บทที่ 2
บทที่ 2
“หรือว่าแกโดนวางยา ลองคิดดูนะ แกกินไปแค่แก้วเดียว ไม่มีทางที่จะเมาจนจำอะไรไม่ได้ นอกซะจากว่าแกโดนวางยา ฉันเคยได้ยินว่ายาปลุกเซ็กส์บางตัวถ้าใส่ไม่มาก มันจะทำให้เรามีอารมณ์แบบมึนๆ งงๆ พอตื่นมาก็จะจำอะไรไม่ได้ บ้าเอ๊ย! ไอ้สารเลวนั่นมันคงกะจะทำเรื่องอย่างว่า แล้วชิ่งหนีลอยนวล ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้เลวเอ๊ย!” คิดมาถึงตรงนี้ เจติยาก็โกรธแค้นแทนเพื่อนจนเลือดขึ้นหน้า ในขณะที่พริบพราวเองก็ดูเหมือนจะคล้อยตามในสิ่งที่เพื่อนพูด
“เมื่อคืนก็คนกันเองทั้งนั้น ใครมันจะทำอย่างนั้นวะแก” พริบพราวพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ตัวเองไปฉลองตำแหน่งใหม่ให้กับรุ่นพี่ในแผนก แต่นึกยังไงก็ยังไม่เห็นว่าใครจะน่าสงสัยหรือมีท่าทีอะไรที่พอจะเชื่อมโยง
“คนกันเองนี่แหละที่น่ากลัว ทำเหมือนไม่มีอะไรให้เราตายใจ แต่สุดท้ายก็ร้ายที่สุด แกลองนึกดูดีๆ ว่าเมื่อคืนใครมีท่าทีแปลกๆ หรือคะยั้นคะยอให้แกกินอะไรแปลกๆ บ้าง” เจติยาเขย่าแขนให้เพื่อนลองพยายามอีกครั้ง
“ก็ไม่เห็นมีนะ ทุกอย่างดูปกติ แกเองก็อยู่กับฉันตลอดนี่นา จะมีก็แค่ตอนเดินไปห้องน้ำ เฮ้ย! หรือจะเป็นผู้ชายคนนั้น เอ! แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าเป็นตามที่แกว่า เขาคงไม่นั่งรอจนฉันตื่นแบบนั้นหรอก แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมฉันถึงตื่นมาในห้องเขาล่ะ โอ๊ย! คิดจนหัวจะแตกแล้วเนี่ย” พริบพราวกุมขมับหลังลองพยายามตามที่เพื่อนบอก
“เขา? เขาไหน แกเล่ามาให้ละเอียดเดี๋ยวนี้เลยนะพราว” เจติยาคาดคั้นเสียงเขียว ทำเอาคนพลั้งปากถึงกับหน้าเจื่อน แต่ก็ยอมเล่าให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด
“พราว! แล้วแกแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรแกจริงๆ หา” เจติยาถามเสียงเครียด
“เอาจริงๆ ก็ไม่แน่ใจหรอก โอ๊ย! ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้นเลย ก็คนมันยังไม่เคย จะไปรู้ได้ไงเล่าว่าต้องรู้สึกยังไง หรือแกเคยหายัยเจ” พริบพราวโวยขึ้นเมื่อเพื่อนเอาแต่จ้องคาดคั้น
“อืม! ก็ต้องเคยสิ ฉันไม่เก็บไว้ให้หยากไย่ขึ้นอย่างแกหรอก เอางี้นะ ตอนนี้แกรู้สึกยังไงบ้าง แบบเอ่อ…ตรงนั้นน่ะ รู้สึกเจ็บ แสบ หรืออะไรบ้างไหม ยังไงดีล่ะ คือปุ๋งปิ๋งแกน่ะมีเลือดออกไหม” ในขณะที่คนถามกระอักกระอ่วนจนต้องกลั้นใจถาม คนถูกถามก็ประดักประเดิดจนหน้าเห่อร้อนก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ
“โอเค งั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าแกยังไม่โดนเจาะไข่แดง แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะไอ้เยื่อบางๆ ของแกมันอาจจะขาดไปตั้งแต่ตอนแกเรียนพละแล้วก็ได้ ฉะนั้นเราต้องป้องกันไว้ก่อน แกต้องกินยาคุมเดี๋ยวนี้เลย แกต้องไปซื้อยาคุมกับฉันเดี๋ยวนี้เลย” เจติยาว่าพลางดึงมือเพื่อนให้เดินออกไปด้วยกัน
“เดี๋ยวเจ แกคิดว่าผู้ชายคนนั้นเขาเป็นคนวางยาฉันเหรอ” พริบพราวรั้งแขนเพื่อนพลางถามหน้าเครียด
“ไม่รู้ ตอนนี้เรายังตัดใครออกไปไม่ได้ทั้งนั้น ทุกคนคือผู้ต้องสงสัย ยังไงเราก็ต้องตามหาตัวไอ้สารเลวนั่นให้เจอ แต่ตอนนี้ปัญหาแรกที่เราต้องจัดการก่อนคือตัวแก ถ้าเมื่อคืนแกเกิดโชคร้ายพลาดท่าเสียทีไปแล้ว แกมีโอกาสท้องได้เลยนะเว้ย” พริบพราวหน้าซีดเผือด แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้ออกไป ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อ้าว! พี่พราวพี่เจมาอยู่นี่เอง ตามหาตั้งนานแน่ะ เขาเรียกรวมตัวพนักงานที่ห้องประชุมใหญ่นะพี่” จิตตาน้องในแผนกเดียวกันออกมาตาม ทำเอาสองสาวหันมามองหน้ากันอย่างกำลังคิดหนัก
“รู้ไหมว่าเรื่องอะไร สำคัญมากไหม เอ่อ…ถ้าพี่สองคนไม่เข้าจะเป็นไรไหมอะ” เจติยาหยั่งเชิง
“ก็เปิดตัวท่านประธานคนใหม่น่ะ สำคัญพอไหมพี่ เอาเป็นว่าแล้วแต่พวกพี่แล้วกัน หนูไปละ หนูยังไม่อยากโดนไล่ออก ไปนะพี่” แน่นอนว่าทั้งสองสาวก็ไม่มีใครอยากโดนไล่ออกในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยเหมือนกัน สุดท้ายเลยพากันมานั่งรอท่านประธานคนใหม่อย่างเสียมิได้ กระทั่งการรอคอยสิ้นสุดลง
“โอ๊ย! แกผู้ชายอะไรหล่อวัวตายควายล้ม หล่อน้ำเดินเลยอะแก จากนี้ไปฉันจะขยันมาทำงานทุกวันเลยคอยดูสิ” ดูเหมือนการปรากฏตัวของท่านประธานคนใหม่จะทำให้สาวๆ กระดี๊กระด๊าพากันกระซิบกระซาบด้วยความตื่นเต้นยกใหญ่ พลอยทำให้พริบพราวจำต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วย
“นั่นมัน…” พริบพราวมองชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าตาค้าง ใช่! เขาสง่าผ่าเผยและดึงดูดสายตาได้ไม่ยาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาดันเป็นคนเดียวกับผู้ชายคนเมื่อเช้า ที่สำคัญเขาคนนั้นเพิ่งมาส่งเธอถึงหน้าบริษัทเมื่อเช้านี้ด้วย ให้ตายสิ! นี่มันเรื่องบังเอิญหรืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เธอชักกลัวแล้วนะ
“ผมเพลิง อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าผมจะมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารของ Aurora นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หวังว่าจากนี้ไป…” ดูเหมือนเสียงเข้มๆ กับใบหน้าหล่อเหลาของท่านประธานจะสะกดพนักงานสาวๆ ให้นั่งเคลิ้มไปตามๆ กัน คงมีก็แต่พริบพราวเท่านั้นกระมังที่ยังตกใจและไม่ได้ฟังสิ่งที่ท่านประธานคนใหม่พูดเลยสักนิด
“พราว…พราว เป็นอะไรของแกเนี่ย อึ้งในความหล่อของท่านประธานรึไง ว่าแต่เมื่อกี้ทำไมแกทำท่าเหมือนรู้จักเขามาก่อนเลย” เจติยาสะกิดเรียกเพื่อนซ้ำๆ เมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนจะชะงักนิ่งไป
“ก็เพิ่งรู้จักเมื่อเช้านี่แหละ” พริบพราวครางตอบเพื่อนเบาๆ ทำเอาเจติยาขมวดคิ้วมุ่น
“เมื่อเช้าเหรอ อย่าบอกนะว่าเขาคือ…” เจติยามองหน้าเพื่อนตาโต หลังได้ทบทวนคำพูดเพื่อนดีๆ
“อืม! ผู้ชายคนนั้น นั่นแหละเขา โอย! ฉันอยากจะบ้าตาย เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันวะเนี่ย” พริบพราวตอบพลางกุมขมับ
“โอ๊ย! ถ้าหล่องานดีมีเงินให้ถลุงขนาดนี้ก็ไม่ต้องกินแล้วก็ได้มั้งยาคุมเนี่ย” เจติยาแสร้งอำเล่น แต่คนถูกอำกลับไม่ตลกด้วย มิหนำซ้ำยังหันขวับมามองตาขวาง
“โอเคๆ ฉันล้อเล่น เสร็จจากนี้รีบไปซื้อกันเลยเนอะ” เจติยายกมือยอมแพ้ แต่ระหว่างที่สองสาวกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น จู่ๆ ท่านประธานก็โพล่งชื่อเธอออกมา
“พริบพราว ตามไปพบผมที่ห้องด้วย” ท่านประธานที่กำลังจะเดินออกจากห้องหันมาสั่งเสียงเข้ม ทำเอาทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องที่พริบพราวเป็นตาเดียว
“ฉะ...ฉันเหรอคะ” เธอชี้มาที่ตัวเองพลางทำหน้าเหลอ
“ในห้องนี้มีคนชื่อพริบพราวอีกรึไง” เจ้าของชื่อถึงกับทำหน้าม้านทันทีกับคำพูดยียวนของท่านประธาน
“ค่ะ” เธอกระแทกเสียงลงไปอย่างเสียมิได้
“อ้อ! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณคือ…เลขาผม” สิ้นเสียงท่านประธานคนใหม่ก็เดินจากไป ทำเอาพริบพราวหน้าเหลอแล้วเหลออีก เมื่อทุกคนต่างพุ่งเป้ามามองที่เธอ บ้างก็หันมาถามด้วยความอยากรู้ บ้างก็ซุบซิบนินทาด้วยความอิจฉา จนเธอร่ำๆ จะร้องไห้ออกมา ยังดีที่มีเจติยาอยู่ข้างๆ
“รีบไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง” เจติยาดึงเพื่อนให้ออกไปจากความวุ่นวาย
“แต่ฉัน…” เธอทำหน้าลำบากใจ ยิ่งได้เห็นว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ใกล้ตัว เธอก็ยิ่งอยากจัดการเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จสิ้น
“เรื่องยาไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการให้” เจติยาเหมือนจะรู้ใจเพื่อน จึงรีบกระซิบบอก ทำให้เธอวางใจแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นโดยเร็ว
