Lesson of love ❤️ทวงรัก

181.0K · จบแล้ว
Me'JinJin
69
บท
68.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เก้าทัพ กันต์ดนัย ลูกชายสายเฟียร์สของหมอกฤษฎิ์ หล่อร้าย เจ้าเล่ห์ และแสนเย็นชากับทุกคน ยกเว้นเธอนับดาว ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชากลับมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่อย่างมิดชิด รักครั้งแรกจากใครบางคนเขาจะขอทวงมันกลับมาคืนทั้งตัวและหัวใจ นับดาว นภาดา เด็กสาวที่เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าและสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก น่ารัก อ่อนหวาน ไร้เดียงสา อ่อนโยน ตกหลุมรักเก้าทัพตั้งแต่แรกพบและมั่นคงในรักเสมอมา รักครั้งแรกลาลับไปพร้อมกับคำว่า แอบรักรุ่นพี่ รักครั้งใหม่มาเยือนพร้อมกับคำว่า แอบรักพ่อของลูก เด็กชายกองทัพ กันต์กวี ของขวัญจากเขาชายผู้เป็นที่รักหาใช่ความผิดพลาดที่ใครต่อใครตราหน้าเธอไม่ เด็กแสบ เด็กซน ที่เป็นรอยยิ้มและกำลังใจของนับดาว เด็กแสบและแสนร้ายคู่กัด No.1 ของเขาคนนั้นรักแรกของมารดา เรียกพ่อมันยากเรียกเก้าทัพง่ายกว่าเป็นไหนๆ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักคนต่ำต้อยวิศวกรผู้ชายอบอุ่นคนธรรมดานักศึกษาเด็กเรียนมาเฟียพาลูกกหนี

INTRO รักแรกพบ

เย็นวันฝนพรำ

โครม!!!!

หยาดฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วทำเอานับดาวที่กำลังวิ่งข้ามถนนมาพร้อมกับตะกร้าใส่ขนมไทยถึงกับลื่นล้มอยู่กลางถนน ขนมในตะกร้าใบใหญ่หกกระจัดกระจายเต็มท้องถนน ร่างบางรีบลุกขึ้นเก็บขนมไทยที่แม่ปรานีทำเพื่อให้เธอนำไปขายที่ตลาดยามเย็นโดยที่ไม่สนใจแผลถลอกที่เข่าเลยสักนิด รถหลายคันผ่านไปมาโดยที่ไม่มีใครลงมาช่วยสาวน้อยผมสั้นในชุดเดรสเก่า ๆ ที่กำลังตากฝนเก็บขนมอยู่ท่ามกลางสายฝนพรำเลยสักคน

จนทั่งกระร่างสูงของใครบางคนที่หยุดลงตรงหน้านับดาวเด็กสาวผู้โชคร้ายพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่ถูกกางเพื่อกันฝนให้สาวน้อยร่างผอมบางที่กำลังเก็บบรรดาขนมที่ตกหล่นอยู่บนพื้นถนน นับดาวชะงักมือที่กำลังก้มเก็บขนมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายทำเอาเธอถึงกับใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำสายตาที่ติดจะเย็นชาเล็กน้อยนั่นดึงดูดเธอราวกับต้องมนตร์สะกด

เก้าทัพเลือกที่จะนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นถนนแล้วยื่นร่มให้หญิงสาวแปลกหน้า นับดาวมองเขาพร้อมรับร่มมาถือไว้อย่าง-งง ๆ ชายหนุ่มร่างสูงหันไปเอื้อมมือเก็บขนมที่อยู่ไกลออกไปมาใส่ตะกร้าให้เธอจนครบ ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้กลิ่นน้ำหอมของเก้าทัพลอยมาเตะจมูกของนับดาว สาววัยแรกแย้มที่ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก่อนให้ใจเต้นแรงและใจสั่นอย่างควบคุมอาการไม่อยู่

“ขอบคุณนะคะ”

เสียงหวานเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจก่อนที่จะยื่นร่มคืนให้ เก้าทัพรับร่มมาถือเอาไว้พร้อมยืนมือใหญ่มาตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังมองมือใหญ่ตรงหน้าเธอด้วยความคิดไม่ถึงว่านอกจากเขาจะลงมาช่วยเธอเก็บขนมที่หล่นอยู่กลางถนนแล้วพี่ผู้ชายคนนี้ยังจะช่วยดึงเธอลุกขึ้นอีกด้วย

มือบางค่อย ๆ ทาบวางลงบนมือใหญ่ก่อนที่ฝ่ามือที่เย็นชื้นไปด้วยน้ำฝนจะกุมมือเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นความอบอุ่นที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างกายและหัวใจที่ไร้เดียงสาดวงน้อย ก่อนที่นับดาวจะลุกขึ้นมาตามแรงฉุดอย่างเบามือของคนตัวโตท่ามกลางสายฝน

สองหนุ่มสาวยืนเผชิญหน้ากันก่อนที่ดวงตากลมโตจะช้อนขึ้นมองสายตาเย็นชาของคนใจดีตรงหน้าแล้วกระพุ่มมือไหว้อย่างงดงามเพื่อขอบคุณอีกครั้ง

“ขอบคุณพี่มากจริง ๆ นะคะที่ลงมาช่วยนับดาวเก็บขนม”

รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้ร่างสูงของเก้าทัพทำเอาเขาชะงักไปเล็กน้อยกับรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของสาวน้อยตรงหน้า เก้าทัพเผยรอยยิ้มกว้างตอบกลับก่อนที่จะยื่นร่มส่งให้เธอ สาวน้อยทำหน้างุนงง ซึ่งท่าทางแบบนั้นเก้าทัพมองว่ามันน่ารักมากสำหรับเขา

“อีกนานกว่าฝนจะหยุดตกน้องเอาร่มไปเถอะนะ อีกอย่างขนมนี่พี่ช่วยอุดหนุนเราแล้วกัน อันไหนที่ยังกินได้ก็เอาไปแจกเพื่อน ๆ เสียนะ”

มือใหญ่ยัดร่มใส่มือนับดาวที่ยังคงงง ๆ อยู่โดยที่ไม่ลืมยัดแบงก์สีเทาใส่มือเล็กนุ่มนิ่มหลังจากนั้นเก้าทัพก็วิ่งออกจากร่มคันใหญ่กลับไปที่รถทันที นับดาวเมื่อได้สติก็รีบก้าวเตรียมจะวิ่งไปหาพี่ชายแปลกหน้าเพื่อคืนเงิน แต่เท้าเล็กกลับบังเอิญเหยียบอะไรบางอย่างเข้าทำให้เด็กสาวชะงักไป ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นแล้วก้มลงหยิบสร้อยสีเงินที่มีบางอย่างคล้องอยู่ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่พอมองไปทางรถคันหรูของพี่ชายสุดหล่อกลับพบเพียงความว่างเปล่า

นับดาวมองสร้อยในมือที่เธอเก็บได้ซึ่งเธอเดาว่าน่าจะเป็นของพี่ชายคนนั้นที่ทำหล่นเอาไว้อย่างแน่นอน รอยยิ้มไร้เดียงสาเผยออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรีบเก็บสร้อยใส่ไว้ในกระเป๋าผ้าใบเก่าที่เปียกโชกพร้อมกับแบงก์พันที่พี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมของเธอ

“ขอบคุณนะคะพี่ชาย”

เสียงหวานพึมพำขอบคุณเขาถึงแม้ว่าพี่ชายคนนั้นจะไม่อยู่ตรงนี้เพื่อฟังคำขอบคุณของเธอแล้วก็ตาม ความประทับใจในตัวของพี่ชายใจดีคนนั้นนับดาวจะจดจำไว้ตลอดไป หากมีวาสนาหรือโอกาสขอให้เธอได้พบกับพี่ชายคนนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้ด้วยเถิด นับดาวยิ้มหวานอย่างมีความสุขไปตลอดทางที่เดินกลับบ้านเด็กกำพร้าปรานีบ้านที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด

นับดาวเติบโตมาที่บ้านเด็กกำพร้าโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะพวกท่านนำเธอมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเด็กกำพร้าในวันที่ท้องฟ้ามืดมิด แต่กลับมองเห็นดวงดาวมากมายที่ส่องเป็นประกาย แม่ปรานีที่มาเห็นเธอเข้าจึงรับเลี้ยงและตั้งชื่อให้เธอว่า นับดาว นภาดา แปลว่าดวงดาวบนท้องฟ้าที่สดใส ซึ่งตัวเธอนั้นชื่นชอบชื่อนี้ของตัวเองมาก

เรื่องราวในวันนี้ถือเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอความใจดีจากคนแปลกหน้าที่เธอได้รับจะเป็นความสุขที่อยู่ในหัวใจของเธอตลอดไป

ใบหน้าหล่อเหลาที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ รอยยิ้มกว้างที่เธอประทับใจไม่รู้ลืมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงราวกับว่ากำลังตกหลุมรักเข้าโดยไม่รู้ตัว

แกรก

แอด

เสียงเปิดประตูบ้านไม้หลังเก่าที่ดังขึ้นเรียกความสนใจให้ปรานีที่กำลังเย็บซ่อมแซมชุดของเด็ก ๆ ในบ้านอยู่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนที่จะรีบวางเสื้อในมือลงแล้วเดินมาแย่งตะกร้าขนมในมือของนับดาวเอาไปวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมทรงนักเรียนมัธยมของเด็กสาวที่เปียกลู่แนบใบหูด้วยความเป็นห่วง

“ทำไมไม่รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยมาล่ะลูก ดูสิเปียกโชกไปทั้งตัวเดี๋ยวพรุ่งนี้เกิดเป็นหวัดขึ้นมาก็ไปโรงเรียนไม่ได้กันพอดี”

น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยเอ็ดนับดาวเบา ๆ ก่อนที่สาวน้อยจะยิ้มกว้างออกมาอย่างเอาใจแม่ปรานีที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กคนที่เธอเรียกว่าแม่อย่างรู้สึกภาคภูมิใจในตัวท่านที่ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเธอกับเด็กหลาย ๆ คนที่อยู่ในบ้าน

แต่ตอนนี้มีเพียงเธอกับอ้อมใจและเอื้ออารีเท่านั้น เด็กสาวสองคนที่ขออยู่ที่บ้านนี้ต่อกับแม่ปรานี เพราะไม่อยากไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่พวกเธอไม่คุ้นเคย ซึ่งนับดาวก็เช่นกันที่ขออยู่ทำงานช่วยแม่ปรานีเพื่อหาเลี้ยงน้อง ๆ ทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในวัยมัธยมเฉกเช่นเดียวกับเธอที่ตอนนี้กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

“ไปได้เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะแม่ เพราะนับดาวคนนี้แข็งแรงอยู่แล้วไม่ป่วยง่าย ๆ หรอก”

นับดาวย่นจมูกใส่ปรานีอย่างน่ารักทำเอาคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกี่ยวผมที่ลงมาปรกใบหน้าสวยหวานไปทัดที่ใบหูให้อย่างอ่อนโยน เด็กคนนี้คือของขวัญที่แสนพิเศษและล้ำค่าสำหรับเธอ เด็กสาวที่มาพร้อมกับความสดใสและความร่าเริงที่ทำให้เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อต่อสู้กับโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้

“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว วันนี้มีแกงส้มของโปรดหนูด้วยนะ”

ปรานีเอ่ยบอกเด็กสาวที่กำลังตาโตด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วตั้งท่าจะวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน แต่พอวิ่งไปได้เพียงสามเก้าก็พลันชะงักเท้า และหันกลับมาเปิดกระเป๋าผ้าหยิบแบงก์พันออกมายื่นให้ปรานีที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจที่นับดาวยื่นเงินที่มากกว่าค่าขนมที่เธอทำให้นับดาวไปขายเสียอีก

“พอดีมีพี่ชายใจดีช่วยอุดหนุนขนมที่เปียกและหล่นลงพื้นน่ะค่ะแม่ พี่เขาบอกให้นับดาวเอาขนมที่ยังกินได้มาแจกให้เพื่อนบ้าน”

นับดาวบอกปรานีที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่จะยัดเงินใส่มือมารดาแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปทันทีเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาทานมื้อเย็น ที่ถึงแม้ว่าแกงส้มของแม่ปรานีจะมีแค่ดอกแคไร้ซึ่งกุ้งตัวโต ๆ แต่เธอก็มีความสุขแล้วกับอาหารทุกมื้อที่คุณแม่ทำให้กินและทุกช่วงเวลาที่ได้เติบโตขึ้นมาภายใต้ชายคาบ้านเด็กกำพร้าปรานีแห่งนี้

คืนนั้นนับดาวนอนหลับไปพร้อม ๆ กับสร้อยที่คล้องด้วยเฟืองที่มีชื่อสลักเอาไว้ว่า KHAOTHUP รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าดวงตากลมโตบัดนี้หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขไปกับฝันดีฝันที่มีพี่ชายแปลกหน้าอยู่ในความฝัน