III : เพื่อนใหม่ (2)
“อืม.. หวัดดีนะณิน เกลเลี่ยน เราชื่อพาเลน่ะ ว่าแต่พวกนายอยู่สาขาไหนเหรอ เราอยู่ฟิสิกส์ล่ะ” ส่งยิ้มที่คิดว่าเป็นมิตรที่สุดไปให้เพื่อนใหม่ ภายในใจก็ภาวนาให้อีกสองคนอยู่สาขาเดียวกันด้วยเถิด เขาอยากหาเพื่อนได้ตั้งแต่เรียนคาบแรกนะ อีกอย่างทั้งสองคนก็ดูเป็นมิตรดีด้วย
“เหรอ พวกเราก็อยู่ฟิสิกส์เหมือนกัน ดีเลยเจอเพื่อนสาขาแล้ว”
“ดีอะ ต่อไปก็ฝากตัวด้วยนะ เรายังไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่เลย” เย้ ๆๆ ภารกิจหาเพื่อนใหม่ก็สำเร็จแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะอยากมีเพื่อนเพิ่มไหมนะ เพราะพวกเขาก็รู้จักกันมาก่อนแล้ว
“ได้สิ เนอะเกล” ณินพยักหน้าอยู่หลายที ก่อนจะเอาไหล่ชนเพื่อนให้ตอบออกไปบ้าง
“แน่นอน เอ้อ... จริง ๆ แล้วพูดธรรมดาก็ได้นะ กู มึง อะไรงี้ จริง ๆ แล้วกูกับไอ้ณินก็พูดกันแบบนี้อยู่แล้ว” เกลเลี่ยนบอกอย่างจริงใจสุด ๆ
“นี่เกล หยาบคายน่า” ณินทำหน้าและเสียงแหวใส่เพื่อนทันที
“ทำไม ก็นี่แหละคือความจริงใจ แล้วก็ทำให้เราสนิทกันเพื่อนใหม่ได้เร็วขึ้นด้วย มึงคิดว่าไงพาเล” เกลเลี่ยนไม่สนหน้าตาแววดุของแมวตัวนี้ที่ทำเป็นเข้มใส่ มองเลยไปถามเพื่อนใหม่เพื่อหาแนวร่วมแทน
“เออ... ก็จริงนะ เอาแบบนี้ก็ได้ พูดกูมึงก็ดูสนิทกันดี แต่ถ้าณินไม่สบายใจ...” หากมองจากหน้า เขาคิดว่าณินจะเป็นคุณหนูตัวเล็ก ๆ ไม่น่าจะพูดคำหยาบเท่าไหร่ เลยทำสีหน้าคิดมากสักหน่อย
“เฮ้ย.. เอาแบบนั้นเลย เรา ไม่สิ ๆ กูสบายใจอยู่แล้ว” ณินไม่อยากทำให้เพื่อนใหม่รู้สึกไม่ดีรีบตบไหล่พาเลเบา ๆ แล้วบอกตามที่เขาคิดออกไปทันที
ระหว่างนี้พวกเขาทั้งสามก็แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวคร่าว ๆ ออกไปบ้างแล้ว ว่าเป็นใครมาจากไหน และก็มีเพื่อนใหม่อีกคนมานั่งข้างกับพาเลอีกฝั่ง ก่อนเวลาเริ่มเรียนแค่ครู่เดียว ในตอนนี้นักศึกษาก็ทยอยเข้ามาจนจะเต็มที่นั่งแล้วเช่นกัน
“หวัดดีทุกคน กูชื่อสายหมอกนะ เรียนฟิสิกส์ แล้วพวกมึงล่ะ” เนี่ย คนเท่ ๆ คูล ๆ มาถึงก็ทักทายเข้ากูมึงเลย แต่ก็ว่าไม่ได้ ในพวกเขาสายหมอกดูโตแล้วก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามอยู่หน่อย ๆ ด้วย
“หวัดดีครับ เราชื่อพาเล ส่วนนี่ณิน แล้วก็เกลเลี่ยน พวกเราก็เรียนฟิสิกส์เหมือนกัน” ด้วยภาพลักษณ์ของสายหมอก พาเลไม่กล้าจะพูดคำหยาบด้วยเลย
“ดีเลย จะได้หาเพื่อนได้เร็วหน่อย” สายหมอกพยักหน้าอย่างพอใจ แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่ออีก เพราะในเวลานี้นั้น...
9.00 น. ประตูที่อยู่หน้าห้องถูกเปิดเข้ามาด้วยอาจารย์หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
“เป๊ะจังแฮะ” นี่คือสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนในห้องนี้คิด เพราะอีกอย่างหนึ่งสิ่งที่ต่างไปจากชีวิตวัยมัธยมก็คืออาจารย์มหา’ลัยตรงต่อเวลามาก ถึงเวลาเริ่มสอนก็คือสอน ถึงเวลาเลิกก็คือเลิก ไม่มีการสอนเลยเวลาอย่างแน่นอน ถ้าหากไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ
“อืม... อาจารย์ก็มักจะมาตรงเวลาแบบนี้ล่ะ” สายหมอกที่ได้ยินเขาพูดเอ่ยตอบเบา ๆ กลับมา
“สวัสดีค่ะ นักศึกษาใหม่ทุกคน” หญิงวัยกลางคนมาด้วยชุดเรียบร้อยติดไปทางทะมัดทะแมงเดินมาประจำโต๊ะหน้าห้อง เธอพูดออกไมโครโฟนพร้อมกันนั้นก็มองไปรอบ ๆ ห้องด้วยสายตาสำรวจ วันแรกของการเปิดเรียนห้องเรียนก็มักจะเต็มแบบนี้ล่ะ สอนไปอีกสักหน่อยนักศึกษาก็จะค่อย ๆ เริ่มหายไป ส่วนหนึ่งก็แค่ไม่มาเรียนหรือขาดเรียนบ้างเป็นบางครั้ง หรือไม่บางคนก็รู้ว่าการเรียนสาขานี้ไม่ใช่ก็อาจจะซิ่วเลยก็ได้ สุดท้ายแล้วอาจจะเหลือนักศึกษาที่เข้าเรียนประจำอยู่สักประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ลงทะเบียนตั้งแต่แรก
“วันนี้เป็นวันแรกของการเรียนของนักศึกษาใหม่อย่างพวกคุณสินะคะ ก่อนจะเริ่มเข้าบทเรียน เรามาดู Course Syllabus กันก่อนดีกว่า ส่วนเนื้อหาของรายวิชานี้ สามารถสแกนดาวน์โหลดที่หน้าจอได้เลยนะคะ” ว่าแล้วอาจารย์ก็เปิดหน้าจอฉายโปรเจคเตอร์ขึ้น ที่หน้าจอปรากฏคิวอาร์โค้ดให้นักศึกษาได้ดาวน์โหลดเนื้อหาที่จะทำการเรียนการสอนต่อไปนี้มาไว้ประกอบการเรียน แล้วก็ให้นักศึกษาเข้ากลุ่มสำหรับติดตามข่าวสารแล้วก็ส่งงานสำหรับรายวิชานี้
หลังจากการพูดเกริ่นอีกไม่กี่นาที และเรียนก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ...
