Chapter 6: Pure sin [2/2]
รถเคลื่อนเข้าสู่โรงรถภายในรั้วบ้าน ออสตินดับเครื่อง ปลดล็อกประตู แล้วหันไปมองยังคนข้างกาย
“เข้าบ้านกันเถอะ จะได้พักผ่อน”
กานต์ควรจะพยักหน้าตอบรับ แต่เขากำลังเตรียมใจอยู่
เตรียมใจว่าจะบอก...เขาคิดมาตั้งแต่ที่เอ่ยประโยคสุดท้ายกับออสตินแล้ว ทว่าคงจะเว้นจังหวะนานไปหน่อย ออสตินเห็นว่ายังเงียบอยู่ก็เลยเตรียมตัวจะลงจากรถ แต่แล้วกานต์ก็โพล่งขึ้นมา
“แด๊ดดี้ครับ”
คนถูกเรียกชะงัก หันไปมองก็พบว่ากานต์กำลังสบตาเขาอยู่
“ผมมีเรื่องจะบอก”
เท่านั้นออสตินก็จัดท่านั่งให้เป็นปกติทันใด “เรื่องอะไร”
“เรื่องของผม”
“ว่ามาสิ”
อีกฝ่ายรอฟังอย่างเต็มที่ กานต์สูดหายใจเข้าเต็มปอด แม้ว่าความหวาดกลัวในปฏิกิริยาของออสตินหลังจากรับรู้ว่ารสนิยมของเขาเป็นอย่างไรจะเกาะกุมจิตใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ปริปากออกมาจนได้
“ผมเป็นเกย์ครับ”
ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาจากริมฝีปากหยักของออสติน มีเพียงดวงตาที่จับจ้องไปยังใบหน้าอ่อนเยาว์
ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย แต่กลับทำให้กานต์หวั่นใจอย่างถึงที่สุด
แล้วก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นเมื่อจู่ๆ ออสตินก็ลงจากรถ เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้หันหลังมามองลูกเลี้ยงแต่อย่างใด
หัวใจของกานต์ร่วงหล่นไปยังตาตุ่ม รีบลงจากรถแล้วก้าวไวๆ ตามอีกคนเข้าไปข้างใน มองซ้ายขวาหาว่าออสตินอยู่ที่ไหน ก่อนหูจะได้ยินเสียงดังก๊อกแก๊กออกมาจากห้องครัว พอโผล่เข้าไปก็เห็นว่าออสตินกำลังล้างมืออยู่
“แด๊ดดี้ครับ...”
ริมฝีปากบางเอ่ยเรียก ออสตินไม่ได้หันมา เอื้อมมือไปกดขวดปั๊มของสบู่เหลวฟอกไปทั่วทั้งมือ
“แด๊ดดี้...”
ยังไม่หันมาอยู่ดี ล้างฟองสบู่เหล่านั้นออกด้วยน้ำสะอาดจากก๊อก ท่าทางนิ่งเฉยนั้นทำให้คนมองใจไม่ดีหนัก
กำลังโกรธอยู่หรือเปล่า? โกรธใช่ไหม?
คิดวุ่นวายสับสนไปหมด มือทั้งสองข้างบีบเข้าหากัน ในใจหวั่นเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะโกรธจนไม่ยอมมองหน้าหรือพูดด้วยอย่างเคย ขณะที่ออสตินเดินมาดึงกระดาษทิชชูบนโต๊ะเช็ดมือก่อนจะโยนลงถังขยะ แล้วเอ่ยขึ้นมา
“เธอบอกว่าเธอเป็นเกย์เหรอ”
กานต์หันขวับไปมองทันที “คะ...ครับ”
“แล้วมันทำไมล่ะ”
ได้ยินคำถามนี้ กานต์ก็อึกๆ อักๆ ไปต่อไม่ถูก
“กะ...ก็ผม...”
“มันทำไม”
“ผมกลัวว่าแด๊ดดี้จะรับไม่ได้”
“อืม” ออสตินครางออกมาแค่นั้น ก่อนจะก้าวเข้าหาจนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม “เธอก็เลยกังวลล่ะสินะ”
กานต์ไม่ปฏิเสธ ตอบรับด้วยการพยักหน้าทันที
“กังวลว่าฉันจะดุหรือเกลียดเธอใช่ไหม”
กานต์พยักหน้ารับไปอีกที ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างจากเด็กเล็กๆ เลยแม้แต่น้อย มองใบหน้าคร้ามด้วยสายตาใสซื่อ รอให้ออสตินพูดประโยคอะไรก็ได้ออกมาอีกเพื่อให้เขาสบายใจขึ้นกว่าเดิม หากแต่ออสตินไม่พูดอะไรสักคำ นอกจากจะยกมือขึ้นจับปลายคางมนของเด็กหนุ่มให้เงยขึ้นสบตาเขา
ดวงตากลมสีนิลสบประสานกับนัยน์ตาอัลมอนด์สีน้ำทะเล ความเงียบงันทำให้เวลาภายในห้องครัวหยุดนิ่ง จะมีก็แต่ออสตินเท่านั้นที่ไม่ได้หยุดตาม เขาใช้ปลายนิ้วโป้งแตะลงไปเบาๆ บนกลีบปากสีเชอร์รีของเด็กหนุ่ม กดและลูบเบาๆ ไปทั่วทั้งริมฝีปากบนและล่าง
กานต์ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหน ทำเพียงเบิกตาโตขึ้นมา แต่แล้วก็ต้องแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกร้อนรุ่มแทนเมื่อออสตินออกแรงกดปลายนิ้วสากลงมาอีก
กด...และดุนดันเข้าไปในปาก ลากไปตามแนวฟันขาว
วูบหนึ่งกานต์ก็รู้สึกมันเขี้ยวขึ้นมา ปากอ้าขึ้นโดยอัตโนมัติ ก่อนจะใช้ฟันคมๆ งับลงมาบนนิ้วนั้นไม่แรงนัก งับแล้วก็เหลือบมองสีหน้าของอีกฝ่ายว่าออสตินอนุญาตให้เขาทำแบบนี้ได้หรือไม่ ทว่าออสตินกลับไม่พูดอะไร ดันปลายนิ้วเข้าไปด้านในอีกก่อนจะวางมันลงบนลิ้นนุ่ม
ถือว่าเป็นการอนุญาตก็แล้วกัน...
เด็กหนุ่มขยับปลายลิ้นโลมไล้นิ้วโป้งข้างนั้น ดูดดุนอย่างกระหาย ความรู้สึกอัดแน่นที่อยู่ภายในจิตใจปะทุขึ้นมาในตอนนี้ เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ออสตินสัมผัสแค่ไหน เมื่อออสตินถอดถอนนิ้วออกมาจากโพรงปากแล้ว เด็กหนุ่มก็ใช้สองมือยกขึ้นมาจับมือของคนตรงหน้าเอาไว้ อิงแอบแนบแก้มลงไป หลับตาพริ้มราวกับว่าทุกความปรารถนาได้รับการตอบสนองในตอนนี้อย่างหมดสิ้น
ออสตินปล่อยให้กานต์ได้ทำอย่างนั้นอยู่อีกครู่ ก่อนที่จะเอ่ยออกมา
“กานต์”
กานต์ลืมตาขึ้นมอง มือยังคงไม่ปล่อยจากอีกฝ่าย
“ฉันรู้แล้วว่าเธอเป็นเกย์ แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าเธอคิดอะไรกับฉัน ร่างกายของเธอบอกฉันหมดแล้วตั้งแต่วันนั้น”
วันนั้น...หรือว่าจะเป็นวัน...
“ถ้าฉันไม่รู้ ฉันคงจะไม่ใช้ให้เธอไปชงน้ำผึ้งมะนาวมาให้ฉันหรอก”
กานต์เบิกตาโตทันที “แด๊ดดี้รู้!?”
ออสตินไม่พูดอะไรในทันที ปล่อยให้กานต์ได้อึ้งงันอยู่อีกครู่ รับรู้ความอับอายจนใบหน้าร้อนฉ่าจนทำอะไรต่อไม่ถูก ก่อนที่จะว่าออกมา
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของวัยรุ่นอย่างเธอดี มันเป็นช่วงที่ฮอร์โมนพุ่งพล่าน จะคิดอะไรอย่างนั้นมันก็ไม่แปลก แต่ก็อยากจะบอกเธอเอาไว้อย่างหนึ่ง”
“...”
“เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มันไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนี้”
เท่านั้นกานต์ก็พูดไม่ออก ออสตินไม่ได้พูดอะไรผิด มันถูกต้อง
เขาเป็นครอบครัวเดียวกัน...คนในครอบครัวเดียวกันไม่ควรจะมีความรู้สึกแบบนี้
“ฉันไม่ได้รังเกียจไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร แต่ความรู้สึกของเธอที่มีต่อฉัน...เก็บมันเอาไว้ สักวันเธอจะได้เจอคนที่มีความรู้สึกแบบนี้ด้วย สำหรับฉัน ขอแค่ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันก็พอแล้ว”
เป็นการปฏิเสธโดยอ้อมและถนอมน้ำใจที่สุด กานต์เข้าใจดี เขาไม่นึกโทษออสตินเลยที่จะพูดออกมาแบบนี้
ลงเอยแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้หายคิดฟุ้งซ่านลงไปได้บ้าง
“ไปพักผ่อนเถอะ วันนี้เธอน่าจะเหนื่อย ไว้มื้อเย็นค่อยลงมา”
เป็นการไล่โดยอ้อมอีกเช่นกัน กานต์ก็ไม่โต้แย้งใดๆ พยักหน้ารับ ปล่อยมือออกจากฝ่ามือของคนตรงหน้า หมุนตัวกลับออกจากห้องครัวแล้วรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
ปิดประตูแล้วก็ยืนพิง ยกมือขึ้นลูบหน้า ในใจคิดวุ่นวายไม่ตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ไม่น่าเลย...เขาไม่น่าทำแบบนั้นเลย
แม้สิ่งที่เขาทำมันจะเป็นบาปบริสุทธิ์ด้วยการกระทำทั้งหมดนั้น เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำมันตั้งแต่แรก ทว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกส่วนลึกผลักดันให้ความปรารถนาของเขาพวยพุ่ง ทุกอย่างมันถึงได้เลยเถิด ทว่ากานต์ก็เลิกคิดถึงสัมผัสที่แตะลงมาบนริมฝีปากเขาไม่ได้เลย
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปาก เลียไปมาแผ่วเบา หลับตาคิดถึงช่วงเวลานั้นราวกับว่าไม่อยากให้มันหลุดลอยหายไป
รสชาตินี้...ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะลิ้มลองมันไปทุกวัน...
บาปนี้...ไม่ว่าจะบริสุทธิ์เพียงใด แต่มันคงจะไม่บริสุทธิ์อีกแล้วถ้าหากเด็กหนุ่มยังหยุดคิดหมกมุ่นเรื่องของออสตินไม่ได้สักที
