EP 1 | เอาตัวเข้าแลก
เทมป์ เซบาสเตียน เวรอน วัย 24 ปี ทายาทคนเดียวของเวย์ริกอินเตอร์เนชันแนล บริษัทรับออกแบบและผลิตเว็บไซต์แบบครบวงจรชื่อดังในฮ่องกง เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรยืนทอดสายตามองทิวทัศน์ยามราตรีผ่านความใสของผนังกระจกที่สูงจากพื้นจรดเพดาน
มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวหมด ส่วนมืออีกข้างถูกสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง เขาจมอยู่กับความคิดมากมายเพียงลำพัง
ติ๊ด!
เสียงเครื่องทาบบัตรปลดล็อกประตูดังขึ้นทำให้คนที่กำลังเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์ ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจเขาคิดเอาไว้แล้วว่ายังไงเธอก็ต้องมา
ชาร์ลอต เกรย์ เมธานนท์ วัย 26 ปี นางร้ายดาวรุ่งของเมืองไทยและเธอยังเป็นทายาทคนเดียวของเอชเอสพลัสเอนเตอร์เทนเมนท์ บริษัทผลิตรายการและวิดีโอยักษ์ใหญ่สาวเท้ายาวๆ อย่างเร่งรีบไปยังเจ้าของเพนท์เฮ้าส์
ผู้ที่เพิ่งมาถึงกวาดสายตาสำรวจทั่วบริเวณห้องก่อนจะจ้องมองไปยังแผ่นหลังกว้างที่เคยให้ความรู้สึกอบอุ่นน่าพึ่งพิงสำหรับเธอแต่ตอนนี้มันเป็นอดีตไปแล้ว
“คุณทำแบบนี้ทำไม”
ชาร์ลอตสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม ร่างสูงที่หันหลังให้เธอหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ทำอะไร”
“ก็ที่คุณกวาดซื้อหุ้นบริษัทของแม่ฉันจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คุณต้องการจะทำอะไรกันแน่!”
เจ้าของห้องไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามสีหน้าของเขาเฉยเมยไร้ความรู้สึกสายตาที่จ้องมองเธอเย็นชาราวกับน้ำแข็งในขณะที่คนถามกลับกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อไหล่ของเธอสั่นเทาด้วยความโกรธจนควบคุมไม่อยู่
เทมป์ไล่สายตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา รูปร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งดูเซ็กซี่ยั่วยวนบวกกับรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่ยิ่งส่งผลในเรือนร่างของเธอเพรียวระหงยิ่งขึ้น
“ฉันถาม! ไม่ได้ยินหรือไง”
ยิ่งเขาแสดงท่าทางเฉยชาเธอก็ยิ่งโมโหใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยแรงโทสะ ‘ไม่อยากจะเชื่อ’ เป็นคำที่เธอพร่ำพูดกับตัวเองเป็นพันๆ รอบเมื่อได้กลับมาเจอกับเขาอีกครั้ง
‘ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้’
“ฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะอยู่ในสถานะที่สามารถขึ้นเสียงกับฉันได้นะ”
เทมป์พูดพร้อมสืบเท้าเข้าประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วเล่นเอาคนตัวเล็กผงะถอยหลังจนเกือบจะเซถลาล้มลงถ้าไม่คว้าพนักพิงโซฟาเอาไว้เสียก่อน
นอกจากเขาไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเธอแล้วยังมองคนตัวเล็กด้วยสายตาเยาะเย้ยจนเธอต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มความโกรธที่กำลังจะปะทุออกมา
“ฉันรู้นะว่าคุณโกรธฉัน เกลียดฉันแต่ครอบครัวของฉันไม่เกี่ยว”
“หึ! แล้วไง”
“แล้วไง? ถ้าคุณโกรธฉันเกลียดฉันก็มาเอาคืนกับฉันสิ!”
“ฉันก็ไม่ได้ไปเอาคืนกับคนอื่น”
เทมป์พูดอย่างลอยหน้าลอยตาจนชาร์ลอตอยากจะกางนิ้วขึ้นข่วนใบหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างของเขาให้เป็นรอยสักสองแผล
ยิ่งเธอพยายามพูดก็ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้สนใจฟังกันเลยสักนิด เขาเอาแต่ยียวนกวนประสาทจนชาร์ลอตได้ยินเสียงขาดผึงของอารมณ์ข้างในใจ
“คุณต้องการให้ฉันทำอะไรพูดออกมาเลยดีกว่า”
“ฉันเหรอ? ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากเธอ”
เทมป์เดินไปทิ้งตัวบนโซฟาก่อนจะยกเท้าขึ้นมาวางบนโต๊ะกลมข้างหน้าอย่างไร้มารยาท
ตั้งแต่เกิดมาชาร์ลอตไม่เคยต้องใช้ความอดทนขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ติดว่าตอนนี้บริษัทของแม่เธอตกอยู่ในกำมือของเขา เธอคงเลือกที่จะเข้าไปตบหน้าเขาสักฉาด
ร่างบางเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตามุ่งมั่น แม้ว่าตอนนี้เขาจะนั่งอยู่แต่ส่วนสูงกลับไม่ต่างไปจากเธอสักเท่าไหร่
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษกับทุกอย่างที่เคยทำกับคุณ ช่วยเลิกยุ่งกับครอบครัวฉันได้มั้ย”
ความสั่นเครืออ่อนไหวเจืออยู่ในน้ำเสียงเธอกัดริมฝีปากแน่นขณะพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา
“ถ้ามัวแต่ให้อภัยแล้วเมื่อไหร่จะได้เอาคืนผู้หญิงอย่างเธอ”
เทมป์พูดเสียงต่ำพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ดวงตาคู่สวยที่เขาเคยหลงใหลมันและเป็นดวงตาคู่เดียวกันที่เคยมองเขาราวกับเป็นหมาข้างถนนตัวหนึ่ง
ชาร์ลอตยืนตัวแข็งราวกับถูกสาปเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอเคยทำเอาไว้มันทำร้ายเขาอย่างสาหัสแต่เธอเองก็เจ็บไม่ต่างกันและมันยังเป็นความเจ็บปวดที่เธอไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้เลย
“จริงๆ ก็พอจะมีทางอยู่บ้าง”
คนถือไพ่เหนือกว่าลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายจนเธอหล่นลงนั่งบนโซฟาแทน
แขนแกร่งยื่นไปจับพนักพิงเอาไว้พร้อมกับมืออีกข้างบีบเข้าที่แก้มนวลเบาๆ เพื่อบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น
“ลองเอาตัวเธอเข้าแลกสิ”
“ห๊ะ...”
คำอุทานที่แทบจะไม่ได้ยินเสียงด้วยซ้ำหลุดออกมาจากปากของชาร์ลอต เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่เขาพูดมามันคือทางออกของเรื่องนี้จริงๆ
เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลที่มืดสนิทราวกับอยากจะค้นหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นและเมื่อไม่เจอมันเธอจึงตัดสินใจกัดฟันสู้
“ถ้าฉันทำตามข้อเสนอ คุณจะยอมจบเรื่องนี้ใช่มั้ย”
“หึ! คงเป็นเรื่องที่เธอถนัดจริงๆ สินะ”
เทมป์สะบัดมือทิ้งอย่างไร้เยื่อใย แววตาและน้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความรังเกียจในตัวเธออย่างชัดเจน ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าระยะเวลาหกปีจะทำให้เธอเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“ถ้าเคยทำมาเยอะแล้วคุณจะเรียกว่าเรื่องถนัด ฉันก็ไม่ติด”
ในเมื่อเขาไม่คิดจะอ่อนข้อให้เธอแถมยังแสดงท่าทางราวกับทนใช้อากาศหายใจร่วมกับเธอไม่ได้แม้เสี้ยววินาที เธอก็พร้อมจะเปิดศึกฟาดฟันกับเขา
“รีบขึ้นเตียงกันเลยสิ เรื่องจะได้จบ...ว้าย!”
ชาร์ลอตพูดพลางลุกขึ้นยืนแต่ไม่ทันจะตั้งตัวมือหนาก็ผลักไหล่เธอจนหงายหลังลงบนโซฟาอีกครั้ง
“ทำตรงนี้แหละ ฉันไม่อยากให้เตียงนอนสกปรก”
ร่างบางรู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หัวใจของเธอคล้ายถูกโบยตีแค่หายใจเข้าก็เจ็บร้าวไปทั้งอก
“เอาสิ!”
มือเรียวพูดพร้อมปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ ผิวขาวนวลและสองเต้าอวบอิ่มปรากฏต่อสายตาชายหนุ่ม
“เธอแมร่ง!”
น้ำเสียงเย็นชาเข้มขึ้นก่อนที่เทมป์จะกระชากข้อมือทั้งสองข้างของคนตัวเล็กส่งผลให้กระดุมสองเม็ดสุดท้ายกระเด็นหลุดออกไปตามแรง
“หยุดทำไมล่ะ ทำสิ”
เขาพ่นลมหายใจอย่างสุดจะทน นิสัยชอบเอาชนะอยากได้อะไรก็ต้องได้ของเธอมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ
“หรือว่าคุณกลัว”
“อย่างเธอ...มีอะไรให้กลัว”
ไม่ใช่แค่น้ำเสียงของเขาแต่สายตาที่ใช้มองเธอนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้รู้สึกกลัวเธอเลยสักนิด
“กลัวใจไง กลัวว่าคุณติดใจฉัน กลัวว่าคุณจะหลงรักฉันเหมือนมะ..อื้อ!”
พูดได้เพียงแค่นั้นเสียงของเธอก็ถูกกลืนหายไปด้วยริมฝีปากหนา โพรงปากไวสัมผัสถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง
เทมป์กัดเข้าที่ริมฝีปากล่างของเธอเมื่อไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธออ้าปากร้องสอดลิ้นอุ่นรุกรานเข้าไปในโพรงปาก
“ไอ้...อื้อ”
ไม่ว่าเธอจะหันหน้าหนีไปทางไหนเขาก็ไล่ตามไปช่วงชิงลมหายใจของเธอทุกครั้ง เทมป์รวบข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวส่วนมือหนาอีกข้างเลื่อนลงมาบีบเค้นที่เต้าอิ่มอย่างแรงจนผิวขาวนวลปรากฏรอยริ้วสีแดง
“หึ!”
จู่ๆ เทมป์ก็ผลักออกแล้วหยุดการกระทำไว้เพียงแค่นั้น มือหนาล่วงเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะโยนกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสใส่ศีรษะของหญิงสาวที่ยังคงนั่งอึ้งอยู่
“พกไว้บ้างนะถ้าจะง่ายขนาดนี้”
