บท
ตั้งค่า

EP02 ชายอ้วนและเด็กสาว

ชายผมดำที่อยู่ในชุดขาดๆ ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ทันทีที่ทัศนวิสัยชัดเจนเขาก็พบว่าเขาอยู่ในห้องที่ดูทรุดโทรมและเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว เขาค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ ที่นี่นอกจากความเก่าและทรุดโทรมทุกอย่างดูสะอาดตาถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย มันยังมีขนมปังที่ราดด้วยน้ำเชื่อมที่น่ารับประทานกับนมถูกวางไว้ข้างๆ ทันทีที่เห็นท้องของเขาก็ร้องควรคราง แต่เขาก็ไม่ได้คว้ามันมาดื่มกินในทันที เขายังคงมองไปรอบๆ ก่อนจะพบเข้ากับ เด็กสาว ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตาสีฟ้าครามสดใส ใบหน้ารูปไข่ปากและจมูกเข้ารูป พร้อมกับผมยาวสีน้ำตาล ทำให้เธอดูเป็นเด็กที่ร่าเริงและสดใส

"ตื่นแล้วมีอาการผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าคะ? "หลังจากได้ยินชายหนุ่มส่ายหัวเป็นเชิงตอบก่อนจะถามกลับไปว่า

"ผมอยู่ที่ไหน? "

"ที่นี่คือเมือง Brighton (ไบรตัน) "หลังจากได้ยินคาเรย์ก็พยายามทบทวนความทรงจำแต่เขากับพบว่าเจ้าของร่างเก่านี้เป็นพวกสมองกล้ามโดยแท้ แทบไม่มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับดินแดนหรือเมืองอื่นๆ นอกจากเมืองที่ตัวเองอยู่เลย

เมื่อไม่มีข้อมูลคาเรย์ก็ได้แต่ลุกขึ้นและโค้งตัวให้เด็กสาวเล็กน้อยก่อนจะกล่าว

"ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะครับ"หญิงสาวรีบโบกมือปฏิเสธ

"ไม่ใช่ฉันหลอกค่ะ แต่เป็นพี่ชายฉันต่างหาก"หลังจากได้ฟังคาเรย์ก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

"ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดีที่ช่วยดูแล"หญิงสาวยิ้มรับและเดินไปทางโต๊ะที่มีขนมปังและนมเธอยกมาด้านหน้าคาเรย์

"คุณคงหิวแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรมากหวังว่าคุณคงทานได้"

"ไม่หรอกครับ มันน่าทานมาก"คาเรย์รับถาดอาหารมาและรับประทานมันอย่างเรียบร้อยไม่ได้มีท่าทีรีบร้อน หรือเสียมารยาทออกมาเลยแม้ว่าตัวเขาจะหิวแค่ไหน

หญิงสาวที่เห็นว่าคาเรย์กินขนมของเธอและไม่ได้ติออกมาเธอรู้สึกโล่งใจ เธอยังเป็นกังวลว่าขนมที่เธอทำขึ้นจะไม่ถูกปากคนอื่น เธอนั่งรอจนคาเรย์กินเสร็จและยื่นน้ำให้กับเขาอีกแก้ว

"รบกวนพวกคุณมากไปแล้ว ผมคาเรย์ ไม่ทราบว่าคุณพอจะบอกชื่อของคุณและพี่คุณให้ผมทราบได้ไหม? วันหน้าผมจะได้ตอบแทนผู้มีพระคุณได้ถูก"

"คุณอย่าคิดมากเลย พวกฉันไม่เคยหวังอะไรตอบแทนจากการช่วยเหลือคนที่ตกที่นั่งลำบาก ฉัน ลาน่า ส่วนพี่ฉัน ชื่อบาร์เรต"

"ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดีครับ ผมอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกสักหน่อยไม่ทราบว่าคุณจะพอนำทางได้ไหม?

"ได้สิคะ แต่สภาพร่างกายคุณ? "

ไม่เป็นอะไรแล้วละครับ ได้ทานขนมปังแสนอร่อยก็ทำให้มีแรงขึ้นมามากแล้ว"เด็กสาวรู้สึกดีใจ เธอไม่ค่อยได้มีโอกาสทำขนมให้ใครทานนอกจากพี่ของเธอ การที่มีคนอื่นมาชื่นชมทำให้เธอรู้สึกดีเป็นอย่างมาก จนยิ้มออกมาและเดินน้ำทางคาเรย์ ไป

"งั้นทางนี้เลยค่ะ"

หลังจากออกมาจากห้องคาเรย์ พบว่าที่นี่เป็นบ้านขนาดใหญ่เลยทีเดียวและเขาก็อยู่บนชั้นสอง เมื่อเดินตามทางมาเรื่อยจะพบว่าบ้านหลังนี้มีร่องรอยของการตกแต่งและวางเครื่องประดับบ้านไว้อย่างหรูหราแต่บัดนี้มันเหลือเพียงทางเดินที่ว่างเปล่าหลังจากลงมาจากชั้นสองก็พบห้องโถงกว้างแต่มันกลับกลายเป็นที่กองสุมกันของอุปกรณ์เวทมนต์ที่ใช้กันตามบ้านเรือนมากมาย

จนผ่านออกมาจากประตู สายตาของคาเรย์ค่อยๆ ปรับแสง จนสามารถมองได้อย่างชัดเจน เขาพบว่ารอบด้านของเขาเต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง ต่างๆ มากมาย ทว่ามันกับถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้รากไม้ ราวกับว่าพวกมันถูกธรรมชาติกลืนกิน

คาเรย์ แอบระบุชื่อเมืองในช่องค้นหาข้อมูลของเครือข่าย Magic Heart (หัวใจเวทมนต์) ในหน้าต่างระบบสร้างอัจฉริยะ และพบว่า เมืองนี้เป็นเมืองชายขอบของจักรวรรดิ Sapphire ที่ติดชายทะเล ทว่ามันกับโดนเหล่ามอนสเตอร์ บุกจู่โจมทั้งทางบกและทางทะเล ทำให้เมืองได้รับความเสียหายอยู่บ่อยครั้งผู้คนก็ต่างพากันอพยพย้ายถิ่นฐานกันไปเกือบหมด ทำให้เมืองนี้ถูกทิ้งร่าง และกลายเป็นที่อยู่สำหรับคนชนชั้นล่าง อย่างชั้น D และ C ที่ทนการกดขี่จากพวกชนชั้นกลาง และชั้นสูงไม่ไหวพากันมาอยู่ และสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกสำหรับเมืองนี้ ตราบใดที่ไม่มี นักรบเวทระดับนักรบ อยู่ในเมือง

ก็จะไม่มีการโจมตีจาก มอนสเตอร์ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่คอยปกป้องเมืองนี้ไว้ หลังจากนั้นเสียงของเด็กสาวก็ฉุดคาเรย์ออกจากภวังค์ความคิด

"เมืองนี้ค่อนข้างทรุดโทรมและมีผู้คนอยู่กันน้อย ผิดกับเมือง Waldo (วัลโด้) ที่มีความเจริญรุ่งเรืองกว่ามาก"

"แล้วพวกคุณทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่เมือง วัลโด้ ละครับ"

"ฉันและพี่เกิดและเติบโตที่นี่ มันมีความทรงจำของพวกเรามากมายอยู่"เด็กสาวหยุดพูดไปสักพักเหมือนกำลังลังเลอยู่แล้วจึงตัดสินใจพูดต่อ

"ที่จริงแล้วมันก็มีอีกเหตุผล นั่นเพราะฉันคล้ายกับคนที่โดนคำสาป เมื่อไรที่ฉันออกไปนอกอาณาเขตของเมืองนี้เกิน 24 ชั่วโมง ตัวฉันจะค่อยๆ กลายเป็นต้นไม้ ทำให้พี่ต้องอยู่ดูแลฉันที่นี่"หลังจากเด็กสาวเล่าเธอก็แอบมองไปทางคาเรย์ว่าเขามีท่าทีอย่างไร แต่เธอต้องแปลกใจเมื่อชายหนุ่มคนนี้กับพูดขึ้นมาว่า

"มันไม่มีคำสาปไหนที่แก้ไม่ได้หรอก อยู่ที่เราจะเจอต้นตอหรือสาเหตุของมันไหมเท่านั้น? "คำพูดของคาเรย์นั้นเป็นความจริง ตัวเขาถึงจะถูกผนึกความรู้แต่ความรู้โดยทั่วไปและสัญชาตญาณของเขาก็เหนือกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า ทว่าการจะหาสาเหตุหรือต้นต่อของมันกับไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างงั้น

คาเรย์รู้สึกนับถือในความอดทนของเด็กสาวแม้ว่าเธอจะรู้ตัวว่าตนเองถูกจองจำอยู่ ณ เมืองที่ทรุดโทรมและใกล้เป็นเมืองร้างเข้าไปเต็มที แต่เธอก็ยังสดใส่และร่าเริง พยามใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขให้มากที่สุด

มองย้อนกลับมาที่ตัวเขาเอง เขาสามารถกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งเขาควรที่จะทำอะไร แก้แค้น ต้องแก้แค้นสิ่งใด ในเมื่อนี่มันคล้ายกับว่าเขาถูกส่งมายังจักรวาลที่คล้ายกับคู่ขนานกับจักรวาลเก่าของเขา

เขาควรจะใช้ชีวิตอย่างไร หาความสุขในแบบที่ตนเองไม่เคยได้ทำมันก็ฟังดูไม่เลวทว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับใคร และเขาจะสามารถคุยกับใครแบบเพื่อนได้ในเมื่อตัวเขาก็มีอายุไม่ใช่น้อยแถมความคิดความอ่านของเขายังไม่เหมือนกับคนปกติอีกด้วย คาเรย์ ได้แต่ส่ายหัวไล่ความคิดนั้นออกไป และตั้งเป้าเอาความทรงจำด้านความรู้ของเขากลับมาก่อน แต่การจะเอาความรู้ของเขากลับมานี่มันต้องทำให้ตัวเองโด่งดังและเป็นจุดสนใจ ทำให้เขารู้สึกว่ามันช่างน่ารำคาญ แต่การที่มีพลังแต่ไม่แสดงออกมามันก็ไม่ใช่นิสัยของเขาเสียด้วย

คาเรย์ตามเด็กสาวมายังส่วนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้แปลกประหลาดแต่มันก็สวยงามเป็นอย่างมาก เด็กสาวดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เธอหยิบอุปกรณ์รดน้ำ และดูแลดอกไม้ของเธอ

จากที่คาเรย์สังเกตเด็กสาวแทบไม่รู้ตัวเลยว่าต้นไม้และดอกไม้เหล่านี้มีการตอบสนองกับอารมณ์ของเธออย่างชัดเจน ซึ่งคนทั่วไปอาจมองว่าการเคลื่อนไหวของต้นไม้เหล่านี้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วมันกำลังให้ความสนใจไปทางเด็กสาว

แต่ว่าคาเรย์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาเลือกที่จะชื่นชมไปกับบรรยากาศมากกว่าจนเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เด็กสาวก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเพลิดเพลินไปกับการดูแลส่วนสาระจนลืมเวลาและชายหนุ่ม

คาเรย์ที่นั่งมองและสำรวจการเคลื่อนไหวของธรรมชาติรอบอย่างสนใจ และใฝ่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุ แต่ดูเหมือนว่าพลังของเขายังไม่เพียงพอ

"ขอโทษนะคะ ฉันมักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่เข้ามาในสวน จนพี่ต้องมาตาม"

"ไม่เป็นไรครับ"

"เรากลับกันเถอะค่ะ"หลังจากที่หญิงสาวพูดคาเรย์ก็พยักหน้าและลุกขึ้นเดินตามเด็กสาวที่เดินนำออกไป ทันทีที่มาถึงหน้าประตู พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ราวกับมีมอนสเตอร์ วิ่งจู่โจมเข้ามา คาเรย์ที่มองไปทางเด็กสาวเธอที่ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ ทำให้เขายังคงสงบไม่เคลื่อนไหวใดๆ

พลันประตูเปิดออก มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมา มันมีร่างกายที่ใหญ่โตราวกับหมีแต่ภาพที่เห็นต่อจากนั้นทำให้คาเรย์แทบอยากจะเอามือกุมศีรษะ

ชายหนุ่มที่มีร่างสูงใหญ่กว่า 2 เมตร แต่เขากับไม่ได้ดูกำยำล่ำสัน แต่ดูเหมือนหมียักษ์ที่เอาแต่กินและนอน ชายร่างใหญ่คนนี้กำลังกอดเด็กสาวไว้และร้องไห้ออกมา

"น้อง น้อง กลับมาแล้ว พี่เคยบอกน้องแล้วใช่ไหมอย่าออกไปไหนคนเดียว แล้วเจ้าหมอนั่นมัน มัน มัน ไม่ได้ทำอะไรน้องใช่ไหม? "

"พี่ค่ะ นู๋ไม่ได้ไปไหนคนเดียว แล้วเจ้าหมอนั่นที่พี่ถามถึงก็อยู่ข้างหลังนู๋"พอได้ฟังคำพูดของเด็กสาวชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและมองไปทางด้านหนัง เขาเห็นคาเรย์กำลังยิ้มและโบกมือให้เขา ทำให้เขารู้สึกอับอายจนต้องรีบลุกขึ้น และวางมาดเข้มทั้งๆ ที่ตัวเองยังมีน้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้างอยู่

"นายฟื้นตัวก็ดีแล้ว? "หลังจากได้ยินคำถามคาเรย์สำรวจท่าทางของชายอ้วนคนนี้ คาเรย์ก็รู้ได้ว่าเขามีนิสัยที่อ่อนโยน แถมยังอ่อนไหวง่ายผิดกับรูปร่างของเขา ก่อนจะตอบกลับไปพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อย

"ใช่ครับ ขอบคุณที่ช่วยเหลือ"ชายหนุ่มเหมือนกับว่าจะไม่รู้จักเก็บอาการ เขารู้สึกเก้อเขินจึงหันหลังและรีบพูดขึ้นพร้อมกับโบกมืออันอวบอ้วนไปมา

"ไม่เป็นไร เราเข้าไปข้างในกันดีกว่านะ"

เมื่อเข้ามาก็ชายอ้วนก็ให้พวกเขาไปรอที่โต๊ะอาหาร ก่อนที่เขาจะหายไปแล้วกลับมาพร้อมกับอาหาร เด็กสาวเข้าช่วยตักพวกมันใส่จาน ซึ่งมันเป็นซุบและขนมปังง่ายๆ แต่กลิ่นของมันก็หอมชวนให้น้ำลายไหล หลังจากรับประทานอาหารเสร็จชายร่างอ้วนก็เข้าประเด็นเรื่องของคาเรย์

"แล้วนายจะเอายังไงต่อไป ที่นี่ไม่สามารถที่จะให้นายอยู่ฟรีๆ ได้หลอกนะ"หลังจากได้ฟังคำพูดของชายอ้วนเหมือนเด็กสาวจะรู้สึกว่าพี่ตัวเองกำลังพูดไม่รักษาน้ำใจเกินไปทำให้เธออยากจะหยุดเขา

"พี่"แต่เธอก็ถูกห้ามไว้จากคาเรย์ที่ส่ายหัวเป็นเชิงไม่ให้เธออย่าพูด

"นายมีความสามารถด้านเทคโนโลยีเวทมนต์บ้างไหม ฉันกำลังขาดลูกมือ"พอได้ฟังคำพูดของพี่ชายตนเองต่อมาทำให้เธอรู้สึกโล่งใจที่พี่ของเธอยังคงไม่ได้แล้งน้ำใจ

"ก็มีความรู้อยู่บ้าง"

"งั้นก็ดีเลย คืนนี้นายมาช่วยฉัน"

"ได้ ฉันก็ไม่ชอบกินฟรีอยู่ฟรีๆ อยู่แล้ว"

"งั้นก็ต้องทดสอบความสามารถของนานสักหน่อย ตามฉันมา"แล้วชายร่างอ้วนก็เดินนำออกไป พอเดินมาถึงคาเรย์ก็รู้สึกว่าไม่ได้ผิดคาด ในความคิดของเขาชายร่างอ้วนคนนี้กับยังไม่ได้ไว้ใจเขาขนาดนั้นและยังจะทดสอบเขาด้วยการที่ให้เขาซ่อมเครื่องใช้เวทมนต์ในบ้านที่เสียหายหนักเหล่านี้ซึ่งแม้แต่ตัวชายอ้วนเองยังนำมันมากองทิ้งไว้ เหมือนกำลังสื่อออกมาว่า ฉันไม่ต้องการให้นายอยู่ที่นี่ แล้วชายอ้วนก็ชี้ไปทางห้องเครื่องมือ

"นายสามารถใช้เครื่องมือในนั้นได้ แค่ซ่อมให้ได้สัก 10 ตัวก่อนเช้าก็พอ"

"ตกลง"คาเรย์ไม่ได้คิดจะโต้แย้งใดๆ กับการกระทำของชายอ้วนคนนี้เพราะมันไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างคาเรย์อีกทั้งเขายังมีน้องสาว ที่มักจะอยู่ตัวคนเดียวบ่อยๆ การไม่สร้างความโกรธแค้นโดยการผลักไสโดยตรงๆก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่จะไม่สร้างความโกรธเคืองให้กับคาเรย์

คาเรย์เริ่มสำรวจเครื่องมือ และพบว่าปัญหาส่วนใหญ่ของอุปกรณ์เหล่านี้ก็คือความเสียหายที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของอักขระเวทมนต์ ในสร้างวงจรเวทมนต์และดูเหมือนชายอ้วนจะไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้นัก เพราะมันต้องอาศัยความเข้าใจหลักการทำงานของอักขระที่จารึกเป็นวงจรเวทมนต์ ซึ่งสิ่งของที่ผลิตมาในแต่ละบริษัทต่างก็รักษาความลับเกี่ยวกับจารึกอักขระในวงจรเวทมนต์ของพวกเขาไว้เป็นอย่างดี

คาเรย์สำรวจอุปกรณ์ต่างๆ และเลือกมามากกว่า สิบชิ้น เขาถอดชิ้นส่วนของพวกมันออก อย่างช้าๆ เพราะว่าเขาไม่คุ้นชินกับอุปกรณ์ของเจ้าอ้วนนัก แต่เขาก็ถอดมันได้อย่างคล่องแคล่ว และจัดเรียงมันอย่างเป็นระเบียบ จนทำให้เจ้าอ้วนแปลกใจ จนต้องไปหาเก้าอี้มานั่งดูการทำงานของคาเรย์

ยิ่งเจ้าอ้วนดูมากขึ้นเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกว่า วิธีการของคาเรย์มันแปลกใหม่และยังรวดเร็วกว่าเขาทั้งๆ ที่เป็นเครื่องมือของเขาเองเขายังใช้ไม่คล่องแคล่วแบบชายหนุ่มตรงหน้า แต่ด้วยอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานทำให้ชายหนุ่มร่างอ้วนหลับไป หลังจากนั้นเด็กสาวก็นำผ้าห่มมาห่มให้พี่ชายของเธอแล้วก็นำน้ำมาวางให้คาเรย์ และไม่ได้รบกวนการทำงานของคาเรย์

คาเรย์ที่หมกมุ่นกับงานอยู่เขารับรู้ได้ถึงการกระทำของเด็กสาวและแอบชื่นชมเธอภายในใจ คาเรย์ทำงานต่อจนถึงขั้นตอนสำคัญนั่นคือการจารึกอักขระลงไปใหม่ถ้าชายร่างอ้วนมาเห็นการกระทำของคาเรย์ เขาต้องคิดว่าคาเรย์นั่นสติไม่ดีเป็นแน่ เพราะการวางอักขระที่ผิดหรือดัดแปลงมันจากของเดิมอาจเสียงให้เกิดการกระตุ้นบทเวทมนต์ทำลายตัวเองของอุปกรณ์ชิ้นนั้นได้

ทว่าคาเรย์ทำมันอย่างไม่ใส่ใจนัก แสงสีทองสว่างออกมาจากวงจรเวทมนต์แสดงให้รู้ว่ามันเชื่อมต่อกันโดยสมบูรณ์และไม่มีอะไรผิดพลาด แล้วเขาก็เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ชำรุดโดยเทียบกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นทำการดัดแปลงอีกเล็กน้อย งานที่ได้รับมาก็เสร็จไปอย่างรวดเร็ว

คาเรย์ใช้เวลาที่เหลือไปกับการซ่อมอุปกรณ์สื่อสารรูปแบบนาฬิกาข้อมือ เขาดัดแปลงมันจนภายในไม่ได้มีอักขระหรือวงจรเดิมอยู่เลย เพื่อป้องกันการเจาะระบบของเหล่า Hacker เวทมนตร์ และเผื่อเป็นการปกปิดและกลบเกลื่อนเวลาเขาหาข้อมูลจาก หน้าต่างระบบสร้างอัจฉริยะ และยังเป็นอุปกรณ์ถ่ายทำสิ่งต่างที่จะทำให้เขามีผู้ติดตามในระบบ เครือค่ายหัวใจเวทมนต์

หลังจากเสร็จเรียบร้อยมันก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางแล้วคาเรย์จึงเลือกมุมหนึ่งของห้องโถงและนั่งหลับอยู่ตรงนั้น

แสงตะวันสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบกับใบหน้าอันอวบอ้วนของชายหนุ่มที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ ทำให้เขาค่อยๆ รู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสภาพงัวเงียสายตาค่อยปรับภาพชัดเจนขึ้น และเขาเริ่มมองหาคาเรย์แต่ไม่พบ เขานึกถึงน้องสาว ขึ้นมาทำให้เขารู้สึกใจหายที่เขาเผลอหลับชายหนุ่มคนนั้นอาจจะไปทำอะไรน้องสาวเขาก็เป็นได้ เขาผุดลุกขึ้นและเตรียมจะออกวิ่ง

ทว่าสายตาของเขากับสะดุดเขากับอุปกรณ์ 10 ชิ้นที่เรียงรายอยู่ ด้วยความสงสัยชายอ้วนก้มหยิบมันขึ้นมาและลองเปิดใช้งานปรากฏว่ามันกับทำงานได้

"นี่"ชายอ้วนรู้สึกเหมือนกับว่าหัวเขาเพิ่งถูกตีด้วยท่อนไม้อย่างแรง ตัวเขารู้สึกมึนงง แต่ก็ยังคงหยิบอุปกรณ์เหล่านั้นขึ้นมาทดลอง

"นี่ก็ด้วย"

"นี่อีก"

"เป็นไปได้ไง"

"มันไม่น่าซ่อมได้"

"มหัศจรรย์เกินไปแล้ว"

คำอุทานมากมายถูกพูดออกและเสียงของมันค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คาเรย์ที่หลับอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาและมองการกระทำของชายอ้วนที่หยิบของที่เขาซ่อมแซมสลับกันไปมา ราวกับเขากำลังเลือกสมบัติล้ำค่า

ภายในหัวของชายอ้วนกำลังนึกถึงงานที่เขาได้กำลังถูกบังคับให้ทำอยู่ ถึงเขาจะดูเหมือนมีอิสระแต่ทว่าพวกเขากับมีคนคอยติดตามดูอยู่ตลอด ถ้าชายหนุ่มคนนี้สามารถช่วยเขาได้เขาก็จะหลุดพ้นจากคนพวกนั้น

คาเรย์เลิกสนใจชายอ้วนก่อนที่จะลุกขึ้นและบิดขี้เกียจเล็กน้อย ทำให้ชายอ้วนรู้สึกตัวว่ายังมีคนอื่นอยู่ตรงนี้และเขาก็รีบสำรวมท่าทางของเขา และทำท่าเคร่งขรึม และพูด

"นายทำมันได้ดีมาก แต่อย่าเพิ่งได้ใจไปนี่มันแค่ของง่ายๆ "คาเรย์รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ กับท่าทางถือดีและวางมาดของเจ้าอ้วนคนนี้ แต่ก็ทำได้แค่หัวเราะในความคิดเท่านั้น ถึงยังไงเจ้าอ้วนนี่ก็ไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายอะไรแถมยังเป็นคนที่ช่วยเขาไว้อีกด้วย

เด็กสาวที่เดินลงมาจากชั้นสองได้สักพักหนึ่งแล้วมองการกระทำของพี่เธออย่างไม่เข้าใจ เธอจำได้ว่ากองอุปกรณ์พวกนั้น พี่เธอบอกว่ามันไม่สามารถซ่อมได้ เพียงแต่เก็บไว้แยกชิ้นส่วนเพื่อไว้เป็นอะไหล่สำรอง แค่มาวันนี้ ที่คาเรย์สามารถซ่อมมันได้พี่ชายเธอกับพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำได้ยังไงยังงั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel