ตอนที่ 2 เพื่อนหรือแฟน (1)
ตอนที่ 2
เพื่อนหรือแฟน
นางพัดชานอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกไม่กี่วันคุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แม้ไม่ถึงกับหายดีแต่ก็ดีกว่าวันแรก ๆ มากมายเลยทีเดียว นั่นทำให้พิชาวีร์มีความหวังว่าไม่แน่แม่ของเธออาจจะหายเป็นปกติ อย่างที่ใครหลาย ๆ คนเคยหายมาแล้วก็ได้
และทันทีที่มาถึงคนที่โผล่หน้ามาเป็นคนแรกก็คือภูผา “มาถึงพอดีเลย หน้าตาสดชื่นขึ้นนะครับป้า อีกสองสามวันก็ลุกวิ่งได้แล้วนะครับเนี่ย” ชายหนุ่มพูดหยอก อย่างต้องการให้กำลังคนป่วย
“ให้มันจริงเถอะ แล้วนี่งานไม่ยุ่งเหรอถึงได้แวะมา” นางพัดชาถามช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติ
“เพิ่งจะได้พักครับป้า ว่าจะไปนอนแต่อยากแวะมาหาป้าก่อน” พูดจบก็ปิดปากหาวหวอด พิชาวีร์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ อดไม่ได้ที่จะเอียงคอหรี่ตามอง
“แกทำงานติดต่อกันนานแค่ไหนเนี่ย ดูหน้าตาสิอย่างกับซากศพ”
“สามสิบหกชั่วโมงมั้ง” พูดจบชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้น หลับตาลงแล้วเอียงศีรษะมาซบที่ไหล่ของพิชาวีร์ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับตกใจ นึกว่าเขาน็อคไปเสียแล้ว “เฮ้ย!”
“ยังไม่ตาย” ภูผาดึงตัวเองให้กลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง “ขอไปนอนก่อน ไปนะครับป้า” ชายหนุ่มที่ตาแทบปิดยกมือไหว้นางพัดชาและนางพัชรีก็เดินโงนเงนกลับบ้านไป ท่ามกลางสายตาที่เป็นห่วงของทุกคน
“ยัยเอย น้าว่าแกเดินไปส่งหน่อยดีไหม เดินไปชนอะไรเข้าทำไงละนั่น”
“เอยก็ว่างั้นแหละค่ะ” พิชาวีร์บ่นพลางส่ายหน้า ก่อนจะวิ่งตามหลังภูผา ไปถึงก็เห็นชายหนุ่มกำลังยืนงงกับเสารั้วอยู่ ก็อดขำไม่ได้แล้วดึงร่างสูงให้เดินตาม
“สองคนนี้เขาคบกันอยู่เหรอพี่” นางพัชรีถามพี่สาวอย่างสงสัย นางไม่ได้อยู่ที่นี่มานานหลายสิบปีแล้ว จึงไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใครบ้าง จำได้แค่หลานตัวเอง กับคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเท่านั้น
“ไม่รู้ แต่พวกมันสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว” นางพัดชาบอกเท่าที่ตัวเองรู้ และไม่อยากคาดเดาทึกทักไปเอง
“อ๋อ...อาจจะแค่เพื่อนมั้งเนาะ หรือสายตาคนแก่อย่างเรามีปัญหาและคิดมากไป” นางพัชรีบอกเสียงกลั้วหัวเราะ อย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่
“เด็กสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยเราหรอก”
“ก็ว่างั้นแหละ” นางพัชรีเลิกสนใจเด็กทั้งสองแล้วหันมาถามพี่สาว ที่รู้สึกว่าตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาสีหน้าจะดีขึ้นมาก “หิวไหม”
“ไข่เจียวสักฟองท่าจะอร่อย”
“ได้ ๆ รอแป๊บหนึ่งนะ” บอกก่อนจะรีบไปทำให้คนป่วยได้กิน เพราะตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลบ่นอยากกินไข่เจียวทุกวัน ทั้งที่นางก็ชิมแล้ว อาหารที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ก็อร่อยดีออก
นับตั้งแต่พิชาวีร์กลับมาอยู่บ้าน ภูผาก็แวะเวียนมาที่นี่บ่อยกว่าแต่ก่อนมาก บางวันก็มาเยี่ยมนางพัดชา บางวันก็มาหาพิชาวีร์ ทำเอาไป ๆ มา ๆ ชายหนุ่มแวะมาแทบทุกวันถ้ามีเวลาว่าง มีห่างบ้างถ้าติดงาน และเมื่อถึงตอนนั้นก็เป็นพิชาวีร์ที่ไปหาชายหนุ่มถึงบริษัท เอาข้าวเอาน้ำไปให้อย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำงานจนลืมกินข้าว
และความสัมพันธ์แบบนี้เองก็ทำเอาคนรอบตัวต่างฟันธงว่าทั้งคู่น่าจะคบกันแล้วละ แต่พอไปถามกลับงงไปตาม ๆ กัน “ใครบอกว่ากูกับเอยคบกัน” ภูผาย้อนเมื่อโดนภิรัช เพื่อนสนิทที่ร่วมกันก่อสร้างบริษัทแห่งนี้มาด้วยกันถาม
“ต้องให้มีใครบอกด้วยเหรอ ส่งข้าวส่งน้ำขนาดนั้น ไม่ใช่แฟนแล้วจะเป็นอะไรล่ะ”
“เพื่อนสนิท พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว คบกันไม่ได้หรอก” ภูผาอธิบายขณะที่สายตายังจ้องอยู่บนจอสี่เหลี่ยมและมือก็ขยับทำงานตลอดเวลา
“จริงเหรอคะ” เสียงผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในออฟฟิศเล็ก ๆ แห่งหนึ่งแทรกถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ
ภูผาหันไปยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ “อื้อ” จากนั้นก็หันกลับมาสนใจงานต่อ เพราะเหลืออีกไม่เยอะมันก็จะเสร็จแล้ว เขาจะได้เลิกงานตรงเวลากับชาวบ้านเขาเสียที ตอนแรกคิดไว้ว่าจะแวะไปกวนพิชาวีร์ซะหน่อย แต่เหมือนหญิงสาวไฟจะลนก้นต้องปิดงานให้ได้ภายในวันนี้ ดังนั้นโปรแกรมนี้เป็นอันยกเลิกไป
งั้นกลับไปอาบน้ำนอนดูหนังดีกว่า
“ไปดูหนังกันไหมคะ”
แค่คิดว่าอยากดูหนังก็มีคนชวนเสียอย่างนั้น ภูผาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนชวน “บูมหมายถึงว่าหลังเลิกงาน เราไปดูหนังกันไหมคะ พอดีมีหนังเข้าใหม่ยังไม่มีเพื่อนไปดู เลยลองถามพี่ผาดูค่ะ” หญิงสาวอธิบายเสียยืดยาวด้วยท่าทีเขินอาย
ภูผาหันไปมองเพื่อน ๆ ที่นั่งหัวเราะคิกคักชอบใจแล้วหน้าเหวอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากชวน “พวกมึงไปด้วยกันไหม”
“ไม่ ๆ ๆ ๆ” ทุกคนต่างพร้อมใจกันปฏิเสธ จากนั้นก็รีบทำงานตัวเองให้เสร็จแล้วทยอยกันกลับบ้าน และก่อนไปทุกคนต่างเข้ามาตบที่ไหล่ของภูผาคนละทีสองที
