EP : 12
“อร่อยไหม”
“อร่อยค่ะ” ฉันตอบเขาหลังจากที่ได้โรตีมาแล้วและฉันกำลังเดินกินได้สามคำ
“แล้วจะกินคนเดียวจนหมดเลยรึไง”
“ก็ต้องกินให้หมดสิคะจะให้ทิ้งเหรอ” ฉันถามและมองเขาด้วยความสงสัย ฉันไม่ได้รวยจนกินทิ้งกินขว้างได้นะยะหรือต่อให้รวยฉันก็ไม่ทำแบบนั้นแน่นอน
“ฉันหมายถึงเธอจะไม่แบ่งให้ฉันกินด้วยเลยรึไง”
“ฮะ? แบ่งทำไมคะอยากกินก็ไปซื้อใหม่สิ”
“แล้วจะซื้อมาเยอะ ๆ ทำไมวะ”
“เอ้า! แล้วจะมาแย่งทำไม แฟนก็ไม่ใช่จะมากินจานเดียวกันได้ไงล่ะคะ”
“...เธอแม่ง” เขามองฉันด้วยสายตาไม่พอใจแล้วก็สบถออกมา ท่าทางจะหงุดหงิดนะคะ
“เธอแม่งอะไรคะ?”
“ทำไมเป็นผู้หญิงแบบนี้วะ”
“แบบไหนคะ?”
“ก็แบบนี้ไง อ่าส์!” เขาดูหัวเสียขึ้นมาที่ฉันเอาแต่ถามกลับ
“เอ้า! คุณอยากกินแล้วทำไมไม่บอกแต่แรกฉันจะได้ซื้อมาสองชุด”
“ฉันให้ซื้อมากินด้วยกัน กินร้านละนิดละหน่อยไปเรื่อย ๆ เธอกะจะกินร้านเดียวให้มันอิ่มเลยรึไง”
“ก็เปล่าค่ะ แต่ฉันกินได้เรื่อย ๆ นะกินได้อีกหลายร้านคอยดูได้เลย แล้วคุณจะกินแบบไหนล่ะเอาโรตีกล้วยหอมเหมือนฉันไหมเดี๋ยวไปซื้อให้อร่อยดีนะคะ”
“...แม่ง”
หมับ!
“เอ้า! จะแย่งทำไมเนี่ย” ฉันโวยวายเบา ๆ เพราะเขาแย่งจานกระดาษที่ใส่โรตีในมือฉันไป
“เงียบไปเลย” อีตาแทนคุณดุใส่ฉันแล้วก็กินโรตีที่เหลืออีกห้าชิ้นของฉันหน้าตาเฉย กินเร็วมากด้วย หิวเหรอ คงใช่นั่นแหละไม่งั้นไม่โมโหหิวใส่หรอก
“นี่คุณหิวมาจากไหนเนี่ย” พอเขากินจนหมดฉันก็ถามออกไป
“ไม่ได้หิวแต่ฉันหมั่นไส้เธอ”
“อะไรนะคะ”
“ถ้าซื้อของกินแล้วไม่แบ่งกันอีกฉันจะกินมันให้หมดทุกอย่างเลยคอยดู”
“อะไรของคุณเนี่ย” เขาเป็นอะไรของเขาเพี้ยนไปแล้วรึเปล่าอีตาบ้า
“เอาไป”
“ไม่ค่ะ ใครกินหมดก็เอาไปทิ้งสิ” ฉันปลายตามองจานกระดาษในมือที่เขายื่นมาให้ ว่างเปล่าหมดเลยเหลือแค่เศษซากของนมข้นที่เป็นน้ำขุ่น ๆ ไหลเยิ้มอยู่ในนั้น
“เอาไปทิ้ง”
“ไม่ค่ะ”
“เอาไป”
“ไม่”
“มิ้งค์”
“...ไม่ค่ะ” ฉันเงียบไปนิดหน่อยเพราะว่านาน ๆ ทีเขาจะเรียกชื่อฉัน แทบจะไม่ถึงสามครั้งเลยด้วยซ้ำมั้งตั้งแต่รู้จักกัน
“เอาไป”
“ทำไมไม่ทิ้งเองล่ะคะ ซื้อก็ไปซื้อมาแล้วอ่ะ”
“ไม่ อยากให้เธอทำให้”
“ติดนิสัยใช้คนอื่นมานานแล้วใช่ไหมเนี่ย” ฉันบ่นแต่สุดท้ายก็ยอมหยิบจานกระดาษในมือเขาไปทิ้งท่ามกลางรอยยิ้มกว้างด้วยความพอใจของเขาซึ่งเห็นแล้วมันน่าโมโหที่สุดเลย!
“อย่าหน้าบึ้งน่าเดี๋ยวพาไปกินอะไรอร่อย ๆ อยากกินอะไรบอกได้เลยเดี๋ยวซื้อให้” พอเดินกลับมาหาอีตาหน้าหล่อนี่ก็ยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก อารมณ์ดีมากรึไงที่แกล้งให้ฉันอารมณ์เสียได้
“เหอะ! ซื้อให้หรือให้เงินไปซื้อกันแน่คะ”
“หึ ๆๆ ซื้อให้สิ”
หมับ~
“ไม่ต้องจับค่ะ” บอกเขาแล้วก็บอกตัวเองด้วยนะยัยมิ้งค์ว่าอย่าใจสั่น แค่ผู้ชายที่หล่อมาก ๆ จับมือต้องใจสั่นเพื่อ? เอาเรื่องที่เขาเอาแต่ขู่แล้วก็สั่งแถมยังพูดจาไม่ค่อยดีกับแกมาหักล้างความหล่อของเขาแล้วหยุดใจสั่นเดี๋ยวนี้เลยนะยัยบ้า!
“จับไว้นี่แหละเดี๋ยวเด็กดื้ออย่างเธอเกิดดื้อแล้วเดินหนีฉันขึ้นมาได้เสียเวลาตามหาอีก”
“ใครจะไปทำแบบนั้นคะฉันไม่ใช่เด็ก ๆ นะ”
“เด็กสิ ถ้าไม่เด็กไม่เอาแต่เถียงคอเป็นเอ็นทุกครั้งแบบนี้หรอก มาเร็วยัยเด็กน้อยเดี๋ยวพาไปกินอะไรอร่อย ๆ” เขา...ยิ้ม
เขายิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มมีความสุขเพราะสะใจที่แกล้งฉันได้อย่างหลายครั้งที่ผ่านมา แต่เมื่อกี้ที่เขายิ้มให้ก่อนจะหันไปแล้วเดินจูงมือฉันให้เดินไปกับเขามันคือรอยยิ้มที่...อบอุ่น
ฉันตาฝาดไปแน่ ๆ หรือไม่เมื่อกี้เขาก็เผลอยิ้มธรรมดาทั่วไปแต่ฉันบังเอิญไม่ค่อยเห็นเขายิ้มให้ก็เลยเข้าใจผิดมากไปหน่อย
พอ ๆๆ หยุดคิดเรื่องรอยยิ้มของเขาซะยัยมิ้งค์ หยุดคิดเดี๋ยวนี้เลยมันก็แค่รอยยิ้มธรรมดาทั่วไปนั่นแหละแต่มันบังเอิญไปอยู่บนหน้าของคนที่หล่อมาก ๆ เลยดูพิเศษขึ้นมาทั้งที่ความจริงมันไม่มีอะไรเลยก็แค่รอยยิ้มธรรมดาทั่วไปแกเข้าใจใช่ไหมมิ้งค์?
โอเคฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจแล้วว่ามันเป็นแค่รอยยิ้มธรรมดาทั่วไปและฉันจะไม่บ้าแอบหวั่นไหวอย่างเมื่อกี้อีก ฉันสัญญากับตัวเองด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองและเกียรติของลูกเสือสามัญทุกรุ่นที่เคยเรียนมาว่ามันจะไม่มีเหตุการณ์น่าขวัญผวาแบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน!
“กินอะไรดีครับ”
“คะ?” เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?
กินอะไรดี...ครับ
ครับเหรอ
ครับงั้นเหรอ
เขาหันมาถามแล้วก็พูดคำว่าครับกับฉันเหรอคะ?
...OoO
ฉันหูฝาดไปใช่ไหม ไม่จริงหรอก
“ถามว่ากินอะไรดีไง จะกินอะไร”
นั่นไง! มันเป็นเพราะฉันมัวแต่คิดอะไรก็ไม่รู้อยู่ไงก็เลยได้ยินผิดไป เขาไม่มีทางมาพูดจาไพเราะเสนาะหูกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่แรกเห็นอย่างฉันหรอก เสียเวลางงจริง ๆ เลยยัยมิ้งค์
“ยังไม่รู้เลยค่ะ มีอะไรแนะนำไหมล่ะคะ”
“มีสิ แต่อยากให้เธอเลือกก่อน”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด แต่ถ้าคุณมีร้านแนะนำเราไปกินก่อนก็ได้ค่ะเดี๋ยวอิ่มก่อนแล้วจะไม่มีแรงกิน”
“แน่ใจ? อยากกินอะไรกินก่อนเลยก็ได้นะฉันไม่ได้ซีเรียส” ตอนนี้เราหยุดยืนคุยกันค่ะ เขาหันมาหามองหน้าฉันแล้วก็ถามพร้อมกับมือใหญ่ที่ยังจับมือฉันเอาไว้ ให้ตายเถอะเราสองคนในตอนนี้เหมือนแฟนกันจริง ๆ ไม่มีผิด
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็มองมาที่เราสองคน ก็แน่ล่ะเขาหล่อซะขนาดนี้ส่วนฉันเองก็บอกไปแล้วไงว่าสวยภาพที่คนอื่นเห็นก็คงเป็นภาพที่ดูน่ารักแล้วก็เหมาะสมกันมาก แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยเชื่อฉันสิ
“เดินไปร้านที่คุณอยากพาไปกินเลยดีกว่าค่ะ ระหว่างทางถ้าเห็นอะไรน่ากินก็ค่อยซื้อกิน”
“เอาแบบนั้นเหรอ”
“ค่ะ เอาแบบนั้นแหละให้เจ้าถิ่นพาไปหาอะไรอร่อย ๆ กินดีกว่า”
“หึ ๆๆ โอเค เจ้าถิ่นก็เจ้าถิ่น”
“...” เขายิ้มอีกแล้ว อย่านะยัยมิ้งค์ อย่าหวั่นไหวกับรอยยิ้มของเขาได้ไหม มันก็แค่รอยยิ้มธรรมดาที่ดูพิเศษขึ้นมาเพราะเขาหล่อก็แค่นั้นเองจำไม่ได้รึไง
เขาเดินจูงมือฉันพาเดินไปเรื่อย ๆ แต่ที่ไม่เรื่อยคือเขาคอยหันมาถามหลายต่อหลายครั้งว่าอยากกินอันนี้ไหมอันนั้นไหมซึ่งฉันก็อยากนะคะที่เขาชี้มีแต่ของน่ากินแต่ไม่กินดีกว่าเพราะฉัน...เขิน
ฮื้อ~ >///< ยัยมิ้งค์แกต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ แกจะมาเขินอีตาแทนคุณทำไมเขาไม่ได้มาจีบแกซะหน่อยนะ! ที่สำคัญเขาเหม็นขี้หน้าแกตั้งแต่แรกเพราะแกดันไปเห็นเขากำลังจะจือดื้ดจื๊ดจื๋อกับผู้หญิงของเขาแกจำมันหน่อยไม่ได้รึไงยัยบ้ามิ้งค์!
“เป็นอะไร”
“...” แกอย่าเขินได้ไหมถึงแม้ว่าท่าทางเขาตอนนี้จะดูสบาย ๆ หันมาถามแกบ่อย ๆ ด้วยรอยยิ้มไม่เหมือนคุณแทนคุณที่เคยเจอในหลายครั้งที่ผ่านมาเลยสักนิดก็ตาม
“เป็นอะไรของเธอ”
“...” อย่าเขินนะยัยมิ้งค์! อย่าคิดอะไรบ้า ๆ ได้ไหมยัยบ้าเอ๊ย!
“มิ้งค์ มิ้งค์!”
“คะ! วะ ว่าไงคะ” เขาเรียกฉันอีกแล้ว อีตานี่เรียกชื่อฉันอีกแล้ว -///- ฉันไม่อยากรู้สึกเขินเลยให้ตายเถอะแต่ตอนนี้ฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้ การเรียกชื่อฉันของเขามันมีอานุภาพอะไรสักอย่างที่ร้ายแรงกับหัวใจจริง ๆ นะ
“ถามว่าเป็นอะไร เอาแต่มองหน้าอยู่นั่น”
“คะ? ฉันน่ะเหรอคะ” ฉันถามโง่ ๆ ออกไปเพื่อแก้เก้อ แกรู้ตัวบ้างรึเปล่ามิ้งค์ว่าตอนนี้แกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
“ก็เธอน่ะสิจะใครล่ะ เป็นอะไรทำไมเอาแต่มองหน้าจนฉันต้องถามตั้งหลายรอบ”
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ได้มองหน้าคุณค่ะมองอย่างอื่นแต่มันอยู่ทางเดียวกันพอดี”
“เหรอ?”
“ค่ะ”
“แน่นะ?”
“..ค่ะ” แล้วจะขยับตัวแล้วก็โน้มหน้ามาใกล้ทำไมล่ะจะจ้องจับผิดรึไง -///-
“จริงเหรอ?”
“...จะ จริงค่ะ” ยิ่งถามก็ยิ่งใกล้กว่าเดิมอีกเขากำลังแกล้งฉันแล้วเนี่ย มือที่จับก็บีบกระชับกว่าเดิมด้วยอะไรของอีตานี่ก็ไม่รู้
“หึ ๆๆ โอเคเชื่อก็ได้ถึงหน้าเธอจะแดงเพราะเขินมากก็ตามแต่ฉันจะเชื่อคำพูดของเธอก็แล้วกันว่าเธอไม่ได้เผลอมองหน้ากันจนเหม่อ”
“...” ถ้าจะแกล้งเชื่อก็อย่ามายิ้มที่ให้ความรู้สึกรู้ทันแต่อบอุ่นปนเอ็นดูหลังพูดจบแบบนี้ได้ไหมล่ะอีตาบ้า! -///-
-เวลาต่อมา-
“เป็นไงบ้าง เบื่อไหม” เราสองคนเดินเข้ามาในบ้านหลังจากกลับจากไปในเมืองมาเขาก็ถามขึ้นมา
“คะ? ไม่นะคะสนุกดี ขอบคุณที่พาไปหาอะไรอร่อย ๆ กินนะคะ” ก็ไม่ได้น่าเบื่อหรืออึดอัดอย่างที่คิดถึงแม้ว่าช่วงแรก ๆ จะไม่ค่อยกินเส้นจนแทบจะกินหัวกันแต่สุดท้ายก็โอเคค่ะ การเดินจับมือเดินหาของกินในกาดกับเขาไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลยแต่ความจริงมันกลับทำให้ฉันรู้สึกดีจนเริ่มอายตัวเองด้วยซ้ำ -///-
“สนุกจริงเหรอ แกล้งพูดเพราะกลัวโดนดุรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ชอบโกหกหรอกสนุกก็บอกสนุก ไม่สนุกเดี๋ยวบอกเองไม่ต้องห่วง”
“หึ ๆๆ โอเค ได้ยินว่าสนุกก็สบายใจ” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วก็ยิ้มแบบที่เขายิ้มหลายครั้งในค่ำคืนนี้
“ค่ะ ถ้างั้นขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” พอเห็นรอยยิ้มนี้ของเขาอีกครั้งฉันก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ที่ใจขึ้นมาอีกแล้ว พาตัวเองไปอยู่ในเซฟโซนของตัวเองก่อนดีกว่าจะได้ทำสมาธิแล้วคุยทำความเข้าใจกับตัวเองใหม่ว่าอะไรเป็นอะไร
“อื้ม ไปพักเถอะ”
“ค่ะ “ ...ฝันดีนะคะ
ฉันต่อคำนี้ในใจเพราะมันคงไม่ดีแน่ถ้าพูดออกไป ฉันคงกระดากปากที่พูดส่วนเขาก็คงกระดากใจที่ได้ยิน ฉันพูดแค่นั้นแล้วก็เดินไปที่บันไดทันทีไม่รอเจ้าของบ้านแล้วล่ะ รีบไปทำความเข้าใจกับตัวเองก่อนดีกว่าก่อนที่ใจฉันจะรู้สึกแปลก ๆ ไปมากกว่านี้
“มิ้งค์”
“...คะ” เขาเรียกฉันเบา ๆ ระหว่างที่ฉันกำลังเดินขึ้นบันไดทำให้ต้องหันกลับไปหาคนที่เรียกด้วยความรู้สึกที่ไม่ปกติในใจอีกแล้ว พอหันไปก็เห็นเจ้าของบ้านที่หล่อมากยืนมองฉันอยู่ที่เชิงบันได
“ถ้าสนุกเอาไว้จะพาไปเดทอีก” เดทเหรอ? เขาพูดอะไรออกมา แกล้งกันสนุกรึไง -///- ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ
“...ไม่ใช่เดทซะหน่อย”
“ใช่หรือไม่ใช่เธอรู้อยู่แก่ใจ”
“ก็...ก็รู้ไงคะเลยบอกว่าไม่ใช่”
“หึ ๆๆ โอเคถ้ายังไม่ใช่เดี๋ยวไปใหม่ก็แล้วกัน คราวนี้จะบอกว่าพาไปเดทตั้งแต่แรกเธอจะได้ไม่ปฏิเสธเหมือนวันนี้ ไปนอนได้แล้ว...ฝันดีล่ะยัยเด็กดื้อ”
