บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

บทที่ 3

“ทำไมต้องเป็นฉัน” ทันทีที่ประจันหน้ากัน เธอก็ไม่รีรอที่จะถามท่านประธานคนใหม่ทันที

“นั่นโต๊ะทำงานเธอ หน้าที่หลักๆ ของเธอคือตามฉันไปทุกที่ แล้วก็ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ เริ่มจากเช็คตารางงานวันนี้ทั้งหมดให้เสร็จภายในสิบนาที” นอกจากจะไม่ตอบแล้ว พ่อคุณยังโยนงานให้ ทำเอาคนเพิ่งได้รับตำแหน่งหมาดๆ แทบถลาไปที่โต๊ะด้วยความตื่นตระหนก ลืมไปแล้วว่าตัวเองถามอะไรไป ซึ่งก็ดูเหมือนจะเข้าทางท่านประธานที่กำลังลอบยิ้มถูกใจ กระทั่งงานทุกอย่างเสร็จทันเวลา

“เอ่อ…ท่านประธานคะ ฉันขอกลับไปเก็บของที่แผนกเดิมได้ไหมคะ” เรื่องเก็บของก็แค่ข้ออ้าง เหตุผลจริงๆ คือเธออยากลงไปกินยาคุมฉุกเฉินที่เจติยาเตรียมไว้ให้ต่างหาก

“คงไม่ต้อง เพราะฉันให้คนขนขึ้นมาให้หมดแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมา” พริบพราวถึงกับชะงักหน้าเครียด เมื่อเรื่องมันดันไม่เป็นไปตามที่วางไว้ ยังไม่ทันจะหาเหตุผลดีๆ ในการลงไปหาเพื่อน เขาก็แทรกขึ้นมาอีก

“เตรียมตัวให้พร้อม อีกเดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอก”

“แต่วันนี้ท่านประธานไม่มีนัดที่ไหนนี่คะ” แม้ว่าจะรับตำแหน่งยังไม่ทันข้ามวัน แต่เธอก็เช็คตารางงานตามคำสั่งของเขาเป็นอย่างดี เธอจึงอดสงสัยไม่ได้

“เพิ่งนัด” สิ้นเสียงเขาก็หยิบมือถือแล้วเดินออกไปที่ประตู ทำให้เธอจำต้องรีบเดินตามอย่างช่วยไม่ได้ กระทั่งทั้งคู่มานั่งอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“เอ่อ…เมื่อกี้รีบมาก ฉันเลยไม่ได้เตรียมอะไรออกมาด้วย เกรงว่า…” เธออึกอักกับการเป็นเลขาที่ไม่มีความพร้อมของตัวเอง แต่ยังไม่ทันพูดจบประโยค เขาก็แทรกขึ้นพร้อมกับยื่นบางอย่างมาให้

“นี่ของเธอ” เธอรับไอแพดจากเขาแบบงงๆ

“ไว้กลับถึงบริษัท ฉันจะคืนให้นะคะ” เธอบอกพลางเปิดไอแพดแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อพบว่ามันคือเครื่องใหม่

“ก็ฉันบอกแล้วว่ามันเป็นของเธอ ถือว่าเป็นเครื่องประจำตำแหน่ง ต่อไปก็ใช้เครื่องนี้แหละ”

“จริงๆ ฉันมีสมุดบันทึกค่ะ แต่เผอิญฉันทำกระเป๋าหาย ตอนนี้แม้แต่มือถือก็ยังไม่มี” เธอบอกด้วยสีหน้าสลด อย่าว่าแต่มือถือหรือกระเป๋าเลย แม้แต่เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้ ยังเป็นของที่เขาเตรียมไว้ให้

“นี่มันสมัยไหนแล้ว เก็บสมุดเธอเอาไว้บันทึกอย่างอื่นเถอะ ถ้าไม่มีอะไรให้บันทึก ก็บันทึกเรื่องของเราก็ได้ เพราะจากนี้ไป ฉันจะมีเรื่องให้เธอบันทึกทุกวัน ส่วนเรื่องกระเป๋ากับโทรศัพท์ ถ้าอยากได้ก็ตามไปเอาแล้วกัน” อา…ดูเหมือนท่านประธานจะมีเรื่องให้เธอแปลกใจอยู่เรื่อย ทั้งท่าทางทั้งคำพูด แต่อะไรก็คงไม่เท่าเรื่องกระเป๋าของเธอ

“เดี๋ยวนะ! กระเป๋าเหรอ แล้วกระเป๋าฉันไปอยู่ที่คุณได้ไง แล้วที่บอกให้ไปเอา เอาที่ไหนคะ”

“อยากรู้ก็ตามมาสิ” จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ทำให้เธอต้องรีบลุกตาม

“แล้วคนที่นัดไว้ล่ะคะ ไหนจะอาหารพวกนั้นอีก” ด้วยช่วงขาที่ยาวกว่า ทำให้เธอต้องจ้ำเร็วๆ

“อุ๊ย!” เธอผงะเซจนเกือบล้ม เมื่อจู่ๆ คนข้างหน้าก็หยุดแล้วก็หันกลับมาแบบไม่บอกไม่กล่าว โชคดีที่แขนยาวๆ ของเขาคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน มิหนำซ้ำยังรั้งจนทำให้ตัวเธอถลามาปะทะอกอีก เธอเงยหน้ามองเจ้าของอก ในขณะที่เจ้าของอกเองก็กำลังก้มมองหน้าหวานๆ ของเลขาคนใหม่เช่นกัน ทั้งคู่ทำราวกับโลกทั้งใบมีกันแค่สองคน กระทั่งเป็นเธอที่รีบผละออกด้วยความประดักประเดิด

“เธอถามถึงคนที่นัดไว้ใช่ไหม ก็อยู่ตรงหน้าฉันนี่แล้วไง” เขาว่าพลางหยักยิ้มมุมปาก

“คะ?” พริบพราวหันมาทำหน้างง แต่เชื่อเถอะว่าครั้งนี้เธอก็ยังไม่ได้คำตอบจากเขาอีกตามเคย มิหนำซ้ำพ่อคุณยังเดินออกไปขึ้นรถหน้าตาเฉย ทำให้หญิงสาวจำต้องวิ่งตามไปอย่างไม่มีทางเลือก

พริบพราวถูกพากลับมายังเพนท์เฮาส์ของเขา ถึงเมื่อเช้าเธอจะตื่นมาด้วยความงุนงง แต่เธอยังจำมันได้ดี จำได้ว่าตัวเองตื่นมาบนเตียงเขาเมื่อเช้านี้

“เอ่อ...! กระเป๋าล่ะคะ” เธอถามทำลายความเงียบ ใช่! เธอกำลังอึดอัดเมื่อเขาเอาแต่นั่งจ้องมา

“ในห้องน่ะ เข้าไปเอาสิ” เธอเม้มปากเลิกลั่กทันทีที่ได้ยิน แต่เมื่อเห็นว่าเขายังคงนั่งเฉยไม่ได้มีท่าทีใดๆ จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องที่เธอจำมันได้ดี

“อยู่ไหนเนี่ย อ้อ! อยู่นี่เอง” หญิงสาวเอื้อมไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนหัวเตียง ประจวบเหมาะกับที่เจ้าของห้องเอื้อมมือมาด้วยเหมือนกัน เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่ทันได้รู้ และเพราะท่านประธานคนใหม่ดันมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เลยทำให้เธอผงะตกใจจนเสียหลักล้มลงบนที่นอน

“ว้าย!” เธอร้องเสียงหลงในขณะที่มือก็คว้าคอเสื้อเขาโดยไม่รู้ตัว ทำให้เขาเองก็ถึงกับเสียหลักล้มทับลงบนตัวเธอ ก็ไม่รู้ว่าด้วยความไม่ตั้งใจหรือมีเจตนาแอบแฝง แต่ปากเขาดันประทับอยู่บนปากเธอแล้ว

“อื้อ!” นัยน์ตาเธอเบิกกว้างพร้อมกับพยายามผลักเขาออก ในขณะที่เขาเพียงดันตัวขึ้นโดยที่ยังคงคร่อมเธอไว้ทั้งตัว

“คะ...คุณจะทำอะไร” เลขาสาวเลิกลั่กนัยน์ตาเบิกกว้าง พลางมองเจ้านายหนุ่มอย่างกล่าวหา

“แค่จะถามว่าของอยู่ครบรึเปล่า” เขาบุ้ยหน้าไปยังกระเป๋าที่ตกอยู่ข้างๆ

“ครบค่ะ” เธอรีบตอบ เพราะคิดว่านั่นจะทำให้เขาผละออกไป

“ไม่ทันดูก็ตอบซะแล้ว ไว้ใจฉันขนาดนั้นเชียว?” เพลิงเลิกคิ้วพลางยิ้มมุมปาก

“ไม่ได้ไว้ใจ แต่ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องตรวจ เพราะในนั้นก็ไม่ได้มีของมีค่าอะไร อีกอย่างคนระดับคุณคงไม่อยากได้อะไรของฉันหรอกมั้ง”

“อืม! ก็จริง เพราะอย่างเดียวที่ฉันอยากได้…คงเป็นเธอ” พริบพราวกัดเม้มริมฝีปาก รู้สึกว่าใจกำลังเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยมาก่อน

“คิดจะเล่นตลกอะไร ทั้งเรื่องเมื่อคืนแล้วไหนจะเรื่องวันนี้อีก ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ” เธอโพล่งออกมาอย่างเหลืออด เมื่อรู้สึกว่าเขากำลังทำประหนึ่งหมาหยอกไก่

“เรื่องอะไรบ้างล่ะ เรื่องที่ฉันพูดเมื่อกี้ เรื่องที่ฉันให้เธอมาเป็นเลขา หรือว่าเรื่องที่เรามีอะไรกันเมื่อคืน” คำพูดลอยหน้าลอยตาของเขาทำเธอกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด ก่อนกลั้นใจถามออกมาในที่สุด

“ตกลง…เมื่อคืนเราสองคนมีอะไรกันแล้วจริงๆ ใช่ไหม”

“ถ้าฉันตอบแล้วเธอจะเชื่อ?” เขาแสร้งหยั่งเชิง แต่เธอกลับตอบกลับมารวดเร็ว

“เชื่อค่ะ” ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบออกไปแบบนั้น แต่เธอก็เชื่อแบบนั้นจริงๆ

“แต่ฉันไม่อยากให้เธอเชื่อ” ไม่พูดเปล่า แต่ชายหนุ่มยังโน้มใบหน้าลงไปใกล้ ในขณะที่เธอทำได้เพียงหลับตาแน่น

“ฮ่าๆๆ น่ารักจัง” เขาหยิกแก้มเธอเบาๆ พลางหัวเราะร่วน ก่อนจะผละมานั่งข้างๆ ทำให้เธอต้องผุดลุกตาม

“งะ...งั้นฉันกลับก่อนนะคะ” เมื่อการอยู่ใกล้เขาอันตรายต่อหัวใจเกินไป เธอจึงลุกขึ้นแล้วค้อมศีรษะให้ แต่แล้วเท้าทั้งคู่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเขาอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel