไหล่แล้วเดินไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ต่อ ทิ้งให้ฉันยืนทื่ออยู่กับความสงสัยที่ตรงนั้นเอง
ปาร์ตี้ของนิคทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่กลางบาร์สุดหรูในกรุงมอสโก แสงไฟสาดส่องวูบวาบและเพลงแนวเฮ้าส์ทำให้บรรยากาศของบ้านเปลี่ยนไปอย่างน่าทึ่ง ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะดีไปกว่าการแดนซ์และปล่อยอารมณ์ไปกับบีทของเพลง
เพื่อนๆ ของฉันเต้นเก่งอย่างไม่น่าเชื่อเลย หนำซ้ำพวกเขาดูเท่ขึ้นอีกหลายเท่าในเวลาแบบนี้ และถ้าที่นี่เป็นผับหรือบาร์จริงๆ พวกผู้หญิงต้องกรีดร้องจนเสียสติแน่
“นี่เคนท์ แคมม์พาแฟนมาได้ แล้วทำไมนายไม่พามาบ้าง” ฉันถามเคนตันตอนที่พวกเราเต้นด้วยกัน
“แฟน? ”
“อนาสตาเซียน่ะ” แซคที่เต้นอยู่ข้างๆ เสริมด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ดีมั้ง” เคนท์บอกปัด
“ดีสิ แก๊งเราจะได้มีผู้หญิงเพิ่ม เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มแบบนี้ฉันเหงานะ” ฉันออดอ้อน
“รายนั้นน่ะขอเหอะ พามาก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย” เคนท์ทำเสียงเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยิ้ม และน้ำเสียงที่เขาพูดถึงแฟนฟังทั้งรักทั้งหวงก็ราวกับกำลังพูดถึงลูกสาว
“นายว่าลับหลังแฟนว่าเจ้าปัญหาเหรอ ถ้าเจออนาสตาเซียฉันจะฟ้องเธอนะ!”
“อย่านะ”
“แล้วทำไมจะพามาไม่ได้ล่ะ แฟนนายจะยุ่งได้ขนาดไหนเชียว”
“ก็ไม่ยุ่งเท่ากับที่น่ารักหรอก”
“น่านะ แล้วฉันจะดูแลเธอให้ ฉันสัญญา” ฉันออดอ้อนจนแทบจะคุกเข่า “ฉันอยากเจอเธอมากจริงๆ นายต้องพาเธอมานะ นะๆๆๆ”
“เฮ้อ เอาอย่างนั้นก็ได้”
“จริงเหรอ!? เยี่ยมไปเลย!”
“รับปากแล้วนะว่าจะช่วยดูแล อย่าเปลี่ยนใจเสียล่ะ” เคนท์หยักยิ้ม และแซคก็เช่นกัน ทว่ารอยยิ้มงดงามบนใบหน้าหล่อเหลาของทั้งสองดูไม่น่าไว้ใจ
“เดี๋ยว ทำไมพวกนายทำหน้าแบบนั้น...” ฉันเริ่มระแคะระคาย “หรือฉันรับปากอะไรผิดไป หรือว่าแฟนนายจะร้ายจนฉันเอาไม่อยู่ หรือว่าอะไร นี่ฉันรับปากเร็วเกินไปใช่ไหม?”
ทว่าเคนตันแค่ยิ้มตอบพร้อมเสียงหัวเราะเย็นในลำคออย่างแฝงเลศนัย ราวกับจะยิ่งตอกย้ำว่าที่ฉันขอร้องอยากจะเจอแฟนเขาอาจจะเป็นเรื่องผิดก็ได้ “เดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง วิคกี้”
“ยุ่งละสิ”
เริ่มดึกแล้ว ดูเหมือนเพื่อนๆ ของฉันจะสนุกกับงานปาร์ตี้ไปได้เรื่อยๆ เวลาไม่ใช่สิ่งที่พวกเรากังวลเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ทำให้ไม่ต้องตื่นไปเรียนแต่เช้า แคมม์ไม่ได้อยู่เต้นกับพวกเรา ตั้งแต่เขาเดินขึ้นไปบนบ้านกับคามิลล์ก็ยังไม่ลงมาเลย
แต่ไม่ได้มีแค่แคมม์กับคามิลล์เท่านั้นที่ไม่อยู่ เพราะเมื่อฉันนึกดูอีกทีก็เห็นว่าเพื่อนอีกคนหนึ่งหายไป ฉันไม่เห็นเขามาสักพักแล้ว
เซธหายไป
