บทที่ 2
สิบสามปี!
วันเวลาแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีที่ผ่าน
จะเร็วหรือช้า ย่อมขึ้นอยู่กับมุมมองของคนเหล่านั้น สิบสามปีถ้าเปรียบกับช่วงชีวิตของคนเราก็คงเข้าสู่วัยรุ่น ที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัว สนุกไปกับโลกที่เต็มไปด้วยสีสัน
แต่สิบสามปีสำหรับผู้หญิงที่ชื่อว่าณาณีม กลับเป็นสิบสามปีที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไป สิบสามปีคือเวลาที่เธอได้รักกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่เริ่มจากเพื่อน คนรัก สามีภรรยาและเวลานี้ทุกอย่างอาจกำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต!
“ว่าอะไรนะ แกหย่ากับพี่แดนแล้วเหรอ” ณิการ์ที่ออกมาพบณาณีมตามคำชวนของเพื่อนถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม เมื่อได้ฟังณาณีมเล่าจบ
นั่นเพราะชีวิตคู่ของณาณีมกับดาวินนั้นดูดี มีความสุข ใครๆ ก็อิจฉาในความหวานของทั้งคู่มาตลอด แต่วันนี้ฟ้ากลับผ่าดังเปรี้ยง เพราะทั้งคู่หย่ากันแล้ว
“อื้อ…เพิ่งจรดปลายปากกาเซ็นใบหย่าไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน”
“เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ทำไมอยู่ๆ แกถึงหย่า” ธัญมณที่นั่งอยู่ด้วยอีกคนต้องเอ่ยถาม เพราะการหย่าร้างของณาณีมครั้งนี้มันไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อนจริงๆ
“ไม่รู้สิ มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ฉันกับพี่แดนยังรักกันนะ” ณาณีมเล่าไม่ถูกและไม่อยากจะเล่าถึงเหตุผลของการหย่าร้างด้วย มันละเอียดอ่อนเกินไป
“แล้วพี่แดนว่าไง ยอมหย่ากับแกง่ายๆ เลยเหรอ”
“อื้อ” คนเพิ่งโสดพร้อมรั้งสถานะหม้ายมาหมาดๆ อย่างณาณีมพยักหน้ารับคำถามของณิการ์ ที่พอได้ฟังคำตอบดูเหมือนเพื่อนจะยิ่งอึ้งเข้าไปอีก
“ไม่รั้งแกเลย” สีหน้าของณิการ์ดูจะอึ้งๆ
“รั้งทำไม ฉันว่าพี่เขาเองก็คงคิดเหมือนฉันแหละ เฮ้อ...สรุปตอนนี้ฉันโสด...โอเค้” ณาณีมเอ่ยตัดบท อันที่จริงเธอคิดไตร่ตรองเรื่องนี้มาเป็นปีๆ กระทั่งเมื่อเดือนก่อน เข้าไปปรึกษาพ่อกับแม่ ซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ค้านหากเธอจะหย่า
“ฉันสองคนน่ะโอเค แต่แกน่ะ โอเคจริงไหม ไม่ใช่กลับไปนอนร้องไห้ฟูมฟาย คิดผิดที่หย่าหรอกนะ เพราะผู้ชายดีๆ แบบพี่แดนไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นะ...บอกเลย” ณิการ์กับธัญมณหันมองหน้ากัน
“บางทีคนเราก็ไม่ได้ต้องการผู้ชายแสนดีป่าววะ แค่ต้องการใครสักคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุข อิสระ มีความเป็นตัวของตัวเอง” ณาณีมถอนหายใจออกมา ชีวิตคู่ของเธอทุกอย่างมันค่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งก็ถึงทางตัน
ดาวินคือผู้ชายดีมากคนหนึ่งอย่างที่ณิการ์พูด แต่ความดีของผู้ชายมันก็ไม่ได้การันตีว่าจะทำให้ผู้หญิงที่อยู่ด้วยมีความสุขเสมอไป ส่วนเธอเองก็คงมีข้อบกพร่องอยู่มาก ดาวินเองก็คงคิดดีแล้ว ถึงตกลงจะหย่าด้วย
“ตั้งแต่คบเป็นแฟน ยันแต่งงาน นับๆ ดูแล้ว แกกับพี่แดนอยู่กันมาสิบสามปีเชียวนะ ไม่เสียดายเวลาบ้างเหรอ” ธัญมณเอ่ยถาม นั่นเพราะสิบสามปีสำหรับเธอมันนานมาก ถ้ามีลูกนี่เรียนจบชั้นประถมไปแล้วนะ
“ไม่อ่ะ”
“แล้วบ้านอ่ะ ทำไง” ณิการ์เอ่ยถามเรื่องบ้านบ้าง
“พี่แดนยกให้ฉัน แต่ฉันคงไม่อยู่ต่อ เพราะบ้านหลังนั้นมันใหญ่เกินไปหน่อย เลยประกาศขายไปแล้ว”
“เออ…ก็ดี เปลี่ยนบรรยากาศไปอยู่ที่อื่นบ้างไรบ้าง” เสียงของ ณิการ์ดังขึ้น เพราะถ้าเป็นเธอ ก็คงไม่อยู่บ้านหลังเดิมหรอก ต่อให้จะจบกันด้วยดีก็เถอะ
“ฉันซื้อคอนโดไว้แล้วแหละ รอตกแต่งเสร็จก็คงย้ายเข้าไปอยู่ เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนบรรยากาศเหมือนที่ยัยปุ้ยพูดด้วย โสดแล้วก็งี้ ทำอะไรก็ได้”
“ย่ะ” ณิการ์เอ่ยรับอย่างหมั่นไส้คนโสด ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ฉันดีใจด้วยนะ ที่แกรู้ว่าชีวิตนี้ต้องการอะไร แต่อย่างว่า...ถ้าหมดรักกันแล้วก็หย่ากันไปดีกว่าอยู่กับรักจอมปลอมแล้วพานทำให้ชีวิตไม่มีความสุข ใช่ไหมยัยมณ”
“เอ้า! แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเล่า” ธัญมณหันขวับไปมองณิการ์ทันที อยู่ๆ เธอก็ถูกเพื่อนแขวะซะอย่างนั้น
“ก็เพราะสามีแกมันเหี้ยน่ะสิ เมื่อไหร่จะเลิกเสียที นี่บิ้วมาตั้งสองปีก็ยังไม่เลิก”
“แรงอ่ะ ใช้คำว่าเหี้ยกับปั๋วสุดประเสริฐของฉันเลยเหรอยะ” น้ำเสียงของธัญมณนั้นติดประชดประชันสามีอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นเห้ก็ได้อ่ะ เพราะถ้ามันไม่เห้จริง มันไม่เล่นชู้ในที่ทำงานแบบนั้นหรอก ผู้หญิงก็หน้าที่การงานดี แต่กลับยอมเป็นน้อย กินน้ำใต้ศอกคนอื่นก็เอา แต่แกก็ดีที่ยึดเงินเดือน ยึดบัตรเครดิตผัวแกมาหมดแบบนี้ ในเมื่อรักกันนักก็ไปอยู่ด้วยกันแต่ตัว...ไป๊!”
“เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรมาก แรกๆ ก็จะเป็นจะตาย ตอนนี้เหรอ...ปลง ใครอยากได้ก็เอาไป แต่ไปแต่ตัวนะ เงินอยู่กับฉัน...ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของธัญมณดังขึ้น นั่นเพราะเธอเองก็มีแผนของเธอเช่นกัน เรื่องอะไรจะยอมหย่าให้พวกเมียน้อยได้ใจ
“แล้วทำไมแกไม่หย่าเหมือนยัยณาให้มันจบๆ กันไป”
“หย่าทำไม นั่งไขว่ห้างสวยๆ มองพวกเมียน้อยมันตีกันไม่ดีกว่าเหรอ สนุกดีออก”
“ล้ำลึกมาก แกนี่หน้าตาซื่อๆ ก็โหดกับเขาเหมือนกันนะยะ” ณิการ์ยกนิ้วให้ธัญมณ ส่วนคนถูกชมก็ยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยรับ แม้ในใจมันจะไม่ได้ยิ้มเท่าใบหน้าก็ตามที เพราะเธอก็ยังรักสามีอยู่ แม้ความรักมันจะน้อยนิด เหลือเพียงแค่ความแค้นก็ตาม
“นิดนึง”
“ตายแล้ว จะบ่ายสามแล้วเหรอ ฉันไปรับลูกก่อนนะ เดี๋ยวต้องไปส่งเรียนพิเศษอีก” เอ่ยจบณิการ์ก็คว้ากระเป๋า พร้อมจะไปรับลูกชายสุดที่รัก
แต่ณาณีมกลับคิ้วขมวดแล้วเอ่ยถามทันที
“หืม…น้องภูมินี่ต้องเรียนพิเศษด้วยเหรอ”
“ใช่น่ะสิ สมัยนี้มันต้องเรียนเยอะๆ จะได้เข้าเรียนโรงเรียนดีๆ” คุณแม่ลูกหนึ่งเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ โตขึ้นลูกชายเธอจะได้เข้าโรงเรียนดีๆ เรียนมหา’ลัยดีๆ และจบมาทำงานดีๆ อย่างที่เธอหวัง
“แต่ลูกแกเพิ่งเข้าปอหนึ่งเองไม่ใช่เหรอ จะรีบอัดเรียนไปถึงไหน” ณาณีมเอ่ยถามอีก หรือว่าเธอจำอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ไม่ได้อัด เขาเรียกเรียนเตรียมความพร้อม คนอื่นๆ ก็ทำแบบฉันทั้งนั้นแหละ แกสองคนยังไม่มีลูก ไม่เข้าใจฉันหรอก”
“เออๆ พูดอีกก็ถูกอีก งั้นแกรีบไปรับลูกไป เดี๋ยวรถติด” เอ่ยจบณาณีมก็ยิ้มแห้งๆ ให้ เพราะทุกครั้งที่จะคุยเรื่องนี้ณิการ์เป็นต้องตั้งท่าเตรียมความพร้อม บรรยายถึงความจำเป็นของเธอที่ต้องทำนั่นนี่ให้ลูกชาย
“ไว้เจอกัน”
