บทที่2
“หนูเหมือนน้าในตอนสมัยที่เป็นวัยรุ่น รุ่นเท่าหนูนี่ล่ะ น้าเองก็เคยผ่านความยากลำบากแบบมาก่อนเหมือนกัน”
“จริงเหรอคะ แต่ดูคุณไม่เหมือนคนธรรมดาเลย ดูไปทางไฮโซมากกว่า” น้ำขิงมองสำรวจการแต่งตัวของคนข้างๆ อีกครั้ง เครื่องประดับหรูหราตกแต่งอยู่บนเรือนหญิงสาววัยกลางคนแค่เพียงนิด ก็สามารถทำให้หญิงสาวไฮโซคนนี้เปล่งประกายอ่อร่าเด็ดกว่าใครๆ ที่เดินอยู่ตลาดสักอีก
“หนูคิดว่าฉันเป็นไฮโซงั้นเหรอ” คุณหญิงทับทิมเอียงคอถามน้ำขิงอย่างทะเล้น
"ค่ะ หนูว่าหนูคงเดาไม่ผิดนะคะ” น้ำขิงพูดเชิงติดตลกพลางขำคิกคักออกจากปากเบาๆ
“ฮ่าฮ่า หนูนี่เป็นหมอดูที่แม่นมากเลยรู้ไหม งั้นหนูดูดวงให้น้าทีสิว่า น้าจะได้หนูมาเป็นลูกสะใภ้หรือเปล่า น้าอยากได้หนูมาเป็นลูกสะใภ้" คำพูดของคุณหญิงทับทิม ทำเอาเด็กสาวหุบยิ้มแล้วหยุดชะงักเดินทันที
“หืม มีอะไรรึเปล่า” เมื่อคุณหญิงทับทิมเห็นเด็กสาวหยุดเดิน เลยเกิดความสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปรึเปล่า เพราะสิ่งที่เธอพูดล้วนแต่เป็นความจริง ที่เธออยากได้น้ำขิงเป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่เพราะความสงสาร
แต่เป็นความเอ็นดูและถูกชะตากับเด็กคนนี้มากซะจนอยากเอาเธอใส่กระเป๋าเอากลับบ้านไปด้วย แค่เธอเห็นปุ๊บแล้วใช่เลย แถมเด็กคนนี้ยังมีใบหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตาเดินได้
“หนูคงไม่เหมาะสมกับลูกชายของคุณน้าหรอกค่ะ” น้ำขิงตอบทับทิมเเค่ประโยคสั้นๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไปข้างหน้า คุณหญิงทับทิมคลี่ยิ้มพลางยักคิ้วขึ้น เมื่อได้ยินคำตอบของเด็กสาวที่พูดมาเมื่อครู่ เธอก็ยิ่งเอ็นดูเด็กคนนี้เข้าไปใหญ่
“นี่มันเป็นมนต์สะกดรึไง ทำไมฉันถึงหลงเด็กคนนี้ขนาดนี้ หิ้วลูกเขากลับไปบ้านเขาจะด่าฉันไหมนะ ” คุณหญิงทับทิมยืนบ่นพึมพำเบาๆแล้วหัวเราะ ก่อนเธอจะรีบสาวฝีเท้าเดินตามน้ำขิงอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ..คุณน้าคะ เดี๋ยวน้ำขิงต้องขอตัวเอาชุดทำงานไปให้พี่สาวก่อน ขอบคุณนะคะที่ซื้อกระปุกออมสินน้องหมูให้หนู” น้ำขิงยกมือไหว้ก่อนฉีกปากยิ้มหวานให้กับคุณหญิงทับทิม
“จ๊ะ น้าเองก็จะกลับเหมือนกัน อ่ะนี่นามบัตรของน้านะ มีอะไรให้น้าช่วยก็โทรมาเลยไม่ต้องเกรงใจ โทรมาบ่อยๆก็ได้น้าเหงา” คุณหญิงยื่นนามบัตรให้น้ำขิงก่อนจะก้าวขาถอยหลังสองสามก้าวแล้วโบกมือลาส่งยิ้มหวานให้น้ำขิงแล้วเดินไปที่รถคันหรูของตัวเอง
น้ำขิงยืนเกาหัวดูนามบัตรที่คุณหญิงให้เธอเมื่อกี้ ก่อนจะเก็บลงใส่กระเป๋าสตางค์ไว้อย่างดี แล้วเดินอุ้มกระปุกออมสินน้องหมูไปที่รถ
#ด้านคุณหญิงทับทิม
บนรถหรู
“ฮัลโหลทีรักวันนี้ฉันเจอว่าทีลูกสะใภ้ด้วยนะ”
[คุณหญิง คุณยังไม่เลิกจับคู่ให้ลูกอีกรึไง] ..หญิงสาวอดที่จะเม้าท์มอยให้ผู้เป็นสามีฟังไม่ได้ ถ้าเธอถูกใจสิ่งใดเธอจะตื่นเต้นเก็บอาการไม่อยู่
“แต่คราวนี้น้องว่า น้องเลือกคนไม่ผิด เด็กคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ น้องมั่นใจแถมเด็กคนนั้นยังมีใบหน้าสะสวยน่ารักเหมือนกับตุ๊กตาเดินได้เลยนะ”ทับทิมพูดไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงเด็กสาว
[ขนาดนั้นเชียว]
“เธอชื่อน้ำขิง อายุ17ปี”
[ห๊ะ!!! อายุ17 ให้ตายเถอะ คุณหญิงหวังว่าคุณคงไม่ฉุดลูกเขากลับมาบ้านด้วยหรอกนะ] ถ้าให้เดาตอนนี้คุณชายคงจะตบหน้าผากตัวเองหนักๆ อยู่หลายที ที่ภรรยาของเขา เล่นจะเอาเด็กวัยระอ่อนที่ยังไม่ถึง18ปี มาเป็นเมียลูกชายตัวเอง
“น้องไม่ใช่คนที่บังคับขืดใจใครนะคุณชาย แต่ถ้าหิ้วมาได้ก็ดีฮ่าๆ ว่าแต่เจ้าเวย์กับริต้ากลับบ้านยังคุณ พอดีวันนี้น้องแวะซื้อของโปรดลูกๆที่ตลาด”
[เจ้าเวย์ของคุณหญิงป่านนี้คงเมาคลานอยู่ผับของตาสิงห์แล้วล่ะ ส่วนยัยริต้ายังไม่โผล่หัวมาเลย]
“เฮ้ออ เมื่อไหร่จะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักที” คุณหญิงทับทิมบ่นพึมพำอย่างน้อยใจ ที่วันไหนวันไหนก็ไม่เจอน่าลูกๆ จะกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันก็น้อยนิด ซึ่งทำให้คุณหญิงแอบน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง
[เอาน่า! ลูกกำลังอยู่วัยทำงานวัยเที่ยวต้องเข้าใจลูกหน่อย ว่าแต่คุณถึงไหนแล้ว]
“ตอนนี้น้องใกล้จะถึงบ้านแล้วค่ะ ทำไมเหรอ”
[เปล่า ผมแค่คิดถึงคุณ คิกๆ]
“บ้า!! คุณอ่ะพูดอะไรก็ไม่รู้ อายุเยอะแล้วนะยังจะมาปากหวานกันใส่อีก”
[รึอยากจะย้อนไปสิบสี่อีกครั้งล่ะคุณหญิง เดี๋ยวคืนนี้ผมจัดให้ได้นะ]
“บ้าบ้า คุณชายอ่ะ พูดแบบนี้น้องเขินนะงั้นแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องขับรถก่อน”
[ครับ]
“ฮัลโหลพี่อิงฟ้าน้ำขิงอยู่หน้าผับแล้วนะ พี่จะให้น้ำขิงเอาเข้าไปให้หรือว่าพี่จะออกมาเอง ”
[ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ออกไปเอาเองรอพี่อยู่หน้าผับแป๊บนะ พี่กำลังเดินออกไป ]
“โอเคค่ะ ” ...ฉันวางสายจากพี่สาวก่อนจะเก็บมือถือลงใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กราคาถูก เพราะคนอย่างฉันคงไม่มีปัญญาซื้อของแพงๆมาใช้หรอก เพราะบ้านของฉันมันจน แต่ถึงจะจนฉันก็มีความสุข
ฉันยืนรอพี่อิงฟ้าไม่นานนักพี่อิงฟ้าก็เดินออกมาจากในคลับ
“ รอนานไหม”
“ ไม่ค่ะ อ่ะนี่ชุดทำงานของพี่ แล้วก็นี่ข้าวกล่องที่หนูแวะซื้อจากตลาด หนูรู้ว่าพี่ยังไม่ได้กินข้าวหนูเลยซื้อข้าวมาให้ ” ฉันยืนถุงกระดาษสีน้ำตาลพร้อมถุงข้าวกล่องให้พี่อิงฟ้า พี่อิงฟ้ารับของจากฉันก่อนจะยกมือขยี้หัวฉันเบาๆ
“ ขอบใจนะ แล้วน้ำขิงกินข้าวยัง”
“ หนูกินแล้วค่ะ ”
“ อืม งั้นพี่เข้าไปทำงานต่อก่อนนะ เดี๋ยวผู้จัดการจะว่าเอา ”
“ พี่เหนื่อยไหมที่ต้องทำงานหลายๆอย่างพร้อมกัน เวลานอนของพี่แทบไม่มีเลยนะ ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะพี่อย่าหักโหมจนเกินไป หนูเป็นห่วงพี่มากนะรู้ไหม ”
..อิงฟ้าคลี่ยิ้มบางๆให้กับน้องสาวตัวเล็กของเธออย่างเอ็นดู ที่มักจะพูดย้ำคำนี้กับเธออยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าเธอจะทำงานที่ไหน น้ำขิงก็จะคอยเป็นห่วงอยู่เสมอ เพราะเธอชอบทำงานเกินกำลังจริงๆแต่จะทำไงได้ในเมื่อครอบครัวมีเธอเป็นเสาหลักของบ้าน ที่จะต้องทำงานหาเงินเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว ต่อให้งานหนักแค่ไหนเธอก็สู้ไม่ถอย เธอยอมเหนื่อยเพื่อให้พ่อแม่และน้องสบาย เพราะมันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องดูแลทุกคนในครอบครัว
“ เหนื่อยแต่ได้ตังค์พี่ยอม ”
“ ให้หนูช่วยไหม หนูไม่อยากเห็นพี่เหนื่อยอยู่คนเดียว หนูอยากแบ่งเบาภาระจากพี่บ้าง”
“ ไม่ต้องหรอกน้ำขิง งานแค่นี้พี่ทนได้ น้ำขิงตั้งใจเรียนเถอะ พี่จะทำงานเก็บเงินเยอะๆเพื่อส่งเราเรียนสูงๆ เวลาจบมาจะได้มีงานสบายๆทำ ”
“ แต่...”
“ พี่ว่าน้ำขิงรีบกลับบ้านเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวพ่อกับแม่จะเป็นห่วง ถ้าพี่ไม่ลืมชุดพี่คงไม่ลำบากให้น้ำขิงเอามาให้หรอก เพราะที่นี่มันไม่เหมาะที่น้ำขิงจะมาอยู่ที่แบบนี้ มันอันตรายเกินไปสำหรับน้ำขิง ”
ฉันมองตวัดตามองดุรอบๆที่มีหนุ่มสาวต่างจับคู่คลอเคลียกอดจูบลูบคำอย่างไม่แคร์สายตาคนอื่นที่เดินผ่านไปมา ทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่ต่างกับกลุ่มวัยรุ่นชายที่ยืนมั่วสุมดูดบุหรี่อยู่ตรงหน้าคลับ แต่ละคนมีแต่คนน่ากลัวทั้งนั้น
“ เอ่อ..งั้นน้ำขิงกลับดีกว่า ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวหนูจะโทรมาบอกนะ "
“จ๊ะ ขับรถดีๆนะถ้ามีอะไรระหว่างทางให้รีบโทรมาหาพี่เลยนะน้ำขิง ” ฉันพยักให้พี่อิงฟ้าอย่างเข้าใจที่เขาบอกด้วยความเป็นห่วง ฉันถอยหลังพร้อมยกมือโบกลาพี่อิงฟ้า ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินไปที่ลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากที่ยืนคุยกับพี่อิงฟ้ามากนัก
ในขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่รถ อยู่ๆก็มีคนเมาที่ไหนไม่รู้ เดินก้มหน้าเซซ้ายเซขวาตรงมาที่ฉันพร้อมบ่นพึมพำอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว ฉันได้แต่ยินว่ากรีนๆอะไรสักอย่าง
เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันแว๊บหนึ่ง แล้วเดินผ่านฉันไปที่รถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่ตรงหน้า
...ทำไมมันร้อนแบบนี้วะ แล้วกุญแจกูไปไหนวะเนี่ย!
อ๊ากกก!!
ปึกกก!!
ฉันสะดุ้งตกใจเพราะอยู่ๆ พี่ผู้ชายคนนั้นก็เอากำปั้นทุบลงที่รถตัวเองแรงๆอยู่หลายที ทำเอาฉันต้องกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมบีบมือตัวเองกลั้นหายใจรีบเดินผ่านที่รถของเขา ที่ตอนนี้เขากำลังอาละวาดอยู่กับรถของเขาอยู่
พอฉันเดินพ้นรถของเขา ฉันก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกจากปากหนักๆ ก่อนจะเอามือล้วงหยิบเอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมา
แต่ทว่า!!
หมับ!!
“ กรี๊ดด ” ฉันอุทานกรีดร้องขึ้นเพราะความตกใจสุดขีด ที่อยู่ๆร่างของฉันก็ถูกแรงกระชากจนตัวฉันลอยไปกระแทกกับรถเก๋งสีดำของผู้ชายคนนั้น ฉันรีบพยุงตัวลุกขึ้นทันที ที่ผู้ชายคนนั้นจะเดินเข้ามาหาฉัน ด้วยสายตาเหมือนคนกำลังคลุ้มคลั่งโมโหอะไรสักอย่าง
" อ อย่า เข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะ..."
หมับ! !
"กรี๊ดดดด ปล่อยฉันนะ ปล่อย!!! " ฉันกรีดร้องโวยวายเมื่อโดนผู้ชายขี้เมาพยายามฉุดกระชากลากแขนฉันขึ้นบนรถเก๋งสีดำ “ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย!! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ใครก็ช่วย..อุ๊ปส์ ”
ริมฝีปากของฉันถูกบดขยี้ด้วยปากของเขาทันทีที่ฉันร้องขอความช่วยเหลือ
"อู๊อี๊!!!! " ฉันดิ้นและพยายามเอามือดันตัวเขาออก แต่ยิ่งฉันดัน เขายิ่งขยี้จูบแรงมากขึ้น
" ไม่ไหว..อ๊ากกกก แม่งเอ้ยยย "
แควก!!
"กรี๊ดดดดด"
