บทที่ 2
“ใช่…งานนี้มีแต่ลุย แต่ก่อนจะลุยขอไปออกกำลังกายเผาผลาญไขมันตรงพุงหน่อยได้ไหมอ่ะ แบบว่าช่วงนี้เอาแต่กินๆ นอนๆ พุงชักจะมีห่วง” ขณะพูดนาราชาก็ก้มมองตัวเอง เพราะตอนนี้เธอมีพุงเป็นชั้นๆ ถึงจะมีไม่มากก็เถอะ เพราะขืนไม่เผาผลาญพลังงานส่วนเกินออกไปบ้าง มีหวังได้เป็นแม่หมูกันพอดี
“ไปสิ แพงอยากว่ายน้ำที่สโมสรพอดี ค่ำๆ วันทำงานแบบนี้ลูกบ้านไปใช้บริการน้อย จะได้เป็นส่วนตัวหน่อย”
“ชอบกันจริงว่ายน้ำที่สโมสรเนี่ย สระข้างบ้านก็มีทำไมไม่ว่าย หืม” พระเพื่อนเอ่ยแย้งสองสาว
“หูย…สระในบ้านเราแค่ไม่กี่เมตรเองนะเพื่อน ว่ายยังไม่ทันไรมือก็แตะขอบสระแล้ว ไม่สนุกเลย”พระแพงหันไปบอกเหตุผลกับแฝดผู้พี่
“อยากไปก็ตามใจ แต่เพื่อนไม่ลงสระด้วยนะ ขอเข้าฟิตเนสพอ”ทั้งนาราชาและพระแพงพยักหน้าให้เป็นคำตอบว่าตกลง ก่อนที่ทั้งสามสาวจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงไปยังสโมสรของทางหมู่บ้าน ซึ่งครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีทั้งฟิตเนสแบบครบวงจร ห้องซาวน่าและสระว่ายน้ำแบบน้ำเกลือขนาดมาตรฐาน
เช้าของวันรุ่งขึ้น พรหมลิขิตก็กำหนดให้หัวใจของนาราชาเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อเธอเห็นธามกลับมาที่บ้านตอนเกือบจะสี่โมงเย็น หญิงสาวที่เฝ้ารอเวลานี้มาตลอด ลนลานเตรียมตัวหวังจะรีบเข้าไปหาดวงใจ พร้อมกับจะแนะนำตัวเองว่าเป็นแม่บ้าน แต่กลับถูกสองแฝดดึงตัวไว้เสียก่อนก่อนที่พระเพื่อนจะถามขึ้น
“นั่นแกจะรีบไปไหนจิ้ง”
“บ้านคุณธาม ฉันเห็นเขากลับมาแล้ว” ใบหน้าของนาราชาแฝงไว้ด้วยความดีใจที่ปิดซ่อนยังไงก็ไม่อาจซ่อนไว้ได้
“แต่นี่จะสี่โมงแล้วนะ รอพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปไม่ดีกว่าเหรอ” พระแพงเอ่ยเสริม เพราะเห็นว่าเวลานี้เย็นมากแล้ว
“เข้าไปตอนนี้ วันนี้นี่และ ฉันอยากเจอเขาจะแย่แล้ว”
“อ่ะๆ ไปก็ไป แต่เดี๋ยว…แกจะไปชุดนี้เลยเหรอ”พระเพื่อนถามไปก็คิ้วขมวดเล็กๆ
“อื้อ…ทำไม ชุดนี้มันไม่เหมือนแม่บ้านเหรอ”นาราชาก้มมองตัวเอง ก็วันนี้เธอสวมแค่เสื้อยืดสีน้ำเงินธรรมดาๆ กับกางเกงยีนส์นี่นาผมก็รวบมัดไว้ด้านหลัง ลุคออกจะใช่แม่บ้านดีออก
“เหมือนน่ะเหมือน แต่ฉันว่ามันมีอะไรเกินๆ อยู่นะ” พระเพื่อนไล่สายตามองนาราชาใหม่อีกครั้ง เสื้อผ้าน่ะผ่าน แต่หน้าผมนี่ดูท่าจะไม่ผ่าน
“อะไรที่ว่าเกินๆ บอกมาเร็วๆ สิเพื่อน ฉันอยากไปหาคุณธามจะแย่แล้ว”
“ผมแกนี่แหละ เปรี้ยวเข็ดฟันเกินไปหน่อย ขืนไปแบบนี้คุณธามได้ส่ายหน้าหนีแล้วไล่แกกลับมาแน่”
“ใช่ๆ แพงเห็นด้วยกับเพื่อน”พระแพงพยักหน้าให้ ก่อนที่พระเพื่อนจะจูงแขนนาราชาให้ไปนั่งบนเก้าอี้
“นั่งนี่ก่อน” เมื่อนาราชานั่ง พระเพื่อนก็คว้ากรรไกรมาตัดฉับ หั่นผมครึ่งล่างสีน้ำเงินอมม่วงออกอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ไม่ให้เวลาเจ้าของผมได้เตรียมใจ
“เห้ย! นี่ต้องถึงขนาดตัดผมเลยเหรอเพื่อน” นาราชาอุทานออกมาอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้ทรงผมใหม่แบบกะทันหันอย่างนี้
“อืม…นั่งนิ่งๆ เถอะนะ ไม่งั้นผมเบี้ยวนะ คราวนี้ได้ทรงสั้นข้าง ยาวข้าง เอาไหม” ได้ยินแบบนี้ สิ่งเดียวที่นาราชาทำได้คือการนั่งให้นิ่งที่สุด ก่อนจะให้แฮร์สไตล์ลิสออกแบบทรงผมให้ก็ในเมื่อตัดผมเธอไปซะขนาดนี้แล้ว จะไม่ยอมตามใจได้ยังไง
นาราชานั่งมองผมสีน้ำเงินอมม่วงที่ร่วงหล่นกับพื้นด้วยสายตาละห้อย นั่นเพราะปรกติแล้วเธอเป็นคนที่หวงเส้นผมมาก ตั้งแต่จบมัธยมก็ไม่เคยไว้สั้นเลยสักครั้ง แล้วนี่พระเพื่อนหั่นผมเธอออกไปซะเยอะ ทรงใหม่จะออกมาเป็นยังไง ก็ชวนให้ลุ้นตัวโก่ง จนหัวใจจะวาย
“แท่นแท๊น เสร็จแล้ว”
“เป็นไงแพง หน้าฉันเด๋อมากเลยเหรอ แกถึงอึ้งกิมกี่ไปเลยแบบนี้”เพราะเห็นพระแพงเอาแต่จ้อง นาราชาจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น พร้อมกับอาการหวั่นใจกับทรงผมทรงใหม่แบบมัดมือชกนี้เหลือเกิน
“เด๋อที่ไหน น่ารักแถมยังดูหน้าเด็กมากด้วยจิ้ง” พระแพงยิ้มให้ เพราะเธอชอบลุคนี้ของนาราชา ดูใสๆ น่ารักดี
“จริงเหร้อ” นาราชาเอ่ยถามเสียงสูง ก่อนที่แฮร์สไตล์ลิสจะส่งกระจกมาให้ พอเห็นหน้าตัวเอง นาราชาถึงกับอมยิ้ม แต่สำหรับเธอทรงนี้มันก็ยังคงแปลกตาอยู่ดีเพราะจากที่ผมยาวครึ่งค่อนหลัง ตอนนี้เหลือความยาวเพียงแค่ประบ่าเท่านั้นเอง
“แต่แพงว่ามันยังมีอะไรขาดๆ ไปอยู่นะ”พระแพงคิ้วขมวดขณะพยายามคิดว่าอะไรที่ขาดหายไป ได้ฟังแบบนี้แล้ว นาราชาก็ถึงกับคอตก ตัดพ้อออกมา
“อ้าวตะกี้คนพี่บอกเกิน มานี่คนน้องบอกขาด โถ่ชีวิตยัยจิ้ง มีอะไรพอดีกับเขามั่งไหมเนี่ย”
“แว่น…ใช่แล้ว จิ้งต้องมีแว่น แว่นสายตาจิ้งอยู่ไหน เอามาใส่เลย จะได้ดูลุคแบบเฉิ่มๆ บ้านๆ หน่อย”ในที่สุดพระแพงก็คิดออก
“หา…ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้เหรอแพง ให้ใส่แว่น ฉันว่ามันไม่เข้ากับผมทรงนี้เท่าไหร่มั้ง” นาราชาค้านเสียงสูง นั่นเพราะแว่นที่เธอมีคือแว่นสายตาจริงๆ ไม่ใช่แว่นสายตาแบบแฟชั่นแว่นที่มีอยู่รูปแบบมันไม่ได้ล้ำสมัย ใส่ปุ๊บลุคมนุษย์ป้าจะเข้าประทับร่างปั๊บซึ่งเธอจะใส่แว่นเฉพาะเวลาที่อยู่บ้านเท่านั้น ออกนอกบ้านเมื่อไหร่ก็เปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์
“เข้าสิทำไมจะไม่เข้า แว่นสายตาอยู่ไหนจิ้ง บอกมา”พระแพงถามอีกครั้ง
“อยู่นั่น” นาราชาชี้ไปยังจุดที่เธอวางแว่นสายตาไว้ พระแพงรีบเดินเข้าไปหยิบแล้วนำมาให้เพื่อนรักทันที นาราชาจัดการถอดคอนแทคเลนส์ออกก่อนจะรับแว่นมาใส่
“ลุคนี้แหละ ใช่เลย เป๊ะ!” พระเพื่อนและพระแพงหันไปตีมือกันและกัน แล้วหันมามองนาราชาอีกครั้ง
“ลุคมนุษย์ป้าที่ไหนเนี่ย” พอมองเห็นตัวเองแล้ว นาราชาก็ถึงกับยิ้มแห้งๆ ให้ลุคเฉิ่มๆ บ้านๆ ที่ใครเห็นคงมีอันต้องตะโกนถาม ‘น้องมาจากจังหวัดไหนจ๊ะ’หรือไม่ก็ประโยคนี้ ‘น้องไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ใช่ไหม’
“มั่นใจในตัวเองไว้จิ้ง พร้อมแล้วก็ลุยเลย”พระแพงสนับสนุนเต็มที่
“ก่อนจะลุย มารวมพลังกันหน่อย” ได้ยินแบบนี้พระแพงก็วางมือทับบนหลังมือพี่สาว ตามด้วยนาราชา ท่านี้คือท่ารวมพลังที่สามสาวนั้นมักจะทำกันอยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่าทำกันมาตั้งแต่เด็กยันโต
“ลุย!” ทั้งสามคนประสานเสียงออกมาพร้อมกัน สำหรับนาราชาแม้รู้ว่าหากเดินหน้าต่อ คำตอบคือความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ขอทำตามหัวใจดูสักตั้ง
เมื่อรวมพลังกันเสร็จ นาราชาก็เดินจ้ำไปยังบ้านของธาม ส่วนพระเพื่อนและพระแพงนั้น ขึ้นไปมองดูชนิดติดขอบเวทีพร้อมทั้งส่งกำลังใจให้นาราชาอยู่ชั้นบนของบ้าน
“เพื่อนว่างานนี้จิ้งจะรอดไหม”
“ไม่รอดก็ต้องรอด ใจสู้ซะอย่าง”พระเพื่อนเอ่ยอย่างมั่นใจ
“คิดยังไงของจิ้งนะถึงไปเป็นแม่บ้าน งานบ้านตัวเองก็ใช่ว่าจะทำคล่อง กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้าน่ะพอไหว แต่…”
“แต่ตกม้าตายเรื่องทำกับข้าว”แฝดผู้พี่เอ่ยเสริม นั่นทำให้พระแพงรีบรับ
“ใช่”
“งานนี้คุณธามได้กินเมนูไข่ทุกวันแน่นอน”ขณะพูด สายตาของพระเพื่อนก็จับจ้องอยู่ที่นาราชา
“โชคดีมีชัยนะคะคุณธาม” พระแพงยิ้มแห้งๆ ให้เพื่อนบ้าน แต่ลึกๆ ก็อยากให้นาราชาสมหวังในรักครั้งนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าคำภาวนาของเธอจะเป็นจริงได้ไหม
