บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 เรื่องเล่าและของไถ่โทษ

“ข้ารู้นะ แต่มันไม่ใช่ร้านที่ท่านพี่ต้องการหรอก ก็แค่ร้านไม้ที่รับทำงานตามสั่งนะ!” เสียงของซีโน่พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ เนื่องจากพี่ชายทั้งสองของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่มานานแล้วจึงอาจไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงไปของแดนมืดบ้างเป็นธรรมดา

“ที่ไหน?” หลังจากที่ได้รับคำตอบจากน้องชายคนเล็กแล้ว ก็เอ่ยขอบใจพร้อมเอ่ยชมออกไป

“เก่งมาก ข้าไม่อยู่ซะนาน มีเจ้าอยู่ที่นี่คอยดูแลแดนมืดของเรา ข้าก็ดีใจแล้ว”

“โธ่ ท่านพี่ อย่าพูดอย่างกับท่านจะไม่กลับมาที่นี่อีกสิ”

สี่พี่น้องพูดคุยกันเบาๆ โดยที่กลัวว่าจะไปรบกวนคนที่นอนหลับอยู่

….

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่ลูคัสก็ยังคงไม่ได้ไปไหน ยังคงเฝ้ารอให้ร่างเล็กนั้นตื่นขึ้นมาแต่ก็ไม่มีวี่แวว

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเองกันแน่ ทำไมถึงได้กระหายเลือดของร่างเล็กนั้นด้วย ไหนจะกลิ่นหอมหวนที่ลอยในอากาศยามเลือดไหลรินนั้นอีก มันแทบจะทำให้ทนไม่ไหวเลย แต่เจ้าวินเซนต์ทนได้ยังไง โดยที่ไม่กระโจนเข้าใส่?

ถ้าถามว่าเลือดนั้นมีผลต่อวินเซนต์หรือแวมไพร์ตนอื่นๆไหม? มีแน่นอน ดูได้จากเจ้าพวกนั้นที่เดินทางมาพร้อมกันแล้ว ทุกตนต่างตื่นกระหายเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้ ไม่ต่างจากวินเซนต์เลยสักนิด ก็แค่ถูกระตุ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นห้ามปรามตัวเองไม่ได้เหมือนเขา

แล้วก็สร้อยนั้นอีก มันเหมือนกับมีอิทธิพลอะไรบางอย่างกับเขาไม่น้อยเลย ดูได้จากการกระหายเลือดแล้วก็ถูกหยุดชะงักด้วยแสงสีฟ้านั้น ตอนนั้นยังมีสติครบถ้วน แต่หลังจากนั้น จำไม่ได้สักนิด รู้สึกตัวอีกที เลือดหอมหวานก็ฟุ้งอยู่ในปาก ไหนจะลำคอที่หอมจนอยากจะฝากฝังเขี้ยวลงไปซ้ำๆนั้นอีก และจากที่ได้พูดคุยกับวินเซนต์ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนสีตาของเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ได้แต่คิดพลางถอนหายใจทอดสายตาไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีร่างของเด็กหนุ่มชาวมนุษย์ ผู้มีเรือนผมดุจแสงจันทร์สีน้ำเงิน ไหนจะดวงตาที่เป็นเอกลักษณ์ และสร้อยที่เป็นสัญลักษณ์ของทายาทแห่งจันทรานั้นอีก

แปลก…

ทั้งๆที่เรื่องนี้มันเป็นแค่ตำนาน หรือว่าอาจจะมีปรากฏออกมาเรื่อยๆ แต่ไม่เคยมีใครมีอำนาจเท่าเจ้าเด็กนี้กันแน่? คิดเท่าไหร่ก็ยิ่งมืดบอด

“อยากรู้จริง ว่านอกจากข้าแล้ว ทั้งสร้อยและเลือดของเจ้าจะมีอิทธิพลต่อสิ่งใดอีก” ลูคัสพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

ก่อนจะลุกขึ้นพลางหยิบสิ่งที่อยู่ข้างกายขึ้นมาแล้วก้าวขาออกจากห้องไป เบื้องหน้ามีทหารยามยืนรออยู่

“ห้ามให้ใครเข้าไปข้างใน นอกจากวินเซนต์ แต่ถ้าคนอื่นอยากเข้าไป ก็ต้องรอข้ากลับมาก่อน เข้าใจหรือไม่”

“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้ยังมีสิ่งที่สำคัญจะต้องรีบทำโดยเร็วที่สุด ก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความรับผิดชอบสักหน่อย

….

ภายในห้องบนเตียงนอนหลังใหญ่ ร่างเล็กที่กำลังนอนหลับใหลพลิกตัวไปมาราวกับกำลังฝันอยู่

‘ที่นี่ ที่ไหน’

คริสตัลหันมองรอบกายก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด

ตัล คริสตัล

นั่นมันเสียงแม่นี่!

มาทางนี้เร็วลูก เดินมาช้าๆนะ

หลังจากชั่งใจว่าควรจะเดินไปดีไหม สุดท้ายด้วยความคิดถึงจับใจ เขาก็ได้เดินตามเสียงเรียกนั้นไปทันที ก่อนที่จะมีแสงสีขาวผสมสีฟ้าสว่างวูบขึ้นมาเบื้องหน้าอย่างอบอุ่น เขาหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้น เบื้องหน้านั้นมีพ่อกับแม่ยืนส่งยิ้มมาให้

‘ในที่สุดก็เดินมาถึงสักทีนะลูก’

‘มาให้พ่อกอดหน่อยสิมา’

‘พ่อครับ แม่ครับ’

คริสตัลรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาที่กำลังคลออยู่ไม่ไหลลงมาสักที ก่อนจะเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปแล้วกลายเป็นวิ่งโผล่เข้าไปโอบกอดพ่อแม่อันเป็นที่รักในทันที

‘คิดถึงจังเลยครับ’

‘เราเองคิดถึงเหมือนกันลูกรัก’

สัมผัสแผ่วเบาที่กำลังลูบหัวอยู่นั้นทำให้อบอุ่นไปถึงหัวใจในทันที

‘พ่อแม่กลับไปกับผมนะ’

คริสตัลผละออกจากอ้อมกอดของทั้งคู่ แล้วมองหน้าพ่อกับแม่อีกครั้งด้วยความคิดถึง สักพักจึงได้เอ่ยขอออกไป ทว่า ท่านยิ้มให้อย่างอบอุ่นก่อนจะพูดออกมาให้ต้องหดหู่อีกรอบ

‘พ่อกับแม่ไปไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าคิดถึงเมื่อไหร่ขอให้มองที่พระจันทร์ ที่นั่นจะมีพ่อกับแม่เคียงข้างอยู่เสมอ เข้าใจไหม ฮึ’

พ่อพูดออกมาก่อนจะโยกหัวคริสตัลไปมาราวกับตัวเขายังเป็นเด็กน้อย แต่แค่นั้น ก็ทำให้รู้สึกว่ามันก็ยังไม่พออยู่ดี

‘ไปได้แล้ว คริสตัล ไปทำหน้าที่ที่ลูกได้รับมอบหมายจากพระจันทร์’

‘หมายความว่ายังไง’ คริสตัลเอ่ยถามอย่างสงสัย

‘สักวันลูกจะรู้เอง’ แม่ยิ้มแล้วตอบกลับมาก่อนที่พ่อแม่จะหายวับไปแล้วเขาก็เด้งตัวตื่นขึ้นมาทันที

….

แฮ่ก แฮ่ก

เสียงหอบหายใจดังขึ้นทันทีที่ลืมตาตื่นจากความฝัน ภายในห้องที่มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อยนั้น ไม่สามารถบ่งบอกเวลาที่แน่ชัดได้เลย

คริสตัลกวาดสายตาไปมองรอบห้องที่ตัวเองอยู่ตอนนี้ด้วยความสงสัยว่าที่นี่มันคือที่ไหนกัน ก่อนที่ความทรงจำบางอย่างจะผุดวาบขึ้นมาให้สะดุ้ง เขายกมือขึ้นจับลำคออย่างตกใจแล้วก็ทำหน้าเหยเก เมื่อความเจ็บแสบแล่นริ้วขึ้นมา เผื่อย้ำเตือนว่าก่อนหน้านี้โดนอะไรมา

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะเปิดเข้ามาทำให้แสงจากภายนอกส่องเข้ามาในห้อง คริสตัลหรี่ตาลงก่อนจะเห็นว่าใครเป็นคนเข้ามา

พรึ่บ!

