บท
ตั้งค่า

Lesson of love ❤️ทวงรัก EP.2 โชคชะตา หรือ ฟ้าลิขิต

หลังจากที่ขับรถออกมาจากสนามแข่งได้สักพักซูเปอร์คาร์คันหรูก็เกิดงอแงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ทำเอาเก้าทัพถึงกับทุบพวงมาลัยอย่างหัวเสียเขายิ่งรีบ ๆ อยู่รถดันมาดับกลางทาง แบบนี้แม่ที่รักต้องรอเขาเก้ออย่างแน่นอน มือล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนที่จะกดส่งข้อความไปบอกมารดาว่าอาจจะถึงช้า เพราะรถเสียกลางทาง ร่างสูงก้าวลงจากรถพร้อมกับล็อกรถอย่างมิดชิด

ร่างสูงออกมายืนอยู่ข้างถนนมือก็กดโทรศัพท์หาใครบางคนเพื่อให้มาจัดการกับรถที่เสียข้างทางจนกระทั่งเรียบร้อยแล้วก็ยืนรอ Taxi ที่แทบจะไม่มีผ่านมาเลยสักคัน จนกระทั่งรถประจำทางผ่านมาและหยุดลงตรงหน้าเก้าทัพไม่รอช้าที่จะก้าวขึ้นไปบนรถทันที ดูจากเส้นทางที่ติดอยู่ข้างรถแล้วรถประจำทางคันนี้น่าจะผ่านไปแถว ๆ บ้านของเขา

หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้วดวงตาคมกริบกวาดสายตามองหาที่นั่ง แต่ปรากฏว่าไม่มีที่นั่งเหลือว่างเลยสักที่ เก้าทัพค่อย ๆ เดินเบียดเสียดไปข้างหน้าอย่างเงอะ ๆ งะ ๆ เพราะกลัวจังหวะรถเบรกกะทันหัน ซึ่งเหมือนความคิดของเขาจะสื่อไปถึงคนขับที่อยู่ดี ๆ ก็แตะเบรกกะทันหันเพื่อรับผู้โดยสาร ร่างสูงของเขาไถลไปด้านหน้าก่อนที่จะชนเข้ากับร่างบางของใครบางคน กลิ่นแป้งเด็กหอมสดชื่นทำเอาเก้าทัพเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอดก่อนที่ร่างบางของผู้หญิงตรงหน้าจะหันมาด้านหลังช้า ๆ

ดวงตากลมโตสบเข้ากับดวงตาสีนิลของเก้าทัพ หัวใจดวงน้อยพลันเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นก่อนที่รถประจำทางจะออกตัวอย่างแรงทำให้ครั้งนี้นับดาวเป็นฝ่ายเซไปข้างหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเก้าทัพก็ยกมือขึ้นมารอรับร่างบางโดยอัตโนมัติทำให้ตอนนี้นับดาวตกอยู่ในอ้อมกอดของเก้าทัพโดยไม่ตั้งใจ

“อ๊ะ!!”

เสียงร้องด้วยความตกใจมาพร้อมกับเสียงหัวใจดวงน้อย ๆ เต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงด้วยความตื่นเต้นและเขินอาย ส่วนเก้าทัพใบหูแดงเล็กน้อยด้วยก็หาสาเหตุไม่ถูกเหมือนกันว่าแดง เพราะกำลังเขินหรือว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับอบอวลไปด้วยความรู้สึกบางอย่างของคนทั้งคู่ ท่ามกลางความเงียบและอ้อมกอดที่ไม่สามารถดึงมือออกมาได้ก็มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่แสนหวานลงในทันที

“อะแฮ่ม พ่อหนุ่มจ๊ะแม่สาวน้อยก่อนจะกอดกันต่อรบกวนพ่อหนุ่มจ่ายค่ารถเมล์ป้าก่อนนะจ๊ะ”

คุณป้ากระเป๋ารถเมล์ยืนเบียดอยู่หลังนับดาวพร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้าสองหนุ่มสาวที่กำลังกอดกันด้วยความไม่ตั้งใจ ก่อนที่เก้าทัพจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเงินแต่การขยับตัวของเขามันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน นับดาวที่ขยับตัวง่ายกว่ารีบหยิบค่ารถออกมายื่นให้คุณป้ากระเป๋ารถเมล์ในทันที

“นี่ค่ะคุณป้า”

รอยยิ้มพิมพ์ใจและเงินค่าโดยสารสำหรับสองคนถูกยื่นไปให้คุณป้ากระเป๋ารถเมล์ก่อนที่คนแก่กว่าจะเบียดทั้งคู่ไปด้านหลังเพื่อเก็บเงินค่ารถผู้โดยสารคนต่อไป แรงเบียดของคุณป้ายิ่งทำให้นับดาวใกล้ชิดกับเก้าทัพมากขึ้น จนหญิงสาวกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติของเธออย่างแน่นอน ซึ่งก็ใช่จังหวะหัวใจที่เต้นแรงของนับดาวเก้าทัพสัมผัสได้อย่างชัดเจน แต่เขาเลือกที่จะยืนเงียบ ๆ สูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมสีดำขลับแทนการเอ่ยแซวออกมาซึ่งดูจะเป็นการเสียมารยาทกับเด็กสาวตรงหน้ามากกว่าถ้าทำแบบนั้น

“ถ้าคนทยอยลงจากรถแล้วเดี๋ยวพี่คืนเงินให้นะครับ” เสียงทุ้มนุ่มช่างไพเราะและละมุนนักในความรู้สึกของนับดาว สาวน้อยเงยหน้าขึ้นจากแผ่นอกแกร่งก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาช้า ๆ รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้เก้าทัพอย่างไร้เดียงสาก่อนที่เขาจะยิ้มตอบเธอกลับมา

“ค่ารถยี่สิบบาทตลอดสายมันเทียบไม่ได้เลยกับน้ำใจของพี่ชายที่ช่วยอุดหนุนขนมนับดาวในวันนั้น ถือว่าวันนี้นับดาวตอบแทนน้ำใจของพี่ชายแล้วนะคะ”

เสียงหวานไพเราะเอ่ยบอกเก้าทัพพร้อมกับยิ้มจนตาหยีเป็นสระอิรอยยิ้มของคนตัวเล็กทำเอาผู้ชายที่แสนเย็นชาอย่างเก้าทัพแย้มยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ซึ่งมันเป็นไปโดยธรรมชาติโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวเองเช่นกัน กับคนอื่นเขาไม่เคยแม้แต่จะส่งยิ้มให้ใครนอกจากคนในครอบครัว แต่กับเด็กสาวเขากลับส่งยิ้มให้เพียงแค่เห็นรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์และไร้เดียงสาของสาวน้อยคนนี้

“เก้าทัพครับพี่ชื่อเก้าทัพ เผื่อวันหลังมีโอกาสได้เจอกันอีกจะได้เรียกถูก” ไม่รู้อะไรดลใจให้เก้าทัพบอกชื่อเล่นของตัวเองออกไปทั้ง ๆ ที่ไม่เคยบอกชื่อของตัวเองกับใครมาก่อนไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยมากแค่ไหนก็ตาม แต่วันนี้และตอนนี้คนที่หยิ่งและแสนเย็นชาแบบเขากลับบอกชื่อให้กับสาวน้อยตรงหน้าได้รู้จักอย่างง่ายดายราวกับต้องมนตร์สะกด

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่เก้าทัพน้องชื่อนับดาวนะคะ”

นับดาวแนะนำตัวเองกลับบ้างก่อนที่เก้าทัพจะพยักหน้ารับทั้งคู่ยิ้มให้กันและกันอย่างมีไมตรี มือใหญ่ที่กอดเอวบางเอาไว้อยู่ ๆ ก็เกิดอาการติดหนึบคล้ายจะไม่อยากปล่อยเสียอย่างนั้นเลยทำให้เก้าทัพยังคงกอดร่างบางของนับดาวเอาไว้ ซึ่งเธอก็ไม่ได้ท้วงออกมาแต่อย่างใดมันเลยทำให้เขาเนียนกอดนับดาวไปจนกระทั่ง

“อ๊ะ ถึงแล้ว นับดาวไปก่อนนะคะพี่เก้าทัพ หวังว่าเราสองคนคงมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง” เสียงหวานละมุนบอกเก้าทัพก่อนที่เก้าทัพจะคลายอ้อมกอดออกอย่างรู้สึกเสียดายนิด ๆ ซึ่งเขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องเสียดายอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้ด้วยก่อนที่จะจนใจพยักหน้ารับ

“ถ้าเจอกันครั้งที่สามคงเป็นพรหมลิขิตแล้วละ”

เก้าทัพยิ้มกว้างพร้อมกับเผลอยกมือขึ้นมาขยี้ผมนุ่มของสาวน้อยตรงหน้าอย่างลืมตัวทำเอานับดาวถึงกับชะงักไป หัวใจดวงน้อยเต้นแรงกระหน่ำอย่างควบคุมอาการไม่อยู่ ก่อนที่เก้าทัพจะรู้สึกตัวรีบชักมือออกจากผมนุ่มที่ยังคงมีกลิ่นหอมติดมือเขาอยู่ออกอย่างเก้อ ๆ นับดาวค่อย ๆ หันหลังเดินไปที่ประตูด้านหน้า แต่ก่อนที่จะลงจากรถไปเธอก็ตัดสินใจหันมาแล้วโบกมือให้เก้าทัพอีกครั้งพร้อมส่งยิ้มกว้างให้เขาแล้วลงจากรถไป

เก้าทัพมองตามร่างบางที่ยังคงยืนมองตามหลังรถประจำทางที่มีใครบางคนอยู่บนรถค่อย ๆ แล่นห่างออกไป ใบหน้าสวยหวานฉายแววเศร้าหมองเล็กน้อยเมื่อคิดว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้พบพี่เก้าทัพอีกครั้ง เหมือนดั่งหัวใจดวงน้อยหลุดลอยจากเธอไปหาใครบางคนอย่างไม่รู้ตัวก่อนที่นับดาวจะหันหลังเดินจากไปเพื่อจัดการธุระของวันนี้นั่นคือการมาสมัครงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่ง

นับดาวเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรียบร้อยแล้วและสามารถสอบชิงทุนเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งได้ แต่เธอก็ต้องหาค่าใช้จ่ายระหว่างที่ศึกษาไปด้วย เพราะทุนที่เธอได้รับมันอาจจะไม่เพียงพอสำหรับชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีรายจ่ายจิปาถะเข้ามาตลอดเวลา

Dark Devil Pub

“พี่อ๊อฟฟี่คะช่วยรับน้องสาวของแพรวเอาไว้ทีนะคะ น้องเป็นเด็กขยันตั้งใจทำงาน ตอนนี้น้องกำลังลำบาก น้องเลยอยากมาหารายได้ระหว่างรอเปิดเทอมพี่อ๊อฟฟี่ช่วยน้องสาวแพรวด้วยนะ อีกอย่างตอนนี้แม่ของน้องก็ป่วยทั้งบ้านแทบไม่มีเงินพาแม่ไปหาหมอเลย”

แพรววาพี่สาวข้างบ้านเด็กกำพร้าที่เห็นนับดาวมาตั้งแต่เด็กยกมือไหว้ขอร้องอ๊อฟฟี่ผู้จัดการผับให้รับน้องสาวของเธอเข้ามาทำงาน อ๊อฟฟี่กะเทยตัวแม่มองเด็กสาวหน้าตาน่ารักด้วยความหนักใจในใจเธอก็อยากจะช่วยเด็กสาวที่ดูจะว่าง่ายอยู่หรอก แต่ติดที่อายุของนับดาวเพียงแค่ 18 เธอไม่อยากมีปัญหากับพ่อน่ะสิ

“พี่ก็อยากช่วยนะ แต่ว่าน้องมันเพิ่งอายุสิบแปดเองนะแพรว ที่นี่รับแต่เด็กอายุยี่สิบขึ้น ถ้าถูกจับได้จะทำอย่างไรมีแต่ซวยกับซวย”

อ๊อฟฟี่อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สามารถรับนับดาวเข้ามาทำงานที่นี่ได้อย่างใจเย็น นับดาวที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับก้มหน้าลงด้วยความท้อใจ เธอแค่อยากมีเงินเก็บซึ่งงานนี้พี่แพรวบอกว่าทิปค่อนข้างดีตอนนี้แม่ปรานีก็ป่วยออด ๆ แอด ๆ ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง เธอแทบจะไม่มีเงินพาแม่ไปหาหมอ งานนี้จึงเป็นทางออกเดียวของเธอแต่ดูความหวังของเธอน่าจะพังทลายลงเสียแล้ว

“รับไว้เถอะ ถ้ามีปัญหาอะไรฉันรับผิดชอบเอง”

ขุนพลซึ่งเป็นเจ้าของผับและผ่านมาได้ยินบทสนทนาของแพรวเด็กในร้านกับอ๊อฟฟี่ผู้จัดการร้านสาวสองที่เขาไว้วางใจให้ดูแลร้านแทนเขาเข้าพอดีบอกสามสาวที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ นับดาวที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเงยหน้าขึ้นมาด้วยความดีใจ ใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบทำเอาขุนพลนิ่งชะงักไปเล็กน้อย

เด็กคนนี้น่ารักเสียจนเขาอดที่จะเอ็นดูไม่ได้

“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ”

นับดาวยกมือไหว้ขอบคุณผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนที่ขุนพลจะส่งยิ้มกว้างมาให้เธอและเดินจากไปทันที อ๊อฟฟี่เมื่อได้ยินที่ขุนพลบอกแบบนั้นก็ยิ้มอย่างยินดีและดีใจไปกับนับดาวด้วย ขุนพลนับว่าเป็นเจ้าของร้านที่ใจดีมาก ๆ สำหรับพวกเธอ

“ดีนะที่วันนี้คุณขุนพลเข้าร้านมาพอดีไม่อย่างนั้นเราได้กินแห้วแน่นอน”

อ๊อฟฟี่บอกนับดาวที่ดวงตาทอแสงเป็นประกายด้วยความตื้นตันก่อนที่จะยกมือไหว้อ๊อฟฟี่ด้วยความดีใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วอ๊อฟฟี่จึงอธิบายถึงรายละเอียดงานและหน้าที่ของนับดาวให้เด็กสาวฟังอย่างละเอียดพร้อมกับแจ้งให้นับดาวมาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ได้เลย โดยที่ค่าแรงขุนพลจะจ่ายให้พนักงานทุกคนวันละห้าร้อยบาทส่วนทิปต่างหากของใครของมันและจะมีทิปรวมด้วย

นับดาวกลับบ้านด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้เจอพี่เก้าทัพผู้ชายที่กระชากหัวใจของเธอติดมือไปด้วยตั้งแต่แรกเจอ กลิ่นกายที่หอมตามแบบฉบับของบุรุษเพศยังคงติดอยู่ตามตัวของเธอไม่จางหาย เขาเปรียบเสมือนโชคดีของเธอที่วันนี้ทำให้เธอได้งานทำ นับดาวเดินยิ้มไปตลอดทางเดินก่อนที่จะเปิดประตูเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel