บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 [1/2]

“มีอะไร?” โจเซฟเอ่ยถามนักศึกษาคนหนึ่งที่ชูมือขึ้น

“ยังเหลือเวลาอีกสามนาที กว่าจะเข้าสู่ช่วงเวลาของการศึกษา ถ้างั้นช่วงเวลาสามนาทีนี้ผมขออนุญาตสัมภาษณ์ เอ่อ...นางฟ้าแสนน่ารักข้างๆอาจารย์หมอนะครับ” โจเซฟเลิกคิ้วและหันไปมองนาเดียร์ที่กำลังขยับเดินไปนั่งแถวหน้าสุด ซึ่งเธอชะงักเล็กน้อย

“สัมภาษณ์ได้ แต่คุณหมอในอนาคตต้องทำเอกสารขออนุญาตต่อผู้ถูกสัมภาษณ์พร้อมแจ้งหัวข้อที่จะสัมภาษณ์ก่อนครับ” โจเซฟตอบกลับพร้อมรอยยิ้มให้กับนักศึกษา

“ว้า!!!!...ทำไมผมถึงไม่เตรียมเอกสารมาให้เรียบร้อยนะ” เสียงหัวเราะดังออกมาเบาๆของเหล่าเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ กับบทสนทนานั้น

นาเดียร์เองก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้เช่นกัน เมื่อเวลาด้านหน้าแสดงให้เห็นว่าเหลืออีกไม่ถึงนาทีก็จะเข้าสู่ช่วงวิชาการ ต้าเซียนลุกจากที่นั่งอยู่เดินลงมาสองขั้นและเดินอ้อมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเธอ การกระทำของเขาเรียกสายตาของนักศึกษาทุกคนหันไปมองด้านหลังของทั้งสองคนแถวข้างหน้าอย่างสนใจอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ต้องนัดหมาย ส่วนหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเขาก่อนนี้ได้แต่อ้าปากค้าง จะเรียกหรือซักถามอะไรเขาก็ไม่ทันกับปฎิกริยาแบบนั้นของเขาเลยทีเดียว

ส่วนทางด้านนาเดียร์เธอทำเพียงเอียงคอมองเขา แต่เขามองไปที่หน้าจอด้านหน้าเสียแล้วไม่ได้หันมามองสบตาเธอหรือให้ความกระจ่างกับการกระทำเลยสักนิด ก็แบบนี้แหละต้าเทียนเซียนจะมีใครมั้ยสักคนในห้องแห่งนี้จะเข้าใจการกระทำของเขา

เมื่อความสว่างในห้องเริ่มน้อยลง ภาพบนจอเริ่มปรากฎขึ้นนาเดียร์จึงหันไปสนใจสิ่งเดียวที่เขาสนใจอยู่ในทันที

ช่วงเวลาการบรรยายเธอฟังอย่างเงียบๆ หัวข้อวันนี้คือหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจ แน่นอนต้องเกี่ยวกับหัวใจเพราะคุณอาหมอโจเซฟเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แม้แต่ตัวเธอเองยังต้องได้รับการตรวจร่างกายจากอาหมอโจเซฟด้วยในทุกๆปี

“แม้ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงในเรื่องระบบกล้ามเนื้อหัวใจมีปัญหา ถ้าเราสนใจและรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะสามารถป้องกันและลดภาวะเสี่ยงได้อย่างน่าสนใจ...” โจเซฟพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาอ่อนโยนมองไปที่นาเดียร์ และเลยไปที่ต้าเซียน “...มีคำถาม ด้านหลังเชิญครับ”

“เมื่อเรารู้แล้วว่าผู้ป่วยท่านนั้นมีภาวะเสี่ยง แล้วเราสามารถรักษาผู้ป่วยเคสแบบนั้นให้ภาวะเสี่ยงกลายเป็นศูนย์ได้มั้ยครับ”

“ยังเป็นที่สนใจในวงการแพทย์มากสำหรับเรื่องนี้ เมื่อไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาต่อผู้ที่มีภาวะเสี่ยงนั้นจึงยากที่จะรักษา อย่างที่เราทราบกันดีคนที่เป็นโรคหัวใจ วงการแพทย์ทำได้เพียงรักษาตามอาการที่แสดงออกมาเท่านั้น และป้องกันไม่ให้อาการที่เกิดขึ้นส่งผลต่อการสูญเสียชีวิต...” โจเซฟยิ้มให้กับนักศึกษา “...แต่จะว่าไปการรักษาก็ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลยสำหรับผู้ที่มีภาวะเสี่ยง ถ้าผู้ที่มีภาวะเสี่ยงได้รับการดูแลและดูแลตัวเองเป็นอย่างดีในทุกๆด้านแล้ว บางทีแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นโรคนี้อยู่...เอาละวันนี้คงต้องจบลงเพียงเท่านี้ ใครที่มีคำถามหรือสงสัยตรงไหน ส่งเมลล์มาแล้วกัน...โชคดีทุกคน” เมื่อหมดช่วงวิชาการ เข็มนาฬิกาก็บอกเวลาเที่ยง โจเซฟปิดอุปกรณ์ทุกอย่าง นักศึกษากำลังเก็บเอกสารและเตรียมลุกจากที่นั่งเพื่อไปทานมื้อเที่ยง

โจเซฟเดินเข้ามาหานาเดียร์และต้าเซียนที่ยังนั่งอยู่

“จะไปทานกับอาหรือยังไง?”

“พี่ว่าไง?” นาเดียร์ไม่ได้ตอบคำถามโจเซฟแต่หันมาถามความเห็นของต้าเซียน

“วันนี้ผมมีคราสจนถึงเย็น ผมรบกวนช่วงบ่ายคุณอาหมอแล้วกันครับ เดี๋ยวเที่ยงนี้ผมจัดการเองครับ” โจเซฟยิ้มออกมาพร้อมพยักหน้าอย่างเข้าใจแต่ก่อนที่จะแยกไป...

“เบรคบ่ายเจอกันนะ ชาล็อตก็คงมาร่วมทานกับพวกเราด้วยแน่ๆ” นาเดียร์ยิ้มและพยักหน้าถี่ๆอย่างดีใจ

“แซม” เสียงเรียก ทำให้นาเดียร์หันไปมองอย่างสนใจใคร่รู้อีกครั้ง ก็เสียงนั้นเป็นเสียงผู้หญิงนี่น่าและเป็นเธอคนที่นั่งอยู่ข้างเขาก่อนหน้านี้จริงๆด้วย ใช่! ต้องเป็นคนที่นั่งอยู่ข้างต้าเซียน ไม่ใช่คนที่ต้าเซียนไปนั่งข้างๆด้วย คนอย่างต้าเซียนไม่มีทางไปนั่งข้างๆ ผู้หญิงก่อนแน่ๆ แต่ทำไมนะ! นาเดียร์ถึงรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่ถ้าเขาจะมีผู้หญิงข้างกายก็ไม่แปลก แต่เขากลับไม่มีนะสิ เอ๋ ทำไมต้องมั่นใจเรื่องนี้เสียเหลือเกินนะว่าเขาไม่มีผู้หญิงที่เขาจะรู้สึกพิเศษด้วยกันนะ

“แซมจะไม่แนะนำสาวน้อยให้เป็นเกียรติกับพวกเราสักหน่อย เหรอ...” เสียงล้อของอีกหนึ่งในชายที่นั่งแถวเดียวกับต้าเซียนเอ่ยออกมา

“นาเดียร์ นี่เพื่อนกลุ่มวิจัย ซาร่า แซต เจมส์...”

“สวัสดีค่ะทุกคน” นาเดียร์ทักทายกลับเสียงสดใส ไม่มีทีท่าแปลกใจหรืออะไรเหมือนกับสามคนที่ไม่เคยชินกับลักษณะท่าทางของต้าเซียนซักครั้ง ก็เขาแค่เป็นคนพูดน้อย โลกส่วนตัวสูง แต่อย่างอื่นแล้วสำหรับทุกๆคนแล้วเขาเป็นที่น่านับถือมาก จึงทำให้ทั้งสามได้แต่ยิ้มและทักทายนาเดียร์กลับ คงมีแต่ซาร่าที่มองสองคนสลับกันเมื่อต้าเซียนไม่แจ้งสถานะของเขากับหญิงสาวหน้าตาน่ารักทำให้ซาร่าอึดอัดยิ่งขึ้น

“ไปห้องอาหารกันเถอะ” ต้าเซียนหันไปบอกนาเดียร์ และนั่นทำให้เธอขยับเดินเคียงข้างไปกับเขาอย่างธรรมชาติโดยทั้งสองเดินเคียงข้างกันไม่มีท่าทางขัดเขินหรือแม้แต่รู้สึกขัดตาต่อผู้ที่มองมา ทำให้เรียกความสนใจของคนทั้งสามในทันทีเมื่อภาพด้านหลังของทั้งสองทำให้คนมอง อดไม่ได้ที่จะมองตาม ภาพด้านหลังของสองคนนี้ทำไมถึงน่าชวนมองเหลือเกิน... เจมส์และแซตหันมามองกันและยิ้มออกมาอย่างเข้าใจกันและกันและสิ่งสำคัญในความคิดของพวกเขาคือความกระจ่างที่พวกเขาไม่เคยเข้าใจในตัวเพื่อนชาวจีนคนนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกเฉลยออกมาแล้ว

ซาร่าได้แต่ขุ่นข้องหมองใจเพียงลำพัง เมื่อเธอเองที่แม้จะเป็น ผู้หญิงแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าสองคนนี้ช่าง...เธอแอบชอบต้าเซียนมานานแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่เคยสารภาพบอกเขาไป บางอย่างในตัวเขาทำให้เธอไม่กล้า เขาสุขุม เยือกเย็น ดั่งกับเทพมาจุติ เขาทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเอื้อมไม่ถึงเขา แต่ทำไมนะสำหรับหญิงสาวนามว่านาเดียร์ เมื่อมีเธออยู่ข้างๆเขาแล้ว เหมือนทำให้เธอเองได้เห็นเขาชัดเจนขึ้นมาในทันที

“มีใครรู้บ้างว่า สาวน้อยแสนน่ารักคนนั้น เป็นอะไรกับแซม?” แซต หันไปถามเพื่อนที่ยังยืนอยู่ แต่สายตาไม่ละจากภาพแผ่นหลังของสองคนที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ แม้จะสิ้นคำถามไปนานแล้ว ก็หาได้คำตอบใดๆออกมาจากคนรอบข้าง

ณ ห้องอาหารในโรงพยาบาล เมื่อข้างกายนาเดียร์คือต้าเซียน ภาพของคนทั้งสองจึงเป็นที่สนใจจากผู้คนที่ผ่านไปมา รวมถึงนักศึกษาแพทย์ที่มองด้วยความแปลกใจรวมถึงสนใจระคนไปด้วย เมื่อเห็นว่า ต้าเซียนหรือแซม เคียงข้างด้วยหญิงสาวลูกครึ่งที่น่าชวนมองไม่แพ้กัน

ต้าเซียนและนาเดียร์เดินไปเข้าแถวรอคิวร้านที่ทั้งสองเลือกแล้ว

“ต้าเซียนร้านนี้อะไรอร่อย?” นาเดียร์หันกลับไปถามเขา เธอเลือกที่จะมองผ่านสายตาของผู้คนเหล่านั้น จะว่าชินก็ได้

“แล้วแต่ชอบ” นาเดียร์ยิ้ม เธอสามารถเลือกที่อยากกินได้สินะ จะว่าไปตั้งแต่เล็กจนโต เธอค่อนข้างถูกควบคุมด้านอาหาร มีบ้างที่พ่อให้ทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายน้อย แต่ช่วงเวลานั้นก็น้อยเสียจนเธอเองก็ไม่เข้าใจ

อะแฮ่ม!!! เสียงกระแอมของต้าเซียนดังออกมา เมื่อเธอชี้นิ้วไปยังของทอด ใบหน้าต้องเอียงหันกลับมามองเจ้าของเสียงนั้น

“แล้วแต่ชอบไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของนาเดียร์ ทำให้ต้าเซียนครุ่นคิดสักแป็บ และก็พยักหน้าอนุญาตในที่สุด แต่...

“เย็นนี้ไปว่ายน้ำ” นาเดียร์แก้มป่อง เพราะเธอต้องไปออกกำลังกายสินะ! คราวนี้กลับเป็นเธอที่ต้องมาครุ่นคิดบ้าง แต่ผ่านไปเสี้ยววินาทีเธอก็พยักหน้า และสั่งของทอดมาเป็นสองเท่าจากที่ตัวเองตั้งใจไว้ตอนแรก

ซาร่ามองต้าเซียนและนาเดียร์อย่างสนใจ แต่เธอก็ไม่อาจเข้าใจสิ่งที่สองคนนี้คุยกัน เมื่อทั้งสองไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษนั่นเอง ทั้งสองเดินไปยังโต๊ะที่ว่างเมื่อในมือมีอาหารที่เลือกมาแล้ว

ต้าเซียนวางจานของตัวเองบนโต๊ะ และเดินไปยังร้านที่ขายน้ำ เขาไม่ถามว่านาเดียร์จะดื่มอะไร เพราะสำหรับเขาแล้วน้ำเปล่าดีที่สุด ในเมื่อเธอไม่ชอบดื่มน้ำผลไม้สักเท่าไหร่ซึ่งมีแต่น้ำแอปเปิ้ลเท่านั้นที่เธอต้องดื่มมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงแอปเปิ้ลที่ต้องเป็นผลไม้ที่มีติดบ้านไม่เคยต้องขาดอีกด้วย

Grrrr Grrrr เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของนาเดียร์ดังขึ้นมา เธอล้วงออกมาจากเป้ คิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อเบอร์ที่โชว์มันแปลกตา แต่ก่อนที่เธอจะได้กดรับ...

อ๊ะ! ต้าเซียนที่เดินกลับมาแล้ว ดึงไปจากมือเธอจากทางด้านหลังทันที เขากดรับและหันหลังให้เธอ ผ่านไปสามสิบวินาทีเขาก็ย่อตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ

“โทร.ผิด” เขาพูดและส่งคืนโทรศัพท์มาให้ เธอแค่พยักหน้ารับรู้ แต่สายตาแอบชำเลืองมองเขาที่ใบหน้าเรียบเฉยนิ่งผิดปกติมาก โต๊ะที่เขาและเธอนั่งมันเป็นสำหรับสองคน จึงทำให้เพื่อนๆของเขานั่งโต๊ะถัดไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เวลามื้อเที่ยงจบลงอย่างสงบ และยังมีเวลาเหลือ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel