Love My Boss

191.0K · จบแล้ว
Phat_sara
68
บท
47.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ฉันจะไปฝึกงานที่เชียงใหม่นะแก” “ฮะ?” “จริง ๆ” “บ้า~ ที่ฝึกงานไม่มีที่เชียงใหม่ซะหน่อย” “เดี๋ยวก็มี” ขวัญเอยเพื่อนสนิทของฉันพูดขึ้นแล้วยิ้มบาง ๆ แต่ทำไมยัยเอยยิ้มเศร้าจังเลย มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ทั้งคำพูดทั้งสีหน้าทุกอย่างดูแปลกไปหมด “มีอะไรรึเปล่าแก” “...” “เอย แกเป็นไร” ฉันย้ำถามเพราะเพื่อนไม่ตอบแต่เพื่อนมองฉันแล้วน้ำตาคลอแทนทำฉันใจคอไม่ดีทันที “...ฉันท้อง” “อะไรนะ!” “ฮึก!” “เฮ้ย ๆๆ ใจเย็น ๆ เอยอย่าเพิ่งร้อง” ตอนแรกตกใจนึกว่าอำเล่นแต่ร้องแบบนี้ไม่อำแล้วล่ะเรื่องจริงแน่นอน แค่ได้ยินเรื่องเล่าที่ไม่มีรายละเอียดก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมาทันทีเลยมิ้งค์เอ้ย~ “...อย่าเพิ่งบอกใครนะแก ฮึก!” “ไม่บอก ๆ ฉันไม่บอกใครแน่นอน” จะไปบอกใครได้ยังไงเรื่องใหญ่ขนาดนี้ อย่าว่าแต่จะไปบอกใครเลยลำพังตอนนี้แค่ตั้งสติของตัวเองยังทำไม่ได้ เกิดเรื่องใหญ่กับเพื่อนรักแถมตอนนี้เพื่อนรักของฉันก็เลิกกับแฟนไปแล้วด้วย ตายห่าคุณมิ้งค์คนนี้จะช่วยอะไรได้มากกว่าปลอบใจไหมเนี่ย! -สองอาทิตย์ต่อมา- “แม่คะ” “จ้ะ” “มิ้งค์จะฝึกงานแล้วนะ” “รู้จ้ะ แล้วที่ฝึกงานไกลไหมแม่ว่าจะถามก็ลืมตลอดเลย” “ไกลค่ะ” “เดินทางไหวไหมล่ะลูก ฝึกงานตั้งหลายเดือนไปหาหอใกล้ ๆ อยู่ระหว่างฝึกงานไหม” “ค่ะ ก็ต้องเอาแบบนั้นล่ะค่ะแม่เพราะว่าที่ฝึกงานของมิ้งค์ไกลมาก~” ฉันเน้นคำว่าไกลมากเป็นพิเศษ “มิ้งค์ดูที่พักรึยังล่ะหรือจะให้แม่พาไปดู” “ไม่ต้องดูค่ะแม่ ที่ฝึกงานมีที่พักให้ค่ะ” “จริงเหรอจ้ะถ้างั้นก็ดีสิ ว่าแต่หนูฝึกที่ไหนทำไมสวัสดิการดีจังเลย” “ฝึกที่ไร่สิริภัคดิ์ค่ะ” “ไร่? สำนักงานของไร่เหรอ ชื่อไร่คุ้น ๆ นะเหมือนเคยได้ยิน” แม่ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อบริษัทที่ฉันจะไปฝึกงาน “ไร่สิริภัคดิ์ที่เป็นไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดของไทยไงคะ มีโรงแรมแล้วก็โรงงานผลิตชาส่งออกแม่น่าจะรู้จักนะคะ เหมือนแม่เคยแท็กมิ้งค์ด้วยนะว่าอยากไปเที่ยวที่ไร่เขา” “อ้อก็ว่าอยู่ชื่อคุ้น ๆ ฝึกที่สำนักงานใช่ไหม ตั้งใจนะยัยมิ้งค์อย่าไปโก๊ะเด็ดขาด” “ค่า~ มิ้งค์ไม่ปล่อยโก๊ะหรอกค่ะแม่สบายใจได้เลย” “แล้วว่าแต่ที่ฝึกงานอยู่แถวไหนล่ะลูก” “...เชียงใหม่ค่ะ” “อะไรนะ?” “เชียงใหม่ค่ะแม่ มิ้งค์จะไปฝึกงานที่เชียงใหม่ค่ะ” “อำแม่เหรอยัยมิ้งค์” แม่ทำหน้าไม่เชื่อแต่ฉันก็ยังมีสีหน้ามุ่งมั่นแน่วแน่เหมือนเดิม จะไม่ให้แน่วแน่ได้ไงก็มิ้งค์มีความฝันที่ทำให้อยากไปมากพอมีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้แล้วไปให้ได้ “ไม่อำค่ะแม่มิ้งค์จะไปฝึกงานที่เชียงใหม่กับเอยค่ะ” “...ไกลเลยนะลูก” ยิ่งย้ำแม่ก็ยิ่งอึ้งแต่ฉันก็เข้าใจนะใครจะคิดว่าลูกสาวจะไปฝึกงานไกลถึงเชียงใหม่จริงไหม กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ใกล้เลยนะคะ “ค่ะแม่แต่มิ้งค์อยากไป มีโอกาสก็เลยไปดีกว่า แม่ไม่โกรธใช่ไหมคะ” “ไม่โกรธหรอกจะโกรธทำไมมิ้งค์ไปฝึกงานนี่จ้ะไม่ได้ไปตามผู้ชายซะหน่อย” “...” เจอคำนี้ของแม่เข้าไปแอบสะอึกไปเหมือนกันนะมิ้งค์ “แม่แค่ตกใจแค่นั้น แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะลูก” “...วันจันทร์หน้าค่ะ” “ฮะ!” -หลายวันต่อมา- “เป็นไรแก” ขวัญเอยเพื่อนรักหันมามองฉันที่ขยับตัวหยุกหยิกไม่หยุดมาสักพักแล้ว “ฉันตื่นเต้น” “ตื่นเต้น? ไม่ต้องกลัวหรอกน่าวันนี้ยังไม่ได้เริ่มฝึกงานสักหน่อย” “อื้อ” เพื่อนจะคิดแบบนั้นก็ให้เพื่อนคิดไปเลยดีกว่าค่ะสบายใจทั้งสองฝ่ายดี แต่มันใช่แบบนั้นหรอกค่ะ มิ้งค์ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะเรื่องฝึกงานเลยสักนิด “เดี๋ยวไปถึงไร่รับรองว่าความสวยของที่นั่นจะทำแกลืมความตื่นเต้นไปเลยเชื่อฉัน” “นั่นสิเนอะฉันดูรีวิวมาไร่สิริภัคดิ์สวยมากเลยนี่นา” “ใช่แต่ในรูปไม่สวยเท่าของจริงหรอกของจริงสวยกว่ามาก ๆ” ขวัญเอยเพื่อนฉันเป็นหลานสาวของเจ้าของไร่ค่ะ ที่เรามาที่นี่ก็เพราะเหตุผลก่อนหน้านี้นั่นแหละ ยัยเอยจะท้องโตขึ้นทุกวันเลยเลือกมาฝึกงานในบริษัทของบ้านตัวเองแล้วที่เลือกมาที่นี่เพราะยัยเอยอยากหนีอะไรบางอย่างมา ซึ่งอะไรบางอย่างก็คงไม่ต้องเดาให้ยากหรอกค่ะก็หนีพ่อของลูกมานั่นแหละ ส่วนฉันเป็นห่วงเพื่อนเลยตามมาฝึกงานที่นี่ด้วย แต่นั่นก็แค่หนึ่งเหตุผลนะคะเพราะฉันยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ขอไม่บอกดีกว่า มันเป็นเหตุผลฟลุ๊ค ๆ ที่ทำให้ฉันแอบมีความสุขมากเหมือนกัน “แก” “ว่า” “พี่ชายแกดุไหม” “พี่แทนน่ะเหรอ ไม่ดุหรอกพี่แทนใจดี” “อื้อ” “ทำไมจ้ะกลัวว่าที่เจ้านายเหรอ” “อื้อ ก็ต้องกลัวไหมล่ะแกเล่นจะให้อยู่บ้านเดียวกันกับเจ้านายเลย ถ้าดุฉันอยู่ลำบากแน่ ๆ” “ฮ่า ๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะพี่แทนใจดีมาก~ ที่สำคัญหล่อมากด้วยนะจ้ะ” “โม้รึเปล่า” “ไม่โม้ รับรองถ้าแกเห็นพี่แทนแกจะต้องอยากยื่นใบสมัครเป็นพี่สะใภ้ฉันแน่นอนจ้ะยัยมิ้งค์คนสวยเพราะพี่แทนทั้งหล่อรวยนิสัยดีทุกอย่างดีหมดเลย ดีมากเหมาะเป็นแฟนเพื่อนมาก~” ฉันฟังคำพูดของยัยเอยแล้วก็เบ้ปากใส่เพื่อนที่พรีเซ้นส์พี่ชายตัวเองเต็มที่มาก แต่ฉันก็ไม่เถียงคะนะเพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณแทนคุณรองประธานกรรมการของสิริภัคดิ์ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานหลังจากที่กลับมาจากอเมริกาหล่อมากเกินคำว่าหล่อด้วยซ้ำ พูดแล้วอยากเห็นตัวเป็น ๆ เลยแต่ถึงเห็นก็คงไม่รู้สึกอะไรเพราะฉันเคยเห็นคนที่หล่อมากเกินคำว่าหล่อมาแล้ว แฟนขวัญเอยไง รายนั้นก็หล่อมากเกินคำว่าหล่อเช่นกัน แต่หล่อให้ตายยังไงก็ทำได้แค่มองเพราะนั่นคือแฟนเพื่อน แหะ ๆ “อันนี้ไร่อะไรเหรอยัยเอย” ฉันชี้ไปที่ด้านหนึ่งที่เป็นทางเข้าไร่แต่อ่านป้ายได้ไม่ชัดเท่าไหร่ “นี่เหรอ ไร่ชาเหมือนกันนี่แหละแต่ไม่ได้เน้นชาเป็นพิเศษเท่าไร่เรา ทำหลายอย่างข้างในสวยนะเคยเข้าไปตอนเด็ก ๆ ตามคุณลุงไปทำอะไรไม่รู้จำไม่ได้เหมือนกัน” “อ้อ~” ฉันพยักหน้ารับแล้วมองไปที่ป้ายชื่อขนาดใหญ่ของไร่ ...สวยเหรอ เดี๋ยวต้องหาโอกาสเข้าไปดูไร่นี้สักครั้งแล้วล่ะค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะสวยอย่างที่เขาบอกไหม ^^ รถขับผ่านไร่นั้นได้ไม่กี่ร้อยเมตรก็เลี้ยวเข้าจุดมุ่งหมายของเรา ไร่สิริภัคดิ์ ไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแล้วก็มีโรงแรมที่สวยอลังกาลมาก ๆ อยู่ในนี้ด้วย ที่ที่ฉันต้องฝึกงานและใช้ชีวิตที่นี่ไปอีกสี่เดือน “สวัสดีค่ะคุณเอย” “สวัสดีค่ะคุณมิลิน” พอลงรถหน้าส่วนที่ยัยเอยบอกว่าเป็นออฟฟิตก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก ๆ มาต้อนรับ ใส่ชุดทำงานแสดงว่าเป็นพนักงานที่นี่สินะ เห็นยัยเอยไหว้ฉันก็ไหว้ด้วย “นี่มิ้งค์เพื่อนเอยที่จะมาฝึกงานด้วยกันค่ะ” “ค่ะ ยินดีต้อนรับนะจ้ะ คุณเอยกับเพื่อนไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่านะคะวันนี้ยังไม่ต้องรายงานตัว” “พี่แทนล่ะคะ” “ไปธุระค่ะ” “อ้อ ค่ะ ถ้างั้นเอยไปบ้านเลยดีกว่า ไปกันแก” ยัยเอยพยักหน้ารับแล้วก็หันมาชวนฉันจากนั้นเพื่อนฉันก็ขึ้นรถเลยส่วนฉันก็งง ๆ แต่แว๊บหนึ่งฉันเห็นผู้หญิงคนนี้แอบทำหน้าไม่สบอารมณ์ไล่หลังยัยเอยนะ “แก” พอรถปิดสนิทฉันก็สะกิดเพื่อนรักทันที “ฉันรู้นะว่าแกจะถามอะไร” “ฮ่า ๆๆ นี่สิเพื่อนรัก แค่มองตาก็รู้ว่าจะนินทาใคร” “เดี๋ยวเถอะยัยมิ้งค์นี่ ไม่ได้จะนินทาสักหน่อย เมื่อกี้คุณมิลินเป็นผู้จัดการทั่วไปของที่นี่” “อ้อเป็นผู้จัดการนี่เองไม่น่าล่ะจัดการให้เสร็จสรรพเลย” ตอนที่เห็นแว็บแรกก็ว่าสวยนะคะแต่พูดออกมาไม่กี่ประโยคก็รู้เลยว่ายัยเจ้นั่นฤทธิ์เยอะแน่นอน แล้ว! ที่สำคัญ! สิ่งที่ฉันรู้สึกไม่เข้าตาที่สุดคือการที่น้องสาวของเจ้าของไร่ถามหาพี่ชายแล้วเจ้แกตอบว่า ไปธุระค่ะ ฮัลโหล~ ไม่ได้จะเบ่งนะแต่ยัยเอยเป็นหลานสาวของเมียประธานบริษัทนะเว้ยเฮ้ย! บอกตรง ๆ นะคะว่าคำตอบของยัยเจ้นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองพบเจอคนหวงก้างแล้วหนึ่ง ท่าทางพี่ชายเพื่อนจะฮอตแล้วก็เป็นที่หมายปองของสาว ๆ ในไร่เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย แล้วเด็กฝึกงานสวย ๆ อย่างมิ้งค์ที่อยู่บ้านเดียวกันกับคุณแทนคุณจะโดนเพ่งเล็งจากสาว ๆ มากแค่ไหนกันนะไม่อยากจะคิดเลย -_-! “เสียดายเนอะเลยไม่ได้แนะนำให้ว่าที่พี่สะใภ้เจอพี่ชายเลย” “หืม~ เรียกซะ เดี๋ยวเจ้มิลินอะไรนั่นก็มาแหกอกเพื่อนหรอก” “ฮ่า ๆๆ ไม่ใช่แค่คุณมิลินหรอกที่จะแหกอกแกแกเชื่อฉันสิ” “ฉันก็ว่างั้นเพราะฉะนั้นมิ้งค์ขอบายจ้ะเพื่อนรัก” “อย่าเพิ่งพูดแบบนี้รอเจอพี่แทนก่อนสิ” “ฉันไม่ได้คลั่งคนหล่อนะแก ฉันคลั่งคนดีจ้ะคนสวย” “พี่ชายฉันก็ดีไง” “เชียร์เก่งจัง เป็นไรเนี่ยพี่ชายแกหล่อมากจนหาแฟนไม่ได้รึยังไง” “เปล่า~ แค่เห็นแกสวยเลยอยากได้มาเป็นพี่สะใภ้ อิอิ” “ฮ่า ๆๆ เจ้มิลินนั่นก็สวยไม่เชียร์เหรอจ้ะ” “ไม่เอาอ่ะ ละไว้ในฐานที่เข้าใจเนอะ เจอหน้าไม่กี่ครั้งก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง” ขวัญเอยยิ้มแห้งฉันเลยขำเบา ๆ จากนั้นรถก็พาเราไปหยุดที่บ้านหลังใหญ่ที่...สวยมาก~ อ้อ! ไร่ก็สวยนะคะ โคตรสวยเลย สวยมาก ๆ เหมือนอยู่ในวิมานไม่มีผิดคิดไม่ผิดเลยที่มาฝึกงานที่นี่ เราสองคนเข้าไปในบ้านแม่บ้านก็พาฉันไปที่ห้องพัก ห้องสวยค่ะแต่เปิดไปที่ระเบียงสวยมากกว่าเพราะเห็นวิวที่มองไปเห็นไร่ตรงหน้าได้ชัดเจน บ้านอยู่บนเนินเขานี่สวยจริง ๆ เลยนะ อิจฉาเจ้าของบ้านจังที่มีบ้านสวยขนาดนี้ส่วนฉันคงได้แค่ฝัน สิบปีคงไม่มีแม้แต่ปัญญาจะซื้อที่ตรงตีนเขา แหะ ๆๆ “อยู่ตรงไหนนะ” ฉันพึมพำออกมาคนเดียวตรงริมระเบียงหลังจากที่ยืนกวาดสายตามองวิวตรงหน้าแล้วหาอะไรบางอย่าง “ตรงนั้นรึเปล่า” น่าจะใช่รึเปล่านะเพิ่งมาถึงเลยยังไม่ค่อยรู้ทิศรู้ทางเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรหรอกมิ้งค์อีกสักพักเดี๋ยวก็รู้เอง ฉันนอนพักผ่อนเพราะเพิ่งมาถึงไม่ได้มีอะไรให้ทำจนถึงช่วงบ่ายคล้อยเลยออกมาเดินเล่นส่วนยัยเอยน่าจะนอนอยู่นะคะเลยไม่ได้กวนเพื่อน “สวยจัง” ฉันเดินเล่นมาเรื่อย ๆ ออกจากตัวบ้านเดินลัดเลาะมาตามเนินเขาด้านหลังแล้วมองวิวที่หาซื้อไม่ได้ ธรรมชาตินี่สวยมากเลยเนอะมองตอนไหนก็เพลินตาไปหมด “คิดถึงมากเลยค่ะ” “...” หือ ใครคุยโทรศัพท์กับแฟนแถวนี้? “เมื่อเช้าก็เจอกันแล้วไง” อ้าว! ไม่ใช่เสียงคุยโทรศัพท์นี่คะมีเสียงผู้ชายด้วย “แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ” “เหมือนกันนั่นแหละ” “คุณจะไปรู้อะไร แล้วนี่ยังไงคะไปที่บ้านไม่ได้เลยเหรอ” “ไม่ได้ วันนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว” “ก็แค่น้องสาวรึเปล่า พี่ชายจะพาผู้หญิงเข้าบ้านก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย” ฉันไม่ได้แอบฟังนะคะแต่บังเอิญว่าสองคนนี้คุยกันเข้าหูฉันเอง “บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้อย่าเซ้าซี้” เสียงผู้ชายเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาฉันว่าฉันพาตัวเองไปจากตรงนี้ดีกว่ามันดูเสียมารยาทยังไงก็ไม่รู้ ฉันรีบขยับตัวมองซ้ายมองขวาหาทางที่จะเดินไปต่อให้พ้นจากตรงนี้ทันที “อย่าเข้าใจผิดสิคะไม่ได้เซ้าซี้ซะหน่อย ไม่เอาค่ะไม่อารมณ์เสียนะทำงานมาเหนื่อย ๆ อุตส่าห์มาเจอกันตรงนี้ทั้งที มาค่ะเดี๋ยวทำให้หายเหนื่อยดีกว่า~” ทำไมผู้หญิงต้องทำเสียงเซ็กซี่ด้วย ที่นี่มีคนงานในไร่มาพลอดรักกันแบบนี้บ่อย ๆ รึเปล่าเนี่ยไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขาก็ช่วยเกรงใจเจ้าของไร่ไม่ได้รึ...ไง แกร็บ~ ขวับ! “ว้าย!” “เอ่อ...” “เธอเป็นใคร!” “คือ...สวัสดีค่ะพี่แทน” “ใครเป็นพี่เธอ? ลงไปก่อน” เขาถามฉันเสียงไม่สบอารมณ์แต่ยังไม่ได้คำตอบจากฉันก็หันไปบอกผู้หญิงคนนั้นที่ฉันจำได้ว่าคือยัยเจ้มิลินให้ลงไปจากการนั่งคร่อมตักเขา “มาทำอะไรของเธอ คิดว่าจะเดินเล่นตรงไหนก็ได้รึไง” ยัยเจ้มิลินขยับตัวลงพร้อมกับต่อว่าฉันด้วยเสียงที่เหวี่ยงมาก อารมณ์เหมือนเจ้านายด่าลูกน้องไม่มีผิด แต่ก็คงจะอย่างนั้นไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงกล้าสั่งให้ยัยเอยไปพักที่บ้านแล้วตอบคำถามของยัยเอยแบบเมื่อกลางวันก็เพราะว่ายัยเจ้นี่ท่าทางจะเป็นว่าที่แม่เลี้ยงของไร่สิริภัคดิ์นี่ไง “ขอโทษค่ะ” ฉันได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาแล้วขอโทษนี่ล่ะ ถึงจะเป็นเพื่อนของยัยเอยแต่จะไปมีเพาเวอร์สู้แฟนเจ้าของไร่ได้ยังไงจริงไหมคะ เป็นทั้งผู้จัดการเป็นทั้งแฟนเจ้าของไร่ กินรวบหมดเลยโชคดีเป็นบ้า “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” เสียงเจ้าของที่นี่ถามขึ้นฉันก็ยิ่งก้มหน้า หล่อเกินคำว่าหล่อจริง ๆ นั่นแหละแต่น้ำเสียงไม่น่าสบตาคนหล่ออย่างเขาเลย “เพื่อนคุณขวัญเอยที่จะมาฝึกงานที่นี่ไงคะ เด็กเส้นของท่านประธาน” ฉันแค่เด็กติดสอยห้อยตามเถอะไม่ได้เป็นเด็กเส้นอย่ามาแอบแขวะ! “ไปก่อนไป” “...” “ไปสิ” เสียงแข็งจากยัยเจ้นั่นพูดออกมาเหมือนฉันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องทำให้ฉันได้แต่ก้าวขาแล้วเก็บความโกรธไว้ในใจ นี่สินะชีวิตจริงของการเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตของการเป็นผู้น้อย! “ขอผมคุยกับเด็กคนนี้แบบส่วนตัว” ฉันก้าวขาได้ขาเดียวเสียงเขาก็พูดขึ้นทำเอาฉันแทบหลุดขำ นี่เขาบอกให้ยัยเจ้มิลินแฟนเขาไปหรอกเหรอ ฮ่า ๆๆ แอบสะใจมากเหมือนกันนะที่ยัยเจ้นั่นหน้าแตก “คะ?” นี่ยังต้องทำหน้างงอีกเหรอคะเจ้ขา~ “คุณกลับบ้านพักได้แล้ว” “แต่...ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” ยัยเจ้มิลินอะไรนี่พูดจบก็เขย่งปลายเท้าทำท่าจะหอมแก้มแฟนเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของแต่อีกฝ่ายมองหน้าเธอนิ่ง สายตาเย็นชาพอสมควรทำให้อีกคนชะงัก ยัยเจ้มิลินหน้าเสียแต่สุดท้ายก็ยิ้มให้เขาแล้วไม่วายหันมามองจิกฉันแล้วเดินไปทางที่ฉันเพิ่งเดินมาพอยัยเจ้นั่นเดินห่างไปไกลฉันก็รีบปรับสีหน้าให้ดีขึ้นแล้วยกมือไหว้เจ้าของที่นี่ให้เป็นทางการ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อมิ้งค์ค่ะเป็นเพื่อนของยัย... / ห้ามบอกเอยเด็ดขาด” “คะ?” ยังพูดไม่จบเลยมือก็ยกไหว้ค้างอยู่เลยเนี่ยแต่เขาก็พูดแทรกซะก่อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่งแกมข่มขู่ทำฉันใจไม่ดีขึ้นมา First Impression ของฉันกับเขาโคตรแย่เลยสินะ -_-! “ห้ามบอกเรื่องที่เธอเห็นให้เอยรู้เด็ดขาดไม่งั้นเธอฝึกงานไม่ผ่านแน่นอน” เขาไม่เป็นมิตรกับฉันเลย เพราะอะไรแค่เพราะฉันบังเอิญมาเห็นเขากำลังจะพลอดรักกับแฟนของเขาเนี่ยนะ? แฟน รึเปล่านะ? ไม่หรอกไม่ใช่แน่นอน อาการแบบนี้แอบแซ่บกันชัวร์ “หนู...มิ้งค์ไม่เอาเรื่องใครไปพูดหรอกค่ะโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว” “ก็ดี อย่าให้รู้ว่าเอยรู้เรื่องนี้ก็แล้วกัน” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นี้แล้วเดินผ่านหน้าฉันไปอีกทางทิ้งไว้แค่ฉันที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ก็เห็นยัยเอยเชียร์ฉันอยู่นะ คุยเรื่องพี่ชายก็คุยปกติไม่เห็นจะมีท่าทางเหมือนน้องสาวที่หวงไม่อยากให้พี่ชายมีแฟนเลยแล้วจะต้องกลัวยัยเอยรู้เรื่องนี้จนถึงขั้นขู่จะให้ฉันฝึกงานไม่ผ่านเลยเหรอ? ไม่เวิร์คว่ะมิ้งค์ การฝึกงานที่นี่แม่งไม่เวิร์คแน่ ๆ เพราะมาวันแรกแกก็ไม่เข้าตาคนที่มีอำนาจในนี้ซะแล้วทั้งยัยผู้จัดการตัวร้ายกับเจ้าของไร่หน้าหล่อ “เฮ้อ! เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าขา หนูแค่ตั้งใจมาฝึกงานแล้วก็มาดูแลเพื่อนของหนูเท่านั้นหนูไม่ได้มีเจตนาจะมารับรู้เรื่องส่วนตัวของใคร ขอให้การฝึกงานของหนูผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะนะคะ หนูมาไกลหนูไม่มีที่พึ่งทางไหนเลยได้โปรดเมตตาหนูด้วยนะคะ” #MING END #TANKUN TALK “เฮ้อ! เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าขา หนูแค่ตั้งใจมาฝึกงานแล้วก็มาดูแลเพื่อนของหนูเท่านั้นหนูไม่ได้มีเจตนาจะมารับรู้เรื่องส่วนตัวของใคร ขอให้การฝึกงานของหนูผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะนะคะ หนูมาไกลหนูไม่มีที่พึ่งทางไหนเลยได้โปรดเมตตาหนูด้วยนะคะ” ...ประสาท ผมไม่ได้จะแอบฟังเด็กคนนี้ยกมือไหว้สวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรอกแต่ผมแค่บังเอิญได้ยินเพราะเด็กคนนี้เปล่งเสียงพูดออกมาเองต่างหาก โคตรบ้าเลยว่ะแต่เห็นแบบนี้ก็อดขำไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจอยู่รอหรอกครับแค่เมื่อกี้เดินไปอีกทางแล้วกลัวว่ามิลินจะแอบดักรอขู่อะไรเธอเพราะผมพอจะรู้นิสัยของผู้จัดการของที่นี่ก็เลยเดินย้อนกลับมา ว่าจะเดินนำไปก่อนไปดูให้แน่ใจว่ามิลินไปแล้วแค่นั้นเอง ผมหยุดยืนมองท่าทางของเด็กคนนี้แล้วก็เผลอยิ้มขำแต่แทนที่จะกลับบ้านเธอกลับนั่งลงตรงม้านั่งที่มิลินเพิ่งนั่งคร่อมผมแล้วมองดูวิวจากภูเขาตรงหน้า “คิดถึงแม่มากเลยค่ะ อยากให้มาด้วยจัง” ยัยเด็กนี่ชอบพูดคนเดียวเหรอวะ? มันก็ไม่แปลกที่คนเราจะคุยกับตัวเองแต่ยัยนี่แม่งเล่นพูดออกมาเลยมันก็เลยแปลกกว่าคนปกติทั่วไปที่เขาจะคุยกับตัวเองในใจ “แต่ดีแล้วค่ะที่แม่ไม่ได้มาด้วย เพราะถ้าแม่มาด้วยแล้วมาเห็นภาพบัดสีแบบเมื่อกี้แม่เป็นลมแน่เลย” ??? นี่ผมโดนแอบเหน็บสินะ หึ ๆๆ ท่าทางจะแสบไม่ใช่เล่นแล้วล่ะเพื่อนขวัญเอยคนนี้ ผมปล่อยให้เธอนั่งเล่นต่อแล้วก็เดินอ้อมไปอีกหน่อยจากนั้นก็เดินกลับบ้าน ระหว่างที่เดินกลับก็โทรหามิลินเพื่อเช็คถึงได้แน่ใจว่าเธอถึงบ้านพักของเธอแล้ว “ไงคะพี่แทน” กำลังจะเดินเข้าบ้านก็เห็นคนคนหนึ่ง คนที่อยู่ในใจผมตลอดมาเดินมาทักทายพอดี “ไงเรา เดินทางเหนื่อยไหม” “นั่งเครื่องชั่วโมงเดียวคิดว่าจะเหนื่อยไหมคะ” ขวัญเอยแกล้งถามผมเลยได้แค่ยิ้มก่อนจะมองที่หน้าท้องของเธอที่ตอนนี้เริ่มนูนขึ้นมานิดหน่อย “รู้ว่านั่งเครื่องแป๊บเดียวแต่ห่วงหลานของลุงไง” ผมพูดจริง ๆ ผมเป็นห่วงหลานในท้อง ตอนที่รู้ว่าขวัญเอยท้องผมทั้งช็อคทั้งเสียใจมากแต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็เริ่มทำใจได้ ก็จะให้ทำใจยังไงในเมื่ออีกคนไม่คิดที่จะกลับมาผมก็คงทำได้แค่ทำใจต่อให้ไม่อยากทำเลยก็ตามแล้วจากนี้ไปก็คงทำหน้าที่พี่ชายคิดไม่ซื่อคอยดูแลเธอกับหลานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ขอบคุณนะคะแต่ไม่ต้องห่วงเลยหลานคุณลุงแทนแข็งแรงดีค่ะ” “หึ ๆๆ เก่งทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ โทษทีนะที่พี่ไม่ได้ไปรับวันนี้มีประชุมด่วนน่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะแต่จะว่าไปก็เป็นนั่นล่ะค่ะ” ขวัญเอยพูดแล้วแอบทำหน้าเซ็งนิดหน่อย “เป็นอะไร มีอะไรเหรอ” “ก็พี่แทนพลาดการไปรับคนสวยน่ะสิคะ เซ็งมาก ๆ น่าจะได้เจอกันตั้งแต่แรกที่มาถึง” “เราหมายถึงเพื่อนเรา?” ผมถามตรง ๆ ขวัญเอยก็ยิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้า “ใช่ค่ะ เอยเซ็งมากที่พี่แทนไม่ได้ไปรับเพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะว่าเพื่อนเอยสวยมาก~ รับรองว่าถ้าเห็นแล้วพี่แทนต้องอยากจองมาเป็นพี่สะใภ้เอยแน่นอน” “หึ ๆๆ พูดอย่างกับพี่เจอคนสวยแล้วต้องอยากได้มาเป็นเมียทันที” ผมหัวเราะส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็สวยมากอย่างที่ขวัญเอยบอกนั่นแหละผมไม่เถียงหรอก “รู้ค่ะว่าเจอคนสวยมาเยอะแต่เพื่อนเอยมีมากกว่าความสวยนะคะ ทั้งสวยแล้วก็น่ารักที่สำคัญนิสัยดีมาก ๆ เลยนะ” “อื้ม” ผมพยักหน้ารับแล้วก็ยิ้ม สงสัยจะนิสัยดีจริง ๆ ล่ะมั้งเพิ่งพูดคนเดียวแล้วแอบเหน็บผมอยู่เลย “ไม่เชื่อเหรอคะ” “คนเรามีหลายมุมอยู่ที่ว่าอยู่กับใคร อยู่กับเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีแต่ถ้าอยู่กับคนอื่นอาจจะไม่ดีก็ได้” “อะไรคะทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ไม่ชอบเพื่อนเอยรึเปล่าเนี่ย” “เปล่า พี่แค่พูดไปงั้นไม่ได้ไม่ชอบอะไรสักหน่อยคนยังไม่เจอกันจะไม่ชอบได้ยังไง พี่แค่จะบอกว่าเรื่องนิสัยมันต้องดูเอง จะให้เชื่อคำพูดคนอื่นเลยมันก็ไม่ได้จริงไหมล่ะ” “ก็จริงค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะเดี๋ยวพี่แทนก็เชื่อคำพูดเอยเพราะเพื่อนเอยเป็นอย่างที่เอยอวยทุกอย่าง นั่นไงมาแล้ว ค่อย ๆ หันไปมองนะคะแล้วอย่าตะลึงในความสวยล่ะ อิอิ” หึ ๆๆ ตลกขวัญเอยว่ะแต่ผมก็ทำตามนะครับ หันไปมองเด็กคนนั้นที่กำลังเดินกลับมาที่บ้านแต่ก็ไม่ได้ตะลึงหรอกจะตะลึงได้ยังไงในเมื่อเพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอสวยมากอย่างที่ขวัญเอยบอกแต่ชื่ออะไรผมจำไม่ได้แล้วตอนนั้นมัวแต่โมโหที่มีคนไปเห็นแล้วก็กลัวว่าเรื่องจะถึงหูขวัญเอยผมเลยลืมสนใจความสวยกับชื่อของเธอไปเลย “เป็นไงคะ สวยใช่ไหมล้า~” เสียงสดใสจากคนข้างหลังทำให้ผมยิ้ม ดีนะที่ขวัญเอยยืนอยู่ข้างหลังเลยไม่เห็นหน้าผมไม่งั้นเธอคงผิดหวังน่าดูที่ผมไม่ตะลึงอย่างที่เธอคิด “อื้ม” “อะไรอ่ะ ตอบแค่นี้เองเหรอพี่แทน” “ก็สวยไงจะให้พูดอะไรล่ะ” ผมหันกลับมามองขวัญเอยส่วนเด็กคนนั้นเมื่อกี้ก็ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อยตอนที่เห็นหน้าผม “ชิส์! มิ้งค์จ๋า~ มานี่เร็วมารู้จักคุณแทนคุณพี่ชายเพื่อนเลย~” ขวัญเอยเรียกเพื่อนของเธอด้วยท่าทางตื่นเต้น นี่คงอยากจับคู่ให้ผมกับเพื่อนรักของตัวเองสินะ หึ ๆๆ ความหวังที่มีแค่ริบหรี่ในใจไอ้แทนดับมอดลงไปแล้วล่ะครับ “สวัสดีค่ะ” ยัยเด็กคนนี้เดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ผมอีกครั้ง ก็ดีที่ทำเหมือนเราเพิ่งเจอกันไม่งั้นขวัญเอยถามต่อแน่ว่าเจอกันเมื่อไหร่แล้วคุยอะไรกันบ้าง บอกตรง ๆ ว่าไม่อยากโกหกคนท้อง “ครับ” ผมยกมือรับไหว้ทำให้คนที่ไหว้ผมเผลอทำหน้ากระอักกระอ่วนใจออกมา อ่าส์! ฉันก็ไม่อยากแกล้งทำเป็นมีมารยาททั้งที่เพิ่งขู่เธอไปเมื่อกี้เหมือนกันนั่นล่ะวะ “พี่แทนคะนี่มิ้งค์คนสวยของเอยเองค่ะ ดูแลดี ๆ นะคะไม่งั้นร้องไห้กลับบ้านตั้งแต่ยังฝึกงานไม่เสร็จแน่เลย” “ครับ ตามสบายนะที่นี่อยู่กันเหมือนพี่น้องอยู่กันแบบครอบครัวไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย” “...ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณแทนคุณ” “แก~ ไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิตเรียกธรรมดาก็ได้คุณเคินอะไร” “ไม่ดีกว่าแกเดี๋ยวไม่ชินขอเรียกแบบนี้ดีกว่า” “แต่... / อย่าบังคับเพื่อนเลยเอยเอาตามที่เพื่อนสะดวกดีกว่า หิวรึยังแม่บ้านน่าจะทำอาหารเสร็จแล้วมั้ง” ผมก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้เรียกผมว่าพี่เหมือนกัน ไม่รู้ว่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบหน้าแต่ไม่อยากให้เรียกเฉย ๆ หรือถ้าจะเรียกก็คงไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน “โอเคค่ะถ้างั้นไปกินข้าวกันดีกว่าเอยก็เริ่มหิวแล้ว ไปกันแกแม่ครัวที่นี่ทำอาหารเหนืออร่อยมาก~” ขวัญเอยเดินผ่านผมไปเกาะแขนเพื่อนแล้วพาเพื่อนของเธอเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับโม้เรื่องอาหารไปด้วย ผมได้แต่ยืนมองผู้หญิงสองคนที่จะมาอยู่ด้วยอีกหลายเดือน สวยเหมือนกันทั้งคู่แต่นิสัยจะเหมือนกันไหมผมไม่รู้หรอก แต่ต่อให้เหมือนก็ไม่มีทางมีใครมาแทนที่เธอได้เพราะขวัญเอยก็คือขวัญเอย #TANKUN END #MING TALK ...ตามสบายนะที่นี่อยู่กันเหมือนพี่น้องอยู่กันแบบครอบครัวไม่ต้องเกร็ง ครอบครัวแบบไหนเหรอ ครอบครัวเลือดข้นคนจางเหรอ? ใช่แน่นอนเพราะดูจากยัยเจ้มิลินของเขาแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ...ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย ใครจะไปทำตัวตามสบายได้ถามจริงในเมื่อเจ้าของบ้านเพิ่งขู่คนที่มาขออาศัยไปหยก ๆ ที่พูดเมื่อกี้แค่เอาใจน้องสาวตัวเองเท่านั้นแหละ ท่าทางอีตาแทนคุณอะไรนี่จะเกรงใจน้องสาวตัวเองมากน่าดู เฮ้อ! ท่าไม่ดีตั้งแต่วันแรกแต่ก็ทนหน่อยนะมิ้งค์เอ้ยมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยยัยเอยก็น่าจะคุ้มกะลาหัวแกได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะวะ “แก” ฉันบอกเพื่อนดีไหมนะ “ว่า~” เห็นเพื่อนมีความสุขฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรเลยค่ะ ฉันรู้นะว่ายัยเอยชอบไปแอบร้องไห้เวลาอยู่คนเดียวเพราะฉะนั้นเรื่องที่อึดอัดใจเก็บไว้ก่อนก็ได้มั้งมิ้งค์ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนท้องมีสุขภาพจิตดีตอนที่อยู่กับแกเถอะนะ “ไม่มีอะไรแค่จะบอกว่าหิว” “อ้อ ถ้างั้นรีบมาเลยจ้ะมิ้งค์เดี๋ยวเพื่อนพาไปกิน” ขวัญเอยลากฉันให้เดินเร็วกว่าเดิมจนต้องห้ามให้เดินช้าลงเผื่อเพื่อนลืมว่าตัวเองท้องอยู่ พอมาถึงโต๊ะอาหารเจ้าของบ้านก็เดินตามมาฉันถูกจัดให้นั่งตรงข้ามยัยเอย แน่นอนว่าเจ้าของบ้านนั่งหัวโต๊ะและใช่ค่ะฉันกับยัยเอยนั่งขนาบเขาซ้ายขวา เกร็งเป็นบ้าเลยอาหารที่จัดไว้บนโต๊ะน่ากินแต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะกล้ากินเยอะรึเปล่า “น่ากินมาก~ อาหารของที่นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เอยเลือกมาฝึกงานที่นี่เลยนะคะ” “หึ ๆๆ ถ้างั้นก็กินเยอะ ๆ ทั้งคุณแม่แล้วก็คุณลูกล่ะ” “ค่า~” ฉันนั่งฟังสองพี่น้องที่ไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดแต่ดูสนิทสนมกันดีแล้วก็เกร็งไปอีกเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองจมหายไปจากโต๊ะอาหารในชั่วขณะหนึ่ง ชิส์! คนก็อุตส่าห์คิดว่ามาแล้วจะต้อนรับกันแบบน้องนุ่งที่ไหนได้ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ก็อุตส่าห์จะฝากตัวเป็นน้องสาวเพราะเห็นเป็นพี่ชายของเพื่อนรักแต่บอกตรง ๆ นะคะตอนนี้ในสายตาฉันเขาเป็นแค่เจ้าของบริษัทที่ฉันมาฝึกงานแล้วฉันก็ต้องวางตัวให้นอบน้อมที่สุดก็เท่านั้น ถ้าคลานเข่าเป็นทาสในเรือนเบี้ยได้ก็คงทำไปแล้ว -เวลาต่อมา- “มาทำอะไรทำไมไม่เข้านอน” “อุ้ย!” ฉันสะดุ้งแล้วรีบหันไปตามเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง “ว่าไงทำไมไม่เข้านอน” เสียงเจ้าของบ้านโคตรดุเลย นี่เพิ่งสี่ทุ่มเองนะจะรีบไล่ไปนอนถึงไหน “พอดีเห็นตรงนี้วิวดีค่ะเลยออกมานั่งเล่น” “นี่ไม่ใช่เวลามานั่งเล่น” ฉันพยายามจะสร้างมิตรภาพเพื่อให้ตัวเองอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ยากลำบากแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ชอบเท่าไหร่ -_-! “...ทราบค่ะ” “ขึ้นนอนซะแล้วคราวหลังอย่าทำอะไรตามใจตัวเองอยากออกไปไหนทำอะไรก็ทำแบบนี้อีก มันไม่ใช่บ้านของเธอ” โห~ อาการออกขนาดนี้ทำไมไม่ให้ฉันไปนอนบ้านพักคนงานล่ะยะไปได้นะแบบนั้นน่าจะสบายใจกว่า “ค่ะ!” ฉันรับคำแล้วเดินหนีเขาทันที เผลอแสดงกิริยาไม่เหมาะสมใส่เขาด้วยนะ ฉันกระแทกเสียงใส่แล้วสะบัดหน้าหันหลังให้เขาทันที “เหอะ! กลัวฉันจะไปเห็นว่าแอบพลอดรักกับผู้จัดการอีกรึไงยะ!”

นิยายรักโรแมนติกพ่อเลี้ยงนักศึกษารักแรกพบจีบเมียเก่าสัญญาทางรักโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกดราม่า21+

EP : 1

“ฉันจะไปฝึกงานที่เชียงใหม่นะแก”

“ฮะ?”

“จริง ๆ”

“บ้า~ ที่ฝึกงานไม่มีที่เชียงใหม่ซะหน่อย”

“เดี๋ยวก็มี” ขวัญเอยเพื่อนสนิทของฉันพูดขึ้นแล้วยิ้มบาง ๆ แต่ทำไมยัยเอยยิ้มเศร้าจังเลย

มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า ทั้งคำพูดทั้งสีหน้าทุกอย่างดูแปลกไปหมด

“มีอะไรรึเปล่าแก”

“...”

“เอย แกเป็นไร” ฉันย้ำถามเพราะเพื่อนไม่ตอบแต่เพื่อนมองฉันแล้วน้ำตาคลอแทนทำฉันใจคอไม่ดีทันที

“...ฉันท้อง”

“อะไรนะ!”

“ฮึก!”

“เฮ้ย ๆๆ ใจเย็น ๆ เอยอย่าเพิ่งร้อง” ตอนแรกตกใจนึกว่าอำเล่นแต่ร้องแบบนี้ไม่อำแล้วล่ะเรื่องจริงแน่นอน

แค่ได้ยินเรื่องเล่าที่ไม่มีรายละเอียดก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมาทันทีเลยมิ้งค์เอ้ย~

“...อย่าเพิ่งบอกใครนะแก ฮึก!”

“ไม่บอก ๆ ฉันไม่บอกใครแน่นอน” จะไปบอกใครได้ยังไงเรื่องใหญ่ขนาดนี้ อย่าว่าแต่จะไปบอกใครเลยลำพังตอนนี้แค่ตั้งสติของตัวเองยังทำไม่ได้

เกิดเรื่องใหญ่กับเพื่อนรักแถมตอนนี้เพื่อนรักของฉันก็เลิกกับแฟนไปแล้วด้วย ตายห่าคุณมิ้งค์คนนี้จะช่วยอะไรได้มากกว่าปลอบใจไหมเนี่ย!

-สองอาทิตย์ต่อมา-

“แม่คะ”

“จ้ะ”

“มิ้งค์จะฝึกงานแล้วนะ”

“รู้จ้ะ แล้วที่ฝึกงานไกลไหมแม่ว่าจะถามก็ลืมตลอดเลย”

“ไกลค่ะ”

“เดินทางไหวไหมล่ะลูก ฝึกงานตั้งหลายเดือนไปหาหอใกล้ ๆ อยู่ระหว่างฝึกงานไหม”

“ค่ะ ก็ต้องเอาแบบนั้นล่ะค่ะแม่เพราะว่าที่ฝึกงานของมิ้งค์ไกลมาก~” ฉันเน้นคำว่าไกลมากเป็นพิเศษ

“มิ้งค์ดูที่พักรึยังล่ะหรือจะให้แม่พาไปดู”

“ไม่ต้องดูค่ะแม่ ที่ฝึกงานมีที่พักให้ค่ะ”

“จริงเหรอจ้ะถ้างั้นก็ดีสิ ว่าแต่หนูฝึกที่ไหนทำไมสวัสดิการดีจังเลย”

“ฝึกที่ไร่สิริภัคดิ์ค่ะ”

“ไร่? สำนักงานของไร่เหรอ ชื่อไร่คุ้น ๆ นะเหมือนเคยได้ยิน” แม่ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อบริษัทที่ฉันจะไปฝึกงาน

“ไร่สิริภัคดิ์ที่เป็นไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดของไทยไงคะ มีโรงแรมแล้วก็โรงงานผลิตชาส่งออกแม่น่าจะรู้จักนะคะ เหมือนแม่เคยแท็กมิ้งค์ด้วยนะว่าอยากไปเที่ยวที่ไร่เขา”

“อ้อก็ว่าอยู่ชื่อคุ้น ๆ ฝึกที่สำนักงานใช่ไหม ตั้งใจนะยัยมิ้งค์อย่าไปโก๊ะเด็ดขาด”

“ค่า~ มิ้งค์ไม่ปล่อยโก๊ะหรอกค่ะแม่สบายใจได้เลย”

“แล้วว่าแต่ที่ฝึกงานอยู่แถวไหนล่ะลูก”

“...เชียงใหม่ค่ะ”

“อะไรนะ?”

“เชียงใหม่ค่ะแม่ มิ้งค์จะไปฝึกงานที่เชียงใหม่ค่ะ”

“อำแม่เหรอยัยมิ้งค์” แม่ทำหน้าไม่เชื่อแต่ฉันก็ยังมีสีหน้ามุ่งมั่นแน่วแน่เหมือนเดิม จะไม่ให้แน่วแน่ได้ไงก็มิ้งค์มีความฝันที่ทำให้อยากไปมากพอมีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้แล้วไปให้ได้

“ไม่อำค่ะแม่มิ้งค์จะไปฝึกงานที่เชียงใหม่กับเอยค่ะ”

“...ไกลเลยนะลูก” ยิ่งย้ำแม่ก็ยิ่งอึ้งแต่ฉันก็เข้าใจนะใครจะคิดว่าลูกสาวจะไปฝึกงานไกลถึงเชียงใหม่จริงไหม กรุงเทพ-เชียงใหม่ ไม่ใกล้เลยนะคะ

“ค่ะแม่แต่มิ้งค์อยากไป มีโอกาสก็เลยไปดีกว่า แม่ไม่โกรธใช่ไหมคะ”

“ไม่โกรธหรอกจะโกรธทำไมมิ้งค์ไปฝึกงานนี่จ้ะไม่ได้ไปตามผู้ชายซะหน่อย”

“...” เจอคำนี้ของแม่เข้าไปแอบสะอึกไปเหมือนกันนะมิ้งค์

“แม่แค่ตกใจแค่นั้น แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะลูก”

“...วันจันทร์หน้าค่ะ”

“ฮะ!”

-หลายวันต่อมา-

“เป็นไรแก” ขวัญเอยเพื่อนรักหันมามองฉันที่ขยับตัวหยุกหยิกไม่หยุดมาสักพักแล้ว

“ฉันตื่นเต้น”

“ตื่นเต้น? ไม่ต้องกลัวหรอกน่าวันนี้ยังไม่ได้เริ่มฝึกงานสักหน่อย”

“อื้อ” เพื่อนจะคิดแบบนั้นก็ให้เพื่อนคิดไปเลยดีกว่าค่ะสบายใจทั้งสองฝ่ายดี แต่มันใช่แบบนั้นหรอกค่ะ มิ้งค์ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะเรื่องฝึกงานเลยสักนิด

“เดี๋ยวไปถึงไร่รับรองว่าความสวยของที่นั่นจะทำแกลืมความตื่นเต้นไปเลยเชื่อฉัน”

“นั่นสิเนอะฉันดูรีวิวมาไร่สิริภัคดิ์สวยมากเลยนี่นา”

“ใช่แต่ในรูปไม่สวยเท่าของจริงหรอกของจริงสวยกว่ามาก ๆ” ขวัญเอยเพื่อนฉันเป็นหลานสาวของเจ้าของไร่ค่ะ ที่เรามาที่นี่ก็เพราะเหตุผลก่อนหน้านี้นั่นแหละ ยัยเอยจะท้องโตขึ้นทุกวันเลยเลือกมาฝึกงานในบริษัทของบ้านตัวเองแล้วที่เลือกมาที่นี่เพราะยัยเอยอยากหนีอะไรบางอย่างมา ซึ่งอะไรบางอย่างก็คงไม่ต้องเดาให้ยากหรอกค่ะก็หนีพ่อของลูกมานั่นแหละ ส่วนฉันเป็นห่วงเพื่อนเลยตามมาฝึกงานที่นี่ด้วย แต่นั่นก็แค่หนึ่งเหตุผลนะคะเพราะฉันยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ขอไม่บอกดีกว่า มันเป็นเหตุผลฟลุ๊ค ๆ ที่ทำให้ฉันแอบมีความสุขมากเหมือนกัน

“แก”

“ว่า”

“พี่ชายแกดุไหม”

“พี่แทนน่ะเหรอ ไม่ดุหรอกพี่แทนใจดี”

“อื้อ”

“ทำไมจ้ะกลัวว่าที่เจ้านายเหรอ”

“อื้อ ก็ต้องกลัวไหมล่ะแกเล่นจะให้อยู่บ้านเดียวกันกับเจ้านายเลย ถ้าดุฉันอยู่ลำบากแน่ ๆ”

“ฮ่า ๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะพี่แทนใจดีมาก~ ที่สำคัญหล่อมากด้วยนะจ้ะ”

“โม้รึเปล่า”

“ไม่โม้ รับรองถ้าแกเห็นพี่แทนแกจะต้องอยากยื่นใบสมัครเป็นพี่สะใภ้ฉันแน่นอนจ้ะยัยมิ้งค์คนสวยเพราะพี่แทนทั้งหล่อรวยนิสัยดีทุกอย่างดีหมดเลย ดีมากเหมาะเป็นแฟนเพื่อนมาก~”

ฉันฟังคำพูดของยัยเอยแล้วก็เบ้ปากใส่เพื่อนที่พรีเซ้นส์พี่ชายตัวเองเต็มที่มาก แต่ฉันก็ไม่เถียงคะนะเพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณแทนคุณรองประธานกรรมการของสิริภัคดิ์ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานหลังจากที่กลับมาจากอเมริกาหล่อมากเกินคำว่าหล่อด้วยซ้ำ

พูดแล้วอยากเห็นตัวเป็น ๆ เลยแต่ถึงเห็นก็คงไม่รู้สึกอะไรเพราะฉันเคยเห็นคนที่หล่อมากเกินคำว่าหล่อมาแล้ว แฟนขวัญเอยไง รายนั้นก็หล่อมากเกินคำว่าหล่อเช่นกัน แต่หล่อให้ตายยังไงก็ทำได้แค่มองเพราะนั่นคือแฟนเพื่อน แหะ ๆ

“อันนี้ไร่อะไรเหรอยัยเอย” ฉันชี้ไปที่ด้านหนึ่งที่เป็นทางเข้าไร่แต่อ่านป้ายได้ไม่ชัดเท่าไหร่

“นี่เหรอ ไร่ชาเหมือนกันนี่แหละแต่ไม่ได้เน้นชาเป็นพิเศษเท่าไร่เรา ทำหลายอย่างข้างในสวยนะเคยเข้าไปตอนเด็ก ๆ ตามคุณลุงไปทำอะไรไม่รู้จำไม่ได้เหมือนกัน”

“อ้อ~” ฉันพยักหน้ารับแล้วมองไปที่ป้ายชื่อขนาดใหญ่ของไร่

...สวยเหรอ เดี๋ยวต้องหาโอกาสเข้าไปดูไร่นี้สักครั้งแล้วล่ะค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะสวยอย่างที่เขาบอกไหม ^^

รถขับผ่านไร่นั้นได้ไม่กี่ร้อยเมตรก็เลี้ยวเข้าจุดมุ่งหมายของเรา ไร่สิริภัคดิ์ ไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแล้วก็มีโรงแรมที่สวยอลังกาลมาก ๆ อยู่ในนี้ด้วย ที่ที่ฉันต้องฝึกงานและใช้ชีวิตที่นี่ไปอีกสี่เดือน

“สวัสดีค่ะคุณเอย”

“สวัสดีค่ะคุณมิลิน” พอลงรถหน้าส่วนที่ยัยเอยบอกว่าเป็นออฟฟิตก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก ๆ มาต้อนรับ ใส่ชุดทำงานแสดงว่าเป็นพนักงานที่นี่สินะ เห็นยัยเอยไหว้ฉันก็ไหว้ด้วย

“นี่มิ้งค์เพื่อนเอยที่จะมาฝึกงานด้วยกันค่ะ”

“ค่ะ ยินดีต้อนรับนะจ้ะ คุณเอยกับเพื่อนไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่านะคะวันนี้ยังไม่ต้องรายงานตัว”

“พี่แทนล่ะคะ”

“ไปธุระค่ะ”

“อ้อ ค่ะ ถ้างั้นเอยไปบ้านเลยดีกว่า ไปกันแก” ยัยเอยพยักหน้ารับแล้วก็หันมาชวนฉันจากนั้นเพื่อนฉันก็ขึ้นรถเลยส่วนฉันก็งง ๆ แต่แว๊บหนึ่งฉันเห็นผู้หญิงคนนี้แอบทำหน้าไม่สบอารมณ์ไล่หลังยัยเอยนะ

“แก” พอรถปิดสนิทฉันก็สะกิดเพื่อนรักทันที

“ฉันรู้นะว่าแกจะถามอะไร”

“ฮ่า ๆๆ นี่สิเพื่อนรัก แค่มองตาก็รู้ว่าจะนินทาใคร”

“เดี๋ยวเถอะยัยมิ้งค์นี่ ไม่ได้จะนินทาสักหน่อย เมื่อกี้คุณมิลินเป็นผู้จัดการทั่วไปของที่นี่”

“อ้อเป็นผู้จัดการนี่เองไม่น่าล่ะจัดการให้เสร็จสรรพเลย” ตอนที่เห็นแว็บแรกก็ว่าสวยนะคะแต่พูดออกมาไม่กี่ประโยคก็รู้เลยว่ายัยเจ้นั่นฤทธิ์เยอะแน่นอน

แล้ว! ที่สำคัญ! สิ่งที่ฉันรู้สึกไม่เข้าตาที่สุดคือการที่น้องสาวของเจ้าของไร่ถามหาพี่ชายแล้วเจ้แกตอบว่า ไปธุระค่ะ ฮัลโหล~ ไม่ได้จะเบ่งนะแต่ยัยเอยเป็นหลานสาวของเมียประธานบริษัทนะเว้ยเฮ้ย!

บอกตรง ๆ นะคะว่าคำตอบของยัยเจ้นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองพบเจอคนหวงก้างแล้วหนึ่ง ท่าทางพี่ชายเพื่อนจะฮอตแล้วก็เป็นที่หมายปองของสาว ๆ ในไร่เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย แล้วเด็กฝึกงานสวย ๆ อย่างมิ้งค์ที่อยู่บ้านเดียวกันกับคุณแทนคุณจะโดนเพ่งเล็งจากสาว ๆ มากแค่ไหนกันนะไม่อยากจะคิดเลย -_-!

“เสียดายเนอะเลยไม่ได้แนะนำให้ว่าที่พี่สะใภ้เจอพี่ชายเลย”

“หืม~ เรียกซะ เดี๋ยวเจ้มิลินอะไรนั่นก็มาแหกอกเพื่อนหรอก”

“ฮ่า ๆๆ ไม่ใช่แค่คุณมิลินหรอกที่จะแหกอกแกแกเชื่อฉันสิ”

“ฉันก็ว่างั้นเพราะฉะนั้นมิ้งค์ขอบายจ้ะเพื่อนรัก”

“อย่าเพิ่งพูดแบบนี้รอเจอพี่แทนก่อนสิ”

“ฉันไม่ได้คลั่งคนหล่อนะแก ฉันคลั่งคนดีจ้ะคนสวย”

“พี่ชายฉันก็ดีไง”

“เชียร์เก่งจัง เป็นไรเนี่ยพี่ชายแกหล่อมากจนหาแฟนไม่ได้รึยังไง”

“เปล่า~ แค่เห็นแกสวยเลยอยากได้มาเป็นพี่สะใภ้ อิอิ”

“ฮ่า ๆๆ เจ้มิลินนั่นก็สวยไม่เชียร์เหรอจ้ะ”

“ไม่เอาอ่ะ ละไว้ในฐานที่เข้าใจเนอะ เจอหน้าไม่กี่ครั้งก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง” ขวัญเอยยิ้มแห้งฉันเลยขำเบา ๆ จากนั้นรถก็พาเราไปหยุดที่บ้านหลังใหญ่ที่...สวยมาก~ อ้อ! ไร่ก็สวยนะคะ โคตรสวยเลย สวยมาก ๆ เหมือนอยู่ในวิมานไม่มีผิดคิดไม่ผิดเลยที่มาฝึกงานที่นี่

เราสองคนเข้าไปในบ้านแม่บ้านก็พาฉันไปที่ห้องพัก ห้องสวยค่ะแต่เปิดไปที่ระเบียงสวยมากกว่าเพราะเห็นวิวที่มองไปเห็นไร่ตรงหน้าได้ชัดเจน บ้านอยู่บนเนินเขานี่สวยจริง ๆ เลยนะ อิจฉาเจ้าของบ้านจังที่มีบ้านสวยขนาดนี้ส่วนฉันคงได้แค่ฝัน สิบปีคงไม่มีแม้แต่ปัญญาจะซื้อที่ตรงตีนเขา แหะ ๆๆ

“อยู่ตรงไหนนะ” ฉันพึมพำออกมาคนเดียวตรงริมระเบียงหลังจากที่ยืนกวาดสายตามองวิวตรงหน้าแล้วหาอะไรบางอย่าง

“ตรงนั้นรึเปล่า” น่าจะใช่รึเปล่านะเพิ่งมาถึงเลยยังไม่ค่อยรู้ทิศรู้ทางเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรหรอกมิ้งค์อีกสักพักเดี๋ยวก็รู้เอง

ฉันนอนพักผ่อนเพราะเพิ่งมาถึงไม่ได้มีอะไรให้ทำจนถึงช่วงบ่ายคล้อยเลยออกมาเดินเล่นส่วนยัยเอยน่าจะนอนอยู่นะคะเลยไม่ได้กวนเพื่อน

“สวยจัง” ฉันเดินเล่นมาเรื่อย ๆ ออกจากตัวบ้านเดินลัดเลาะมาตามเนินเขาด้านหลังแล้วมองวิวที่หาซื้อไม่ได้ ธรรมชาตินี่สวยมากเลยเนอะมองตอนไหนก็เพลินตาไปหมด

“คิดถึงมากเลยค่ะ”

“...” หือ ใครคุยโทรศัพท์กับแฟนแถวนี้?

“เมื่อเช้าก็เจอกันแล้วไง” อ้าว! ไม่ใช่เสียงคุยโทรศัพท์นี่คะมีเสียงผู้ชายด้วย

“แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ”

“เหมือนกันนั่นแหละ”

“คุณจะไปรู้อะไร แล้วนี่ยังไงคะไปที่บ้านไม่ได้เลยเหรอ”

“ไม่ได้ วันนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว”

“ก็แค่น้องสาวรึเปล่า พี่ชายจะพาผู้หญิงเข้าบ้านก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย” ฉันไม่ได้แอบฟังนะคะแต่บังเอิญว่าสองคนนี้คุยกันเข้าหูฉันเอง

“บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้อย่าเซ้าซี้” เสียงผู้ชายเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาฉันว่าฉันพาตัวเองไปจากตรงนี้ดีกว่ามันดูเสียมารยาทยังไงก็ไม่รู้ ฉันรีบขยับตัวมองซ้ายมองขวาหาทางที่จะเดินไปต่อให้พ้นจากตรงนี้ทันที

“อย่าเข้าใจผิดสิคะไม่ได้เซ้าซี้ซะหน่อย ไม่เอาค่ะไม่อารมณ์เสียนะทำงานมาเหนื่อย ๆ อุตส่าห์มาเจอกันตรงนี้ทั้งที มาค่ะเดี๋ยวทำให้หายเหนื่อยดีกว่า~” ทำไมผู้หญิงต้องทำเสียงเซ็กซี่ด้วย

ที่นี่มีคนงานในไร่มาพลอดรักกันแบบนี้บ่อย ๆ รึเปล่าเนี่ยไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขาก็ช่วยเกรงใจเจ้าของไร่ไม่ได้รึ...ไง

แกร็บ~

ขวับ!

“ว้าย!”

“เอ่อ...”

“เธอเป็นใคร!”