บท
ตั้งค่า

ปฐมบท

วันเวลาที่เลื่อนผ่าน แปรเปลี่ยนไปตามยุค ตามสมัย จากชนบทป่าไม้ กลายมาเป็นถนนหนทางที่เรียบง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ผืนป่ารกชัฏ แปรเปลี่ยนทุกพื้นดินให้เป็นตึกราม บ้านช่องให้แก่ผู้คนอาศัย แต่กระนั้น ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่แปรเปลี่ยนไป แดนมืด ดินแดนสำหรับพวกที่ไม่ใช่มนุษย์อาศัยอยู่ ซึ่งเราเรียกกันว่า เผ่าแวมไพร์

เป็นพื้นที่ที่ลึกลับ ที่แม้แต่มนุษย์ยุคปัจจุบันก็ไม่ได้รู้จัก แต่ตำนานของเหล่าแวมไพร์ ก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ทุกยุคทุกสมัย จากปากต่อปาก กลายเป็นเรื่องเล่ามากมาย สุดท้ายก็มีบันทึกไว้ เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อยืนยันว่า แวมไพร์ มีจริง

บางตำนานบอกว่า แวมไพร์เป็นสัตว์ดุร้าย ในทุกค่ำคืนจะมีหญิงสาวหายไปเพราะมัน ก่อนจะถูกพบเป็นศพในเช้าวันถัดมา

บางตำนานเล่าว่าแวมไพร์หวาดกลัวต่อแสงอาทิตย์ เพราะถ้าโดนมันเข้าไป ร่างกายก็จะถูกเผาไหม้และตายไปทันที

บางก็บอกว่ามันกลัวไม้กางเขนและน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันแสบร้อนไม่ต่างจากพระอาทิตย์ในยามเช้า แต่ในความเป็นจริงเล่า ใครจะรู้ว่าเป็นยังไง จริงไหม?

แต่เหมือนว่าปัจจุบัน เรื่องเล่าเหล่านั้น จะเป็นแค่เพียงความเพ้อฝันของใครบางคนที่นำมาสร้างเป็น นวนิยาย สู่ภาพยนตร์ต่างๆมากมายให้ได้ติดตามกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่มนุษย์เหล่านั้น ไม่อาจรู้เลยคือ แวมไพร์ อยู่ใกล้ตัวคุณมาก เพียงแค่คุณไม่รู้ตัว

"ท่านพี่" เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ลูคัสต้องเงยหน้ามองผู้มาเยือน พลางวางปากกาลงบนโต๊ะ หลังจากทำบัญชี ของวันนี้เสร็จสิ้นลง

"ว่ายังไง วินเซนต์"

"คือว่า ข้าจะถามท่านว่า เราจะกลับไปหาท่านพ่อไหม"

"ไม่ละ ถ้าเจ้าอยากไป เจ้าก็ไปเถอะ"

"แล้วท่านพี่ไม่คิดถึงน้องๆบ้างเหรอ" ลูคัสหลับตาลงพลางถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงน้องๆของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะต่างแม่ แต่ทุกคนล้วนมีพ่อคนเดียวกัน

"คิดถึงสิ ใช่ว่าข้าไม่อยากจะกลับไปนะ แต่เจ้าก็รู้วินเซนต์ ว่าข้าไม่อยากเจอ เขา "

"โธ่ท่านพี่ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะ ท่านยังไม่ลืมอีกหรือไงกัน"

"ใครจะลืมลงกันล่ะ ถึงเขาจะเป็น พ่อ แต่เขาก็แย่งคนที่ข้ารักที่สุดไปนะ "

"ท่านพี่ คือ ข้าขอโทษ"

"อืม ว่าแต่จัดเก็บร้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"

"เรียบร้อยหายห่วง"

"งั้นก็ดี"

“ข้าไปละ ท่านก็พักผ่อนนะ”

“เดียว..ข้าคิดว่า เจ้าพวกนั้นคงอยากกลับบ้าน เราปิดร้านกันสองสามวัน ก็ได้”

“แบบนี้ก็หมายความว่า เราจะกลับแดนมืดกันใช่ไหม! งั้นข้าไปบอกเจ้าพวกนั้นก่อนแล้วกัน” ลูคัสมองวินเซนต์ที่ยิ้มกว้างที่ได้รู้ว่าเราจะกลับบ้านกัน

อีกไม่นาน พระอาทิตย์ก็จะขึ้นแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวพักผ่อนซะแล้วสิ ถึงแม้ว่าจะไม่อยากเจอเขา แต่อย่างน้อย การกลับไปในรอบหนึ่งพันปีนี้ ก็เพื่อกลับไปพบคนสำคัญ นั้นคือพี่น้องของตัวเขาเอง

….

หนึ่งคืนผ่าน เวลาเปลี่ยน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ ความคิดถึงบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไปเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าพูดไปคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่มันคือเรื่องจริง

คริสตัล คือชื่อของเขา เพราะสีผมที่เป็นสีฟ้าและดวงตาสีน้ำเงิน ซึ่งสองสิ่งนี้ไม่มีสิ่งไหนที่เหมือนพ่อแม่ของเขาเลยนอกจากDNA เท่านั้น ที่บ่งบอกว่าเราคือ ครอบครัวเดียวกัน

คริสตัลถอนหายใจพลางมองพระจันทร์ที่เต็มดวง สวยเด่นกว่าคืนไหนๆ อย่างเหม่อลอย

“พ่อครับ แม่ครับ อยู่บนนั้นสบายดีไหม ผมนะ สบายดีนะ”

คริสตัลยิ้มให้กับพระจันทร์ดวงโตตรงหน้า พลางจินตนาการว่านั้นคือ พ่อแม่ของตัวเอง อยากรู้ไหมครับว่าพ่อแม่จากไปได้ยังไง แต่ไม่อยากจะพูดถึงเลย แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง

แวมไพร์ สิ่งที่มีอยู่เพียงในนิยายหรือจินตนาการของใครสักคน แต่ใครจะคิดว่า สิ่งเหล่านั้นมันจะมีจริงๆในโลกนี้ แต่สิ่งสิ่งนั้นกลับมีอีกชื่อที่เรียกว่า ยูเปียร์ นั้นคือสิ่งที่คนช่วยชีวิตเขาไว้ พูดขึ้นก่อนที่จะสลบไป และตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล เหลือตัวคนเดียว ไม่มีใคร

ตอนนั้นเขาคิดว่า มันเป็นแค่ความฝัน แต่มันไม่ใช่ เมื่อต้องตื่นมารับรู้ความจริง และคอยตอบคำถามของตำรวจ

คริสตัลหันหลังกลับไปเพื่อจะเตรียมตัวนอนสักที เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อออกไปเรียน เขาพยายามศึกษา และค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า ยูเปียร์ ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร เกิดขึ้นมาได้ยังไง แล้วมันมาจากไหน

แต่ไม่ว่าจะหายังไง มันก็ไม่ปรากฏข้อมูลอะไรเลย แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงเรียก ตัวที่ฆ่าพ่อแม่ว่า ยูเปียร์ กันนะ และคืนนั้นคริสตัลก็หลับไปด้วยจิตใจที่ฟุ้งซ่าน

….

โลกใบนี้ มีอะไรหลายๆอย่างที่ ผู้คนยังไม่รู้อีกมากมาย ยังมีสิ่งลึกลับ ที่ยังปิดตาย หลบซ่อนจากสายตาของผู้คน

ภายในห้องห้องหนึ่งมีผู้คนจำนวนหนึ่ง นั่งเคร่งเครียดกัน หลังจากได้ปะทะ กับสิ่งที่กลายพันธุ์จากแวมไพร์ สิ่งมีชีวิต ที่อยู่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แถมมันยิ่งปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง สองสามปีมานี้

“หัวหน้าคิดว่า ดินแดนมืด รู้เรื่องนี้หรือยัง” เสียงของหนึ่งในห้าคนที่นั่งรอบโต๊ะดังขึ้น ฉุดดึงสายตาให้จดจ้องไปยังหัวหน้าคนปัจจุบัน ของสมาคมนักล่า สมาคมที่ไม่คิดว่ายังมีเหลืออยู่ในโลกนี้ พอๆกับแวมไพร์

“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่อีกไม่นาน เดียวเราก็คงรู้” ลาเฟ่ ตอบพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถึงแม้ว่า หนึ่งหมื่นปีมานี้ สมาคมนักล่ากับเหล่าแวมไพร์ ยังมีสนธิสัญญา ต่อกันอยู่ก็ตาม แต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ จะบอกว่าเป็นฝีมือของแวมไพร์มันก็ไม่ผิด แต่ที่ผิดคือ มันดันเป็นแวมไพร์ที่กลายพันธุ์ จากการเสพเลือดเกินขนาดอย่างรุนแรง มันก็แค่ความเชื่อและความคิดของบรรพบุรุษที่บอกต่อกันมา แต่ความจริงเป็นยังไงก็ไม่อาจรู้ได้อย่างชัดเจน

“แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นล่ะครับ”

“เขาไม่ได้ถูกกัด คงต้องปล่อยไป”

“มันจะดีเหรอคะ อย่างน้อยเขาก็น่าจะเห็น”

“บางที เขาคงจะคิดว่าเขาเองหลอนไป และคงเชื่อคำพูดตำรวจมากกว่า ที่บอกว่า ถูกสัตว์ป่าประเภทสัตว์เลื้อยคลานทำร้าย” แต่มันก็แค่ความคิด ที่ซึ่งไม่อาจรู้ได้เลยว่า เด็กหนุ่มคนนั้นจะเชื่อสิ่งที่ตำรวจสันนิฐานหรือไม่ก็เท่านั้น

ซึ่งลาเฟ่ ก็ได้แต่ภาวนาขอให้เด็กคนนั้น จำอะไรไม่ได้เลยยิ่งดี โดยเฉพาะกับพวกเราที่ได้เข้าไปช่วยเขาไว้ หลังจากที่ทำให้เจ้าตัวสลบลงไปก่อนการลงมือ ฆ่าสัตว์ร้ายจะเริ่มต้น

….

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel