บท
ตั้งค่า

MY SISTER : 04

อื้ออออ...อืออออ

ฉันยกแขนบิดตัวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาปรับให้เข้ากับแสงไฟสลัว นี่ฉันเผลอหลับไปเหรอ? นานแค่ไหนแล้วนะ?

ทันทีที่เห็นเงาร่างของใครบางคนยืนจ้องหน้าฉันอยู่ ดวงตาฉันก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ฉันรีบพลิกตัวหนี แต่ลืมไปว่าพื้นที่โซฟามีจำกัด ส่งผลให้ร่างทั้งร่างของฉันร่วงไปกองกับพื้น

ตุบ!

“โอ๊ยยย!!” ฉันร้องลั่น ขณะที่เขาร้องอุทานอย่างตกใจ

“เฮ้ยยย!!!”

ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือลูบตามเนื้อตัวที่มีร่องรอยการตกกระทบนิดหน่อย นิ่วหน้า ซูดปาก พลางบ่นงึมงำ

“ตกลงมาแค่นี้ก็เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย...”

ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งว่ามีบุคคลปริศนาอยู่ในบ้าน ฉันรีบดีดตัวลุกยืน แล้วถอยหลังไปทางห้องครัวโดยอัตโนมัติ ดวงตาจับจ้องไปยังร่างสูงแบบไม่ละสายตา แต่ด้วยความที่ไม่ได้ใส่แว่นทำให้ฉันมองหน้าเขาไม่ชัด อีกทั้งแสงไฟในห้องนี้ยังสลัว ยิ่งทำให้เห็นใบหน้าของเขาเลือนรางไปหมด

ฉันเอื้อมมือไปควานหาบางอย่างบนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะหยิบกรรไกรมากำไว้ในมือแน่น ในจังหวะเดียวกันผู้บุกรุกก็ค่อยๆ ก้าวเข้าหาและฉันถอยหนี

ปึก!!!

ความเย็นของประตูตู้เย็นทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย นั่นแปลว่าฉันจนมุมแล้ว เขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นดันตู้เย็นอย่างรวดเร็ว โดยมีใบหน้าฉันอยู่ระหว่างกลาง ราวกับกำลังกักขังฉันไว้

“แกเป็นใครอะ ออกไปนะ” ฉันร้องโวยวายพร้อมกับยกกรรไกรในมือขึ้น เปลือกตาบางปิดลงในตอนที่เขาเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ “ฉันไม่มีอะไรให้แกปล้นหรอกนะ ไปปล้นที่อื่นเถอะ”

“...” ไม่มีการโต้ตอบใดๆ มีเพียงลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาอย่างสม่ำเสมอ

มันใกล้มาก...มากจนได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยปะปนอยู่ในอากาศ

“ปล่อยฉันไปนะ...นะ” ฉันไม่มีทางเลือกจำต้องขอร้องกราบกราน ให้เขาเห็นใจ

“นี่!!!...ถ้าฉันเป็นโจรจริงนะ ไม่ปล่อยให้เธอมายืนอยู่แบบนี้หรอก”

ในที่สุดเขาก็พูด แต่ไม่ใช่การพูดปกติแต่มันเป็นการตะคอก บ้าเอ๊ย...ตกใจหมด

ฉันค่อยๆ หรี่ตามอง เห็นเขาดึงมือลงไปลวงกระเป๋ากางเกงตัวเองทั้งสองข้าง ยกยิ้มขึ้นมุมปากเล็กน้อยก่อนจะถอยห่างออกไปสองสามก้าว พอให้ฉันหายใจได้สะดวกขึ้น

“นายอยู่ที่นี่เหรอ…?” ฉันถามแต่ยังไม่ลดกรรไกรในมือลง

“อืม” เขาครางรับ

“ห๊ะ...ป้าพิมบอกว่าเด็กนักเรียนนิ แต่นี่…” ฉันพูดพลางชี้นิ้วไล่ตามความสูงของเขาซึ่งถ้าเทียบกับฉัน แค่ไหล่เขาเท่านั้นเอง เด็กนักเรียนอะไรของป้าเนี่ย…

“เด็กนักเรียน...หึ!!!” เขาหลุบมองฉันพลางแค่นหัวเราะในลำคอ เหมือนประมาณว่าฉันโดนหลอกเข้าให้แล้ว ป้านะ...ป้า ยังมีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกรึเปล่าเนี่ย

จากนั้นเขาก็เดินออกไปนั่งโซฟาตัวกลางห้องโถงตัวเดิม ฉันจึงรีบวางกรรไกรแล้วตามเขาออกไป

ฉันหรี่ตาไล่สำรวจ housemate ของตัวเองที่กำลังก้มหน้าก้มตาจ้องหน้าจอมือถือ พลางหย่อนสะโพกลงนั่งโซฟาอีกตัวข้างกัน ตอนนี้ฉันเห็นใบหน้าเขาชัดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยเรื่องของความหล่อ เบ้าหน้าฟ้าประทานสุดๆ จมูกที่เชิดขึ้นเป็นสัน คิ้วดกดำ กลีบปากหยักสวยเข้ารูป

เสียดายจัง เขาไม่น่าเป็นเกย์เลย แต่ถึงเขาจะไม่ได้เป็น ฉันก็ไม่ถูกกับผู้ชายอายุน้อยกว่าอยู่ดี

“มองอะไร” ประโยคคำถามของเขาปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์

“อะ...อ๋อ แค่เช็กอะไรนิดหน่อย”

“เช็ก…?” คิ้วหนาขมวดยุ่งพลางหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด เอาเข้าจริงถ้าบอกว่าไม่ได้เป็นฉันก็เชื่อนะ...หรือเขาเป็นพวกแอบ แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน..มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา

“นายชื่อ..อะไร” ฉันเลี่ยงไปเปิดประเด็นใหม่

“อยากรู้…?” เขาไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ ด้วยท่าทางกวนตีนสุดๆ ถ้าไม่อยากรู้จะถามทำบ้าอะไรเล๊า!! ฉันอยากแหกปากใส่หน้าเขา...แต่ก็ทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าลึก...ลึกพูดออกไปในโทนเสียงปกติ

“เออน่า...ก็อยู่บ้านเดียวกัน จะได้เรียกถูก”

“แล้วเธอล่ะ…?” ไม่ตอบแถมยังย้อน แล้วดูสรรพนามที่ใช้กับฉันที่แก่กว่าตั้งหลายปี เด็กนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย

“ฉันเป็นพี่นายนะ...เท่าที่รู้”

“แล้วง่ะ…?” ไม่มีความสะทกสะท้านใดๆ เขาขยับไหล่ยกขึ้นก่อนจะก้มหน้าสนใจมือถือต่อ คำถามฉันหายวับไปในอากาศ คำตอบก็ไม่ได้ ได้แต่ความกวนตีนกลับมา...

“ก็ควรเรียกฉันว่าพี่ป้ะ?” ฉันว่า

“ฉันไม่เคยมีญาติหน้าเหมือนเธอ” คำตอบที่หลุดออกมาทำเอาฉันอยากทุบหัวเด็กนี่สักที ปากนี่...สุดยอดเลย ฉันเริ่มเชื่อแล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ

ฉันทำได้แค่ท่องไว้ในใจ ‘อดทนไว้หนูดา เราต้องสมานฉันท์เพื่อการอยู่รอด’ ในขณะที่ความร้อนปะทุขึ้นเกือบถึงขีดสุด แต่เขากลับนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหอะ...นี่เขาเป็นคนแบบไหนกันนะ

“มันเป็นมารยาทไหมล่ะ ฉันอายุเยอะกว่า นายก็ต้องเรียกฉันว่า...พี่ เข้าใจ?”

เงียบ...ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา นี่ฉันคุยกับใครอยู่วะ...เนี่ย

“เออออ...แล้วแฟนล่ะ นายมีแฟนไหม”

เปลี่ยนเรื่องก็ได้ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าจะมีใครมาที่บ้านหลังนี้อีกไหม

เขาหันมามองหน้าฉันแล้วกระตุกยิ้ม หมายความว่าไง ฉันพูดอะไรผิด ใจจริงอยากถามว่ามีแฟนผู้ชายหรือผู้หญิงด้วยซ้ำ

“อยากรู้…?”

“อืม”

“อยากรู้ทำไม อยากได้ฉันเหรอ…?”

“เหอะ! ฉันไม่ชอบผู้ชายแอ๊บแมนแบบนายหรอกนะ”

“ฮะ...?” เขาทำหน้ายุ่งใส่ฉันทันที

“เอาน่าๆ ...ฉันไม่บอกใครหรอก” ฉันพูดพลางยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบประโลม

ที่บ้านเขาต้องยังไม่รู้แน่เลย คงจะอึดอัดมากสินะ ถึงได้มาเช่าบ้านอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะ...เห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะสงสารเขาไม่ได้เหมือนกันนะ

หมับ! อ๊ะ….!!

เขาคว้าข้อมือของฉันแล้วกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงจนหน้าฉันไปกระแทกกับแผงอกแกร่งของเขา ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูฉันเสียงเรียบที่ฟังแล้วมันรู้สึกขนลุกแปลกๆ

“ทำบ้าไรของเธอ”

“นายนั่นแหละเป็นบ้าอะไร ปล่อยนะฉันเจ็บ” ฉันเงยหน้าขึ้นพร้อมพ่นคำใส่หน้าเขา ไม่เพียงแต่ไม่ทำตามที่ฉันบอก เขายังบีบมันแน่นขึ้นไปอีก ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย ไม่ชอบก็บอกดีๆ ไม่เป็นรึไงนะ

พวกซาดิส...ชอบใช้กำลัง ฉันพยายามแกะมือเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลย

“อ่อยเหรอ...หึ น่ารังเกียจ” เขาพูดพลางใช้สายตาไล่ตั้งแต่ต้นขาขึ้นมาจนถึง…

“ทุเรศ..อย่ามองนะ” ฉันก้มลงมองตามจุดที่เขาโฟกัส ก่อนจะเอามืออีกข้างดึงเสื้อขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง คงเป็นตอนที่เราฉุดกระชากกันเมื่อกี้ด้วยความที่เสื้อมันตัวใหญ่เลยทำไหล่มันตกไปข้างหนึ่งเผยให้เห็นเนินอกอวบขาว

น่าอายชะมัด

แต่สายตาที่เขามองมา...ไม่ได้แสดงออกถึงความรังเกียจอย่างที่เขาพูดเลยสักนิด หรือฉันอาจจะคิดมากไป ขนาดแค่แตะตัวนิดเดียวยังโกรธขนาดนี้ เขาคงไม่ชอบผู้หญิงจริงๆ นั่นแหละ ถ้าเป็นผู้ชายจริงป่านนี้ฉันคงไม่รอดแล้ว ฉันควรจะสบายใจหรือกลัวว่าเขาจะตีฉันตายดี

“ปล่อย….” ฉันสะบัดมือออก “โอเค...ฉันจะไม่โดนตัวนายอีกและจะอยู่ให้ห่างด้วย นายสบายใจได้ ไปนอนละ ฝันดี”

พูดจบฉันก็ลุกจากโซฟาและเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อจะขึ้นห้องนอน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองคนที่นั่งหันหลังอยู่ที่เดิมอีกครั้ง ความจริงก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงจริงรึเปล่า แต่ฉันไม่มีทางเลือกเอาซะเลย….ต่างคนต่างอยู่ไปก็แล้วกัน ผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปได้คงไม่มีอะไรแล้วละ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel