ไปบ้านคุณยาย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านแสนสงบอยู่ไกลออกไป ทั้งร่มรื่นอยู่เย็นเป็นสุข หมู่บ้านที่นี่เป็นเพียงแค่พื้นที่เล็กๆ รายล้อมไปด้วยป่าใหญ่ รอบด้านมีเส้นทางการคมนาคม เพื่อเดินทางไปในเมือง มีปราสาทใหญ่เป็นจุดศูนย์กลาง
นอกพื้นที่จะเป็นเขตพื้นที่ต้องห้ามมิให้เดินทางเข้าไป ส่วนใหญ่พวกผู้เฒ่า คนเก่าคนแก่ แทบจะทุกๆ คนมักบอกเสมอว่า เข้าไปแล้ว จะไม่มีวันได้กลับออกมา
มีเพียงไม่กี่ครอบครัวที่ออกจากตัวหมู่บ้าน ไปอยู่ตามชายป่าไม่ไกลกันมากนัก เพราะต้องการความสันโดษ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุไม่กี่คน ถ้าไม่นับรวมผู้ดูแลหมู่บ้าน ก็จะมีคนแก่ที่น่านับถือ พาตัวเองออกไปอยู่นอกเมืองอย่างเงียบๆ ไม่กี่คน
ในที่นี่รวมไปถึง แคทเธอรีน เอมูเล็ต เธอเป็นหญิงชรามีอายุที่น่านับถือ เธอเป็นคุณยายแล้ว จากร่างกายที่เคยแข็งแรง มาช่วงหลังๆ สภาพอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้สุขภาพของเธอไม่ค่อยแข็งแรงดีนัก ยังดีที่แคทเธอรีนยังมีลูกสาวและลูกเขย ลีแอนกับพาร์เซล อาศัยอยู่ในเมือง พวกเขายังสลับกันมาเยี่ยมเธอบ้าง พร้อมๆ กับมาดูแลแคทเธอรีนเป็นระยะๆ
มาครั้งหลังๆ ลีแอนลูกสาวของแคทเธอรีน มีการงานต้องทำมาก เธอมีอาชีพรับจ้างซักผ้าในเมือง และพาร์เซลมักจะออกไปตัดไม้ทำฟืนขาย เลยไม่ค่อยมีใครว่างมาเยี่ยมแคทเธอรีนช่วงหลังๆ ฤดูหนาวกำลังย่างกรายเข้ามา เหลือเพียงแค่หลานสาวคนเดียวของแคทเธอรีน ตอนนี้อายุย่างจะสิบขวบแล้ว เธอเป็นเด็กสาวตัวน้อยน่ารัก ที่กำลังเริ่มโตขึ้นอย่างสวยงาม แข็งแรง
จากตัวเมืองเดินทางมาบ้านของแคทเธอรีน ไม่ค่อยไกลมาก แต่หากมองจากระดับสายตาจะไกลประมาณเกือบที่ดิน แปดเอเคอร์ได้ ยังดีที่มีเส้นทางให้เดิน ทำให้หนทางไม่ค่อยลำบากมากนัก เด็กสาวตัวน้อยมักได้รับหน้าที่ให้นำขนมปัง อาหารร้อนๆ จากฝีมือของลีแอน หอบใส่ตะกร้าอย่างดี
เด็กสาวตัวน้อย เอลีส จะต้องเดินทางนำอาหารชุดนี้ไปส่งที่บ้านของแคทเธอรีนทุกๆ วันในยามเช้า หลังจากนั้นเธอจะต้องรีบเดินทางออกจากบ้านของแคทเธอรีนก่อนบ่ายแก่ๆ เพื่อกลับมาถึงบ้านก่อนมืดแทบจะทุกวัน
******
"ขนมปัง… ขนมปังหอมๆ… แยมส้ม...แยมส้ม...แฮมเนื้อตากแห้ง…ห่อสวยๆ และต้องมีผ้าสะอาดปิดให้สวยงาม…"
เอลีสกล่าวราวกับจะร้องเพลงของที่อยู่ในมือ เธอถือตะกร้าสานสวยงาม พร้อมกับได้รับหน้าที่นี่เป็นประจำมากว่าปีแล้ว ปลายเท้าเล็กๆ กำลังพาร่างเด็กน้อยออกจากบ้าน เพื่อไปส่งอาหารชุดนี้ให้กับแคทเธอรีนเหมือนกับทุกๆ วัน
"อย่าไปหกล้มที่ไหนนะ อยู่ทานข้าวกับคุณยายก่อน แล้วรีบออกจากบ้านตอนบ่ายกลับมาให้ทันก่อนค่ำล่ะ" ลีแอนบอกย้ำเอลีสเหมือนกับทุกๆ วันเสมอ เพราะวันนี้เธอมีงานต้องไปซักผ้าที่บ้านคุณนายมัลคอร์ เธอรวยและมีเงินมาก จึงไม่จำเป็นต้องทำงานบ้านเอง
คุณนายมัลคอร์ยังมีลูกชายคนหนึ่ง เพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่ม แถมยังเป็นเพื่อนเล่นกับเอลีสอยู่บ่อยครั้ง วันนี้เขาออกไปล่าสัตว์กับพ่อ เลยไม่ได้อยู่เล่นกับเอลีสเหมือนทุกๆ วัน ลูกชายของเขาก็มีทีท่าชอบพอกับเอลีสอยู่ ลีแอนคิดว่าหากเอลีสพร้อมจะออกเรือน เธอยินดีจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับ โทมัส ลูกชายของคุณนายมัลคอร์อย่างเต็มใจ
"ค่าาาาา ฝากสวัสดีคุณนายมัลคอร์ด้วยนะคะ แม่" เอลีสโบกมือไหวๆ พร้อมๆ กับรอยยิ้ม และเสียงฮัมร้องเพลงระหว่างเดินเท้าไปบ้านคุณยายแคทเธอรีนเพียงลำพัง ยามสายวันนี้
"โชคดีนะลูก!!!" ลีแอนตะโกนเสียงหวานๆ อีกครั้ง มองร่างเด็กน้อยลับสายตาไป เธออมยิ้มมองด้วยความเอ็นดู จากนั้นจึงรีบพาตัวเองเดินทางไปบ้านคุณนายมัลคอร์ทันที เธอคิดเสียว่า หากเอลีสแต่งงานกับโทมัสไปแล้ว ชีวิตพวกเธอคงจะไม่ลำบาก ความสุขสบายจะทำให้เอลีสมีความสุขขึ้นมาก ต่อจากนั้นจะไม่ต้องเดินทางเท้าไปส่งอาหารบ้านคุณยายอีกแล้ว หากหลังเอลีสแต่งงานไปแล้ว คงจะมีบริวารไปทำแทน…
******
อีกด้านหนึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงออกไป... มีคนเถื่อนจากต่างแดนซึ่งกำลังเดินทางหาของกินในป่า เดินทางมาไกลพวกเขาไม่ชอบสังคมกับคนในเมือง ไม่มีการคบค้าเหมือนคนอื่นๆ
พวกเขาอยู่อย่างชาวป่า แถมมีหมาป่าเลี้ยงเอาไว้เป็นสัตว์คู่กาย คนเถื่อนสองคนเดินทางร่วมกัน เพื่อออกล่าสัตว์ หาอาหารให้มากที่สุดเพื่อเอากลับไปแลกเปลี่ยนข้าวของเครื่องใช้ กับคนในหมู่บ้านซึ่งลับตาห่างไกลมนุษย์ทุกคนทั่วไป
หมู่บ้านของคนเถื่อน มันอยู่นอกแผนที่ ซึ่งก็คือเขตพื้นที่ต้องห้ามสำหรับคนเมืองนั้นเอง พวกเขาเดินทางออกมาไกล เพราะบริเวณใกล้ๆ หมู่บ้านพวกเขาไม่มีอาหารอะไรให้กินเลย แม้กระต่ายหรือนกก็ไม่เหลือให้พวกเขาล่า กวางเล็กๆ สักตัวก็หาไม่ได้ คนเถื่อนสองคนจึงเดินเท้าออกมาไกลจนเริ่มเห็นเมืองอื่น
สายตาของพวกเขาเริ่มสั่นไหว ไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตอื่นเลย นอกจากคนเถื่อนด้วยกันมานาน พวกเขาไม่ค่อยมีวัฒนธรรม ไม่ค่อยมประเพณี หรือการเรียนภาษา… ใช้ชีวิตอย่างคนป่าอย่างแท้จริง มือหนา ร่างใหญ่ เสื้อคลุมที่ทำด้วยขนหมี อยากได้ต้องล่าเอง อาหารมักจะเป็นเนื้อสัตว์เสียส่วนใหญ่ โดยได้หมาป่ามาช่วยในการหาอาหาร พอจะทุ่นแรงล่าสัตว์ได้มากอยู่
เรื่องผลไม้คงจะยากสำหรับพวกเขา สำหรับอาหารดีๆ อย่างผักและแป้งขนมปังคงไม่ต้องพูดถึง พวกเขามักใช้ชีวิตง่ายๆ จนแทบจะไม่ทำอะไรเหมือนคนเมือง
"พักแปบนึงได้มั๊ย ปวดฉี่…" คนเถื่อนร่างหนาสูงใหญ่ ซึ่งเดินตามอยู่ข้างหลัง ทักผู้ร่วมเดินทางข้างหน้าให้หยุดพักสักแปบนึง เพราะเขาปวดมากจนแทบกลั้นเอาไว้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
"เออ" คนเถื่อนผู้นำหน้า มีลักษณะหน้าตาดี ตัวคล้ำกว่าเพื่อนร่วมทาง เขาพอจะมีวิสัยทัศ ประสบการณ์มากกว่าอยู่บ้าง ในการเดินทางออกหาอาหารมาไกลจากหมู่บ้านตัวเองขนาดนี้
"เวอร์ดัล!!!แกเห็นอะไรข้างหน้านั้นมั๊ย?" คนเถื่อนผิวคล้ำผู้นำทาง กำลังถามเพื่อนข้างหลัง ซึ่งกำลังยืนฉี่อยู่ รูปลักษณ์ใหญ่โต ผิวขาวกว่าหน่อย เขาไม่ได้ฉลาด เขาแค่แข็งแรงพอจะช่วยขนอาหารกลับหมู่บ้านแค่นั้นเอง
"อะไร!!! เห็นอะไรรึ?เจเดน ข้าฉี่กำลังจะสุดแล้วเชียว" ท่าทางเวอร์ดัลจะยังไม่เห็นอะไร นอกจากกำลังจะเก็บอาวุธร้อนคู่กาย ปลดปล่อยของเหลวร้อนออกมาจนเกือบจะหมดท่อน้ำแล้ว
"หลบก่อนดีมั๊ย เจ้าตัวเล็กนั้นกำลังมาทางนี้" เจเดนคิดว่าไม่น่าจะปรากฏตัวให้ใครเห็น พวกเขาควรหลบให้พ้นจากเส้นทางใหม่ ซึ่งทำออกมาจนไม่เหลือร่องรอยพื้นหญ้า ต้นไม้ใดๆ พวกมนุษย์ตัวเล็กคงจะทำไว้เพื่อการเดินทางโดยเฉพาะ นี่พวกเขาเดินทางมาไกลขนาดนี้เชียวรึ?
"เออๆ ก็ดีนะ" เวอร์ดัลเห็นด้วย รีบจัดกางเกงเข้าที่เข้าทาง พากันไปหลบหลังพุ่มไม้หนาทึบนอกเส้นทาง เพื่อหลบเด็กน้อยคนหนึ่ง กำลังเดินทางมาแถวนี้พอดี….