เพียงแค่สะบัดมือ ดวงไฟก็ถูกจุดขึ้นตามมุมต่างๆ นั้นเองก็เผยให้เห็นใบหน้าของหนึ่งในผู้ร่วมทางและยังเป็นคนทำแผลให้เขาอีกด้วย

“เอาถาดอาหารไปวางไว้หัวเตียงแล้วก็ไปเตรียมน้ำอาบไว้ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วก็ออกไป”

“เพคะ องค์ชาย”

“ท่านพี่ไม่อยู่หรอก ออกไปทำธุระข้างนอก”

“คะ ครับ” คริสตัลรับคำแผ่วเบาก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก อีกฝ่ายเดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างเตียง

“แผลนายยังต้องล้างนะ รีบทานข้าวซะจะได้ไปอาบน้ำ ฉันจะได้ทำแผลให้”

“ความจริงผมทำเองก็ได้นะ พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย ”

“ฉันบอกให้เรียกปกติไง เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำตัวเลยแล้วกัน ฉันชื่อ วินเซนติโน่ ซาเปซ ดรากูลาเบีย เรียกง่ายๆว่า วินเซนต์ ยินดีที่ได้รู้จัก ”

“ผม คริสตัล อิวาโนวิก ครับ” คริสตัลแนะนำตัวเองบ้างหลังจากที่วินเซนต์แนะนำตัวเองเสร็จแล้ว

“เอาละคริส รีบทานเร็วเข้าจะได้อาบน้ำ ล้างแผลแล้วนายจะได้พักผ่อนต่อ”

“คุณ จะไม่กัดผมใช่ไหม” คริสตัลยังไม่คลายใจ เนื่องจากเมื่อวานถูกอีกคนกัดไป ตอนนี้เลยยังคงหวาดระแวง

“ฉันไม่กัดนายหรอก ก็ในเมื่อนายนะ มีกลิ่นพี่ชายฉันติดไปแล้ว” แล้วก็หัวเราะชอบใจกับคำพูดของตัวเอง

“หมายความ..”

“รีบทานเร็วเข้า”

คริสตัลถอนหายใจก่อนจะทำตามคำพูดของวินเซนต์ หลังจากที่ทานเสร็จนั่งสักพัก วินเซนต์ก็ช่วยพยุงตัวของเขาไปในส่วนที่ใช้อาบน้ำในทันที

“นี่ผ้าซับน้ำ เดียวฉันจะไปรื้อเสื้อผ้าพี่ชายฉันมาให้ เสร็จแล้วเรียกแล้วกัน” พูดจบก็ขยิบตาให้พร้อมรอยยิ้มกว้างราวกับเจอเรื่องที่ถูกใจ แล้วเดินจากไปทันที

….

ในช่วงที่คริสตัลถูกวินเซนต์จัดการให้ทานข้าวอาบน้ำทำแผลและกินยาเรียบร้อยแล้วนั้น

อีกฟากฝั่งของตลาดของดินแดนมืดเองก็มีร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินไปเบื้องหน้าเพื่อไปยังจุดหมายที่ ซีโน่ได้บอกกล่าวเอาไว้ ไม่แปลกใจที่แดนมืดจะไม่มีร้านถ่ายรูปเช่นเมืองมนุษย์ เพราะขึ้นชื่อว่า แวมไพร์ มันก็เท่ากับผีดีๆนี้เอง จึงไม่มีแม้แต่เงาในกระจก แต่ไม่แน่ วิทยาการของมนุษย์ช่างก้าวไกล แม้แต่ของบางอย่างในแดนมืดยังมีเลย

ตอนนี้ลูคัสเดินมาจนถึงร้านไม้ที่รับทำตามคำสั่งแล้ว ก็พบว่ามันดูธรรมดามากคนไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่อยู่ได้นานแบบนี้ ก็แสดงว่าลูกค้ายังคงมีมาเรื่อยๆแน่นอน

เขาเดินเข้าไปในร้านแล้วก็พบชายคนหนึ่งกำลังนั่งแกะสลักไม้อยู่ ลูคัสเดินตรงเข้าไปพร้อมกับยื่นกรอบรูปที่หักครึ่งท่อนไปตรงหน้า ชายคนนั้นหยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมา

“ช่วยทำกรอบรูปให้ข้าที เอาขนาดที่มันพอดีๆด้วยละ”

“คะ ครับ ไม่ทราบว่าท่าน?”

“ข้ารีบ” สั้นๆง่ายๆและได้ใจความ ชายคนนั้นเลยรีบรับกรอบรูปไปดูขนาดทันที

“ขนาดของกรอบรูปนี้ ข้ายังพอมี เชิญท่านตามข้ามาเลือกเอาได้เลย” ชายคนนั้นรีบลุกแล้วเชิญลูคัสให้ตามเขาเข้าไปทางหลังร้าน แล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยที่สภาพหลังร้านแตกต่างจากหน้าร้านโดยสิ้นเชิง

“ไม่ทราบว่าท่านต้องการไม้ชนิดไหน”

“ข้าต้องการไม้ที่ทนทานไม่หักง่าย”

“ข้าแนะนำอันนี้ ดูเรียบง่ายแต่คงทน สามารถเสริมเวทในการคงทนความแข็งแกร่งได้”

ลูคัสเหลือบสายตามองดูสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายพลางคิดว่า ถ้าภายในมีรูปใบนั้นอยู่จะเป็นยังไง หลังตัดสินใจได้เขาก็ซื้อมันในทันที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอในการทำใหม่

หลังจากได้ในสิ่งที่ต้องการมาแล้ว เขาก็กลับไปที่ปราสาทโดยมีทหารทำความเคารพเป็นรายทาง แต่เขาเองก็ไม่ได้สนใจนอกจากพาร่างของตนเองไปยังห้องนอนที่ยังคงมีใครบางคนนอนอยู่

แต่ก่อนที่จะได้เอื้อมมือออกไป ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาจากด้านใน โดยมีวินเซนต์เดินออกมาพร้อมถาดใส่อาหารที่หมดเกลี้ยง

“ข้าให้คริสตัลทานข้าว อาบน้ำและทำแผลเรียบร้อยแล้ว ข้าเพิ่งจะให้ยาเขาทานเข้าไป”

ลูคัสขมวดคิ้วทันทีกับประโยคหนึ่งในนั้น และดูเหมือนเจ้าน้องชายสายเลือดเดียวกันจะดูออก

“เขาอาบเองนะ ข้าแค่ช่วยพยุงเขาไป”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอบใจก็แล้วกัน” หลังพูดคุยกันนิดหน่อยวินเซนต์ก็เดินจากไปพร้อมส่งถาดอาหารให้ทหารแถวนั้นนำไปเก็บ แล้วเขาก็เปิดประตูเข้าไป

สองสายตาต่างสีที่มองสบกัน บานประตูที่ปิดลงเบาๆนั้น ก็ได้ปิดกั้นคนทั้งคู่ออกจากโลกภายนอกในทันที

ลูคัสเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนโดยมีร่างบนเตียงนั้นกระเถิบถอยหลังไปชิดหัวเตียง พลางเอื้อมมือกุมสร้อยที่คอเอาไว้ ราวกับว่ามันจะปกป้องตัวเองได้

ยอมรับว่าคราแรกมันอาจจะห้ามได้ แต่ตอนนี้มันแปลกเพราะไม่มีแสงอะไรปรากฏออกมาเป็นการห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย

“จะ ทำอะไรผมอีก” เสียงสั่นๆเอ่ยออกมา แต่สายตาไม่ได้ละไปจากเขาเลยสักนิด มีแต่เขาที่หันสายตาไปทางอื่นและกดข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้ พลางยื่นสิ่งที่ตั้งใจออกไปตามหามาให้

“ขอโทษที่เมื่อวานห้ามตัวเองไม่ได้ จนต้องทำรุนแรงไป”

“นี่มัน รูปครอบครัวผมนี่” อีกฝ่ายรับไปก่อนจะลูบไปตามกรอบรูปและโอบกอดมันไว้ ลูคัสจึงได้นั่งลงที่ปลายเตียง แต่ยังไม่เข้าไปใกล้

“อย่างที่รับปากไว้ ฉันจะเล่าในสิ่งที่ฉันรู้ให้นายฟัง นายชื่อคริสตัลใช่ไหม ฉัน ลูคัส ยินดีที่ได้รู้จัก”

….

หลังจากประโยคแนะนำตัวสั้นๆจบลง คริสตัลที่โอบกอดรูปครอบครัวอยู่ก็ต้องหันไปให้ความสนใจเจ้าของห้องต่อ แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายจ้องมองมาที่ตัวเองอยู่

“คือ วินเซนต์ บอกว่ารื้อเสื้อผ้าเก่าๆของ..”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะบอกว่า มันตัวใหญ่ไปหน่อย แต่ก็โอเค”

“ขอบคุณ”

“เอาละ ตั้งใจฟังเรื่องที่ฉันจะเล่าให้ฟังดีๆ”

เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนมีสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์กำเนิดขึ้นจนรุกรานไปยังพื้นที่ของเมืองมนุษย์ จนมนุษย์ต่างล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่ยังสู้ไม่ถอยและเพื่อปกป้องผู้อื่นมนุษย์กลุ่มนั้นจึงก่อตั้งสมาคมนักล่า ขึ้นมา

ในยุคสมัยนั้นนอกจากศัตรูอย่างเผ่ามนุษย์หมาป่าแล้ว มันยังมีศัตรูภายในที่ก่อกบฏขึ้นมาโดยการสร้างเหล่าแวมไพร์ที่มีพลังอำนาจที่อยู่ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

ไม่รู้ว่าสร้างพวกมันยังไง ด้วยวิธีไหน ก็ไม่มีใครทราบ สงครามครั้งนั้นยืดเยื้อมานาน จนกระทั่งเกิดการระเบิดขึ้นบนฟากฟ้า แสงสว่างที่สาดส่องลงมาที่โลกมนุษย์นั้นได้สะกดทุกชีวิตให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถที่จะขยับกายไปไหนได้ แล้วเสียงใสก้องกังวานก็ดังขึ้น

‘ข้า ผู้เฝ้าดูพวกเจ้าเหล่ามนุษย์แลปีศาจ พวกเจ้าจะฆ่าฟันกันไปทำไมหนอ พวกเจ้าไม่เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำมือพวกเจ้า แต่ข้ากลับมองเห็นถึงความเศร้าของชีวีที่จบลง บัดนี้ข้าจะขอสาบส่งผู้ทำกรรมชั่วและให้พลังแก่พวกเจ้าที่ทำกรรมดี หลังจากนี้ไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่พันปี จะมีทายาทของข้าถือกำเนิดขึ้น และด้วยอำนาจแห่งแสงจันทร์ข้าขอชำระล้างความชั่วทั้งหลายที่อยู่ ณ พื้นที่แห่งนี้ให้สิ้นไป และจงเหลือไว้ซึ่งผู้ที่มีจิตใจดีมีคุณธรรมเพื่อปกครองเผ่าพันธุ์ของตนเองสืบต่อไป!!’

ความอบอุ่นที่โอบกอดพวกเราทั้งคู่ไว้ ไม่รู้ว่าคริสตัลกับลูคัสมาอยู่ในลักษณะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่เรื่องเล่าที่เล่าขึ้นจนกระทั่งจบลง

ลูคัสจึงได้สังเกตเห็นว่า คริสตัลกำลังนอนฟังเขาเล่าตำนานราวกับกำลังเล่านิทานให้ฟัง

ลูคัสที่นอนเท้าศอกอยู่เคียงข้าง โดยมีเขานอนฟังอยู่ไม่ห่าง ความเงียบเข้าครอบคลุมเราทั้งคู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือว่าไม่ว่า ความจริงแล้ว ลูคัสก็ไม่ใช่คนที่ดูเลวร้ายน่ากลัวสักเท่าไหร่ ติดแค่ว่าเมื่อวานร่างสูงดูน่ากลัวจนเกินไป

“นายควรนอนได้แล้ว” ลูคัสพูดจบก็ทำท่าจะลุกออกไป ติดแค่มือของคริสตัลที่ไวไป

“อยู่จนกว่าผมจะหลับได้ไหม”

“ไม่กลัวฉันกัดนายอีกหรือไง?”

“เท่าที่ฟังมาผมอาจจะเป็นสิ่งนั้นใช่ไหม แล้วที่เมื่อวานที่มันเกิดปฏิกิริยาเรืองแสงแล้วต่อต้านคุณ แสดงว่าตอนนั้นคุณกำลังเป็นภัยต่อผม”

“หึ แล้วก่อนหน้านั้นตอนเจอเจ้ายูเปียร์นั้นล่ะ”

“ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือคุณอาจจะเป็นคนที่เร่งปฏิกิริยาของมันให้ปรากฏเร็วขึ้น”

“เป็นนักวิทยาศาสตร์หรือไงกัน”

“เปล่า ผมก็แค่พูดตามสิ่งที่คิดก็เท่านั้น”

ถ้าคริสตัลตาไม่ฟาด เขาคิดว่าเขาเห็นลูคัสยิ้มนะ

“พักผ่อนได้แล้ว ฉันจะไม่ไปไหน”

“รับปากแล้วนะ” ร่างสูงเอื้อมมือมาลูบหัวเขา ก่อนจะพยักหน้ามาให้ แล้วเขาก็หลับไป

….

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel