บท
ตั้งค่า

I : บทที่ 1 บทนำ

I

บทที่ 1 บทนำ

ภาพตรงหน้าคือเหล่าเด็กหนุ่มสาววัยใสในชุดมัธยมปลาย ล้วนต่างเดินหลั่งไหลสวนกันไปมากันเสียไปทั่วบริเวณ...

ให้ทายว่าที่นี่คือสถานที่แบบไหน? ถ้าตอบว่าโรงเรียนน่ะเหรอ... ไม่ใช่หรอก คำตอบนั้นง่ายเกินไปและตรงตัวไป แล้วก็ไม่ถูกต้องสำหรับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วย

หรือว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า... ก็ยังไม่ถูก แล้วที่ไหนล่ะที่พวกเขาจะมารวมกันอยู่เยอะมาก หากแต่ว่าไม่ได้มาจากสถาบันเดียวกัน แถมยังถือได้ว่าเป็นคู่แข่งกันอยู่เนือง ๆ

ชุดนักเรียนหลากหลายรูปแบบ คละเคล้ากันไปหมด...

เฉลยเลยก็แล้วกัน ที่นี่ก็คือ มหาวิทยาลัยนั่นเอง วันนี้มีการสอบสัมภาษณ์นักเรียนเพื่อเข้าเป็นนักศึกษาของ ‘มหาวิทยาลัยทยาวีย์’ แห่งนี้!!

ไม่ว่าจะนักศึกษา นักเรียน บุคลากร หรือว่าผู้ปกครองที่พาลูกหลานมาสอบ รวม ๆ แล้วจนทำให้พื้นที่ใช้สอยรอบ ๆ ดูแน่นไปเลยทีเดียว

“เฮ้อ...” ร่างสมส่วนแต่แก้มยังเต็มไม่หายไปไหนของชายหนุ่มที่พึ่งจะเดินออกมาจากห้องสอบ เขาถอนหายใจยาว ๆ เลยทีเดียว หน้าตาเขาติดแววสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด จนใคร ๆ เห็นเข้าก็เลยไม่กล้าทักเลยทีเดียวว่าการสอบสัมภาษณ์เป็นยังไงบ้าง

กลัวว่าจะกระทบจิตใจเจ้าตัวเข้าน่ะสิ

ถึงแม้จะว่าเป็นผู้แข่งขันกันอยู่ แต่อีกมุม ก็ถือว่าเป็นผู้ประสบภัยเหมือน ๆ กัน

“ไงทำหน้างั้นล่ะเจ้าเด็กพา” หากแต่มีผู้คนหนึ่งที่กล้าที่จะเข้ามาทักเขา หญิงสาวร่างเล็กที่สวมชุดสวยมั่นใจตามยุคสมัยพร้อมรองเท้าส้นสูงหลายนิ้ว เธอถามออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปประชิดตัว เธอคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นพี่สาวของเจ้าเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน ม. ปลาย ขาสั้นคนนี้นั่นเอง

“ไม่ไงล่ะพี่เพ แต่ดูเหมือนผมจะไม่ติดเลยอะ” คนที่พึ่งจะออกมาจากสนามรบเอ่ยออกมาอย่างไม่มีแรงใจ พร้อมส่งสายตาสิ้นหวังไปให้พี่สาวเพื่อร้องขอความเมตตา และของปลอบใจ (?)

“ผลยังไม่ออกซะหน่อย แกจะมาเศร้าอะไรล่ะ ไป ๆๆ เดี๋ยวซิสเพคนนี้จะเลี้ยงเอง อยากกินอะไรบอกมาได้เลย” หญิงสาวว่าขึ้นพร้อมกับตบไหล่น้องชายไปด้วย พร้อม ๆ กับที่พากันก้าวเดินออกห่างจากห้องสอบไปเรื่อย ๆ เธอรู้ทางดีเพราะก็เป็นศิษย์เก่าเรียนจบจากที่นี่ไปหมาด ๆ สถานะของเธอนับได้ว่าเป็นบัณฑิตป้ายแดงรอรับปริญญาบัตรก็ได้

“จริงนะพี่เพ” จากแววตาที่สิ้นหวังเมื่อกี้นี้ หากแต่ตอนนี้ปรับเปลี่ยนมามีแววกระจ่างใสและเริ่มหิวโหยแล้ว

เพราะต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัวมาสอบสัมภาษณ์ หลังจากที่เมื่อวานพี่สาวพาไปเจอเพื่อนของเธออยู่หลายคน คุยกันอยู่ค่อนคืนค่อยได้มานอนพัก แต่ก็ไม่แย่เพราะเพื่อนของพี่สาวเขาก็ช่วยติวเรื่องการสัมภาษณ์มาก่อนแล้วเช่นกัน แต่หลังจากสอบเสร็จเดี๋ยวก็ต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้ว

เฮ้อ... เขาอยากนอน พรุ่งนี้เขาไม่อยากไปโรงเรียนเลย อยากลาหยุดอีกหลาย ๆ วันไปเลย

“แน่นอนสิ ตามใจเลยวันนึง” พี่เพลา (เพ-ลา) ผู้เป็นพี่สาวยักคิ้วให้เป็นการยืนยันแบบคนคูล ๆ ทันที

“ดีเลย งั้นวันนี้พี่เพต้องเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นนะ”

“โหววว ขนาดนั้นเลย?” เพลาอยู่ในท่าสตั้นไปครู่หนึ่ง เธอก็คนว่างงานคนหนึ่งนะ (แต่ว่ายังทำงานช่วยที่บ้านและได้รับเงินจากพ่ออยู่) “ก็ได้ ๆ งั้นไปกันเลยไหม?” ยังไงก็เอาใจเขาหน่อย หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ เป็นการยืนยันคำร้องของน้องชาย วันนี้เธอจะตามใจน้องชายวันหนึ่งก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าจะเป็นการเลี้ยงฉลองหรือว่าปลอบใจก็ช่าง แต่ก็เอาเถอะ ให้น้องชายได้ผ่อนคลายสักหน่อยหลังจากที่เคร่งเครียดเตรียมตัวมาหลายวัน

“ครับ” พาเลคนเป็นน้องชายร้องรับอย่างชอบใจ พร้อมกับเดินนำไปยังลานจอดรถที่พี่สาวจอดไว้ทันที

ท่าเดินของเขาดูมั่นใจมาก! แต่ว่า...

“ผิด ๆๆ ไม่ใช่แล้ว ต้องไปอีกทาง” จะทำเท่ซะหน่อย เดินไปผิดทางซะอย่างนั้น ต้องให้พี่สาวเตือนขึ้นมาก่อนที่จะเดินออกไปไกลกว่านี้

“อ้อ ๆๆ รู้แล้ว ๆ ครับ” รีบกุมหน้าที่กำลังแตกแล้ววิ่งตามพี่สาวไปติด ๆ ทันที

ผ่านไปอีกหลายวัน หลังจากวันที่พาเลไปสอบสัมภาษณ์มา ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่มหาวิทยาลัยทยาวีย์จะประกาศผลเสียที ด้วยเวลาที่แจ้งเอาไว้คือตอนเที่ยงตรง ชายหนุ่มนั่งรอมาก่อนแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงได้

สำหรับพาเล ถือว่าอู้งานไปด้วยในตัวเลยก็แล้วกัน!!

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะผลจะออกเที่ยงตรง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รีเฟรชหน้าเพจอยู่ทุก ๆ หนึ่งนาทีอยู่ดี แต่ความพยายามของเขาไม่มีใครเห็นแล้วจะใจดีหรอกนะ เพราะถึงอย่างไรเวลาไหนก็ย่อมเป็นเวลานั้น

และเมื่อเวลานั้นมาถึง เขากรอกข้อมูลส่วนตัวไป แล้วกดยืนยัน ใช้เวลารออยู่ประมาณสอง สามนาที ก็มีข้อความปรากฏขึ้นมาว่า...

ขอแสดงความยินดีกับ พสุภา เสาวพล ผ่านการสอบรอบสัมภาษณ์ ...

ดวงตาที่ปกติเป็นประกายที่ฉายแววซุกซนขี้เล่นอยู่แล้ว ตอนนี้บวกกับความดีใจจนเบิกโพลง และนิ่งค้างไปเสียแล้ว

“สะ สอบผ่านแล้ว” ตามมาด้วยเสียงที่เอ่ยกับตัวเองออกมาเบา ๆ เหมือนกับย้ำเตือนว่าเขาไม่ได้คิดไปเองจริง ๆ รีเช็กอีกสองรอบ ผลที่ออกมาก็ตามเดิม!!

พอแน่ใจดีแล้ว พร้อมกับเรียกสติกลับมาได้ครบถ้วนก็...

“อ้ากกก สอบติดแล้ว ฉันสอบติดแล้ว วู้ว ๆๆๆ”

โคล่ม มมม

นอกจากเสียงดีใจที่ร้องตะโกนลั่นห้อง ไม่สิ ลั่นบ้านเลยด้วยซ้ำ แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็ตามมาด้วยเสียงเหมือนของตกลงพื้นอย่างแรง ซึ่งไม่ใช่อะไรหรอก เขานี่แหละตกลง

พาเลดีใจไปหน่อย ไหนจะมือที่ยกชูขึ้นโบกไปมานั่นอีก ทำให้สมดุลของร่างกายในการนั่งของเขาเปลี่ยนไป ถึงกับหงายหลังพาเก้าอี้ล้มลงพื้นเลยทีเดียว ดีที่พนักพิงเก้าอี้มันสูงเลยหัวเขาขึ้นไปอยู่หน่อยหนึ่ง พอล้มกระแทรกพื้นเลยมีมันรองหัวเขาไว้อยู่

ไม่เช่นนั้นแล้ว... อาจจะได้เข้าโรงพยาบาลก่อนได้เข้าเรียนต่อก็เป็นได้

“เสียงอะไรน่ะลูก!!” เสียงร้องตะโกนของหญิงวัยกลางคน หรือก็คือแม่ของพาเลร้องถามมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆ มาจากห้องลูกชายที่อยู่ชั้นสองของบ้าน “เกิดอะไรขึ้น?” ดีที่เธอเดินกลับมาที่บ้านพอดี ไม่งั้นอาจจะไม่รู้ว่าเกิดเหตุกับลูกชาย

“อ้อ... ผม อะ แม่!!! ช่วยผมด้วย ยยยย” ก็ว่าจะปฏิเสธไปแบบแมน ๆ ว่าไม่มีอะไรออกซะหน่อยให้เหมาะกับวัยรุ่นที่กำลังเริ่มเข้าสู่วัยเรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าตอนนี้ ขอเรียกแม่ให้มาช่วยก่อนก็แล้วกัน

“เป็นอะไรน่ะลูก” เสียงร้องขอความช่วยเหลือของลูกชายไม่ได้เบาเลย อรพินผู้เป็นแม่ก็รีบเดินขึ้นมายังชั้นสองแล้วปรี่มาห้องของลูกชายทันที เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาอย่างไม่เบามือนัก ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะปรากฏเป็นคำตอบต่อสายตาคนเป็นแม่เอง

“มะ แม่” พาเลยังลุกไปไหนไม่ได้ ยังนอนหงายนิ่งอยู่ท่าเดิม แต่ก็ยังส่งสายตาสื่อความขอความช่วยเหลือให้คนเป็นแม่ไป พร้อมกับยิ้มแหยะ ๆ ที่ส่งไปให้อย่างทำอะไรไม่ถูก

“ว้าย ตายแล้ว นี่ลูกทำอีท่าไหนเนี่ย” คุณนายพินร้องออกมาด้วยเสียงไม่เบานัก และด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ก็รีบปรี่เข้ามาช่วยลูกชายอย่างเร็วพลัน

แต่ด้วยรูปร่างของคุณนายพินเองเองก็ตัวเล็กพอสมควร กว่าจะช่วยลูกชายให้กลับมานั่งตามปกติได้ เลยใช้เวลาอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว เล่นเอาพาเลที่อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเคล็ดขัดยอกอยู่ไม่น้อยเลย

“เป็นไงบ้างลูก ไปโรง’บาลไหม แม่ได้จะโทรให้พ่อเข้ามารับ” เธอถามลูกชายคนเล็กด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับที่สายตาสอดส่ายหาจุดเสียหายตามร่างกายของพาเลไปด้วย

“ไม่ต้องหรอกครับแม่ นั่งพักสักแป๊บก็คงดีขึ้นแล้ว” ได้ยินลูกชายว่ามาอย่างนั้นคุณนายพินก็ได้แต่ค่อย ๆ ประคองลูกชายไปยังเตียงนอนที่อยู่ห่างออกไปอีกแค่สอง สามก้าวทันที

“เอางั้นเหรอลูก ได้ ๆ ตามใจลูกก็แล้วกัน” แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ รีบไปหาหยุกยามาทาให้ลูกชายของเธออย่างใส่ใจสุด ๆ

“ครับแม่” เขาส่งยิ้มให้แม่เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ได้หนักหนาอะไรจริง ๆ

“สรุปก็คือดีใจเกินเหตุสินะ ฮุก คิก ๆๆ” ช่วงเย็นเมื่อครอบครัวนั่งกินข้าวพร้อมกัน พ่อและพี่สาวเลยรู้เรื่องที่ลูกชายและน้องชายของตนเองดีใจเกินเหตุแล้วตกเก้าอี้จนต้องร้องไห้หาแม่ให้ไปช่วย หลุดขำออกมาทั่วหน้า แล้วค่อยถามไถ่ทีหลัง

“แหะ ๆๆ ก็นิดหน่อยน่ะครับ ก็มันดีใจนี่นา” มือเรียวยกขึ้นลูบท้ายทอยแก้เขิน ก็อายอยู่หน่อย ๆ เหมือนกันนะเนี่ย

“อ่อนเอ๊ย” พี่สาวอย่างเพลาส่ายหน้าใจอย่างระอาใจ นี่เธอจะได้รุ่นน้องร่วมคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกันเป็นน้องชายคนนี้เหรอเนี่ย ดีนะที่จบออกมาก่อน

“เอาน่า ๆ น้องได้ที่เรียนตามที่หวังไว้ก็ดีแล้ว แบบนี้ต้องฉลองไหมลูก หรืออยากได้อะไรเป็นของขวัญไหม” คุณนายพินผู้เป็นใหญ่ของบ้านถามพร้อมกับตักเมนูโปรดใส่จานให้ลูกชายอย่างเอาใจ เมนูที่ปรุงจากอาหารทะเล ก็ล้วนถูกปากและขึ้นเป็นเมนูโปรดของพาเลได้ไม่ยากเลย

ถึงแม้ว่าบ้านหรือจังหวัดที่พวกเขาอาศัยอยู่จะไกลจากทะเลหลายร้อยกิโลเมตร แต่ก็ขัดขวางความชอบกินอาหารทะเลของพาเลไว้ไม่ได้

“เอาเป็น... โรงน้ำแข็งมุกดาธารได้ไหมพ่อ” พาเลรีบตอบพร้อมกับยิ้มทะเล้นประจบส่งให้

“เอามะเหงกนี้!!” ดนัยคนเป็นพ่อว่า พร้อมกับมือที่เตรียมแจกมะเหงกมาทางเขา “จะบ้าเหรอไอ้ลูกคนนี้ นั่นมันของพ่อแล้ว ไม่ให้โว้ย” ผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำแข็งขนาดใหญ่ในแถบนี้รีบแสร้งส่งเสียงดังต่อทันที

“งก”

“แต่จะเพิ่มค่าแรงให้ถ้าไปทำงานที่โรงงาน เอาไหมล่ะ”

“เอา ๆๆ ผมทำ ๆ” ช่วงปิดเทอมใหญ่แบบนี้ ไปเป็นเด็กโรงงานน้ำแข็งก็ไม่แย่อะไร แถมยังได้เงินเยอะกว่าพนักงานที่ทำมานานแล้วด้วย ก็ว่าไม่ได้นะ ไม่ใช่ลูกเจ้าของก็ต้องทำใจหน่อย!!

“ดี!! อย่าหนีงานไปเล่นก็แล้วกัน” ดนัยพยักหน้าให้ลูกชาย อีกกว่า 3 เดือนที่จะเปิดเทอมเปลี่ยนเด็กมัธยมสู่รั้วมหาวิทยาลัยแบบเต็มตัว ก็มาฝึกงานที่โรงงานน้ำแข็งก่อนก็แล้วกัน!!

ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้ว พาเลก็ถูกพาตัวเข้าไปเล่นและช่วยงานที่โรงงานน้ำแข็งมุกดาธารตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วก็เถอะ ตั้งแต่ที่ผลิตเพียงน้ำแข็งขายอย่างเดียว จนตอนนี้เพิ่มการผลิตน้ำดื่มยี่ห้อมุกดาธารเข้าไปอีกอย่างแล้ว

คอยดูเถอะ อย่าเผลอก็แล้วกัน เขาจะฮุบเอาโรงงานมาเป็นของตัวเองให้ได้เลย วะ ฮ่ะ ฮะ ฮ่า...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel