INTELLIGENT BUILDING SYSTEM ระบบสร้างอัจริยะ

148.0K · ยังไม่จบ
สายลมฤดูร้อน
37
บท
6.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อเขาที่ถูกทรยศหักหลังจากคนทั้งโลก ต้องกลับมาทำหน้าที่เป็นผู้สร้างอัจฉริยะให้แก่โลกอีกครั้ง

นิยายแอคชั่นนิยายผจญภัยเจ้าสำนักจอมมารข้ามมิติเกิดใหม่ระบบแฟนตาซี พระเอกเก่ง

EP01 หวนคืน

ร่างของเด็กหนุ่มผมดำที่เต็มไปด้วยบาดแผล กำลังร่วงหล่นลงมาจากฝากฟ้า พร้อมกับเศษขยะมากมาย ที่ถูกทิ้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่ ที่ถูกใช้เป็นที่ทิ้งขยะเวทมนต์ต่างๆ มันถูกเรียกว่าเกาะ dumpster หรือเกาะทิ้งขยะ เกาะแห่งนี้ถูกควบคุมโดยหน่วยงานของจักรวรรดิ Sapphire ไม่อนุญาตให้ผู้คนอาศัยอยู่ แต่มันก็มักมีผู้คนลักลอบเข้ามาขโมยขยะเวทมนต์อยู่เสมอ ทางจักรวรรดิไม่ได้เข้ามาปราบปรามหรือสนใจไยดีกับมันนักเนื่องจากมันเป็นเพียงขยะเวทมนตร์ที่ถูกนำแกนพลังงานออกไปหมดแล้วและส่วนใหญ่มันก็ชำรุดเสียหาย อีกทั้งที่นี่ยังมีค่ายมนตราที่ทำหน้าทำลายขยะของที่นี่ทุกๆ เดือนอยู่ด้วย ทำให้ที่นี่คล้ายกับสวรรค์ของนักประดิษฐ์ที่ไม่มีต้นทุนหรือไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนายทุน โดยเฉพาะพวกนอกรีตที่มักจะสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ที่ผิดกับกฎหมายของจักรวรรดิ

พลันอยู่ดีๆ ก็มีลำแสงสายหนึ่งพุ่งเข้ามาหาร่างนั้นและห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยบาดแผลร่างนั้นค่อยๆ ลอยลงไปที่ฟื้นอย่างนิ่มนวลราวกับขนนกที่ตกจากฟ้า แผลตามตัวค่อยสมานกันด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เศษขยะที่ร่วงหล่นลงมาก็ถูกป้องกันโดยแสงเหล่านั้นไม่นานชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น แล้วแสงที่ห่อหุ้มรอบตัวเขาก็ค่อยๆ จางหายไป

ชายหนุ่มมองไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมอยู่ๆ เขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่ รอบตัวเขาควรจะเป็นกองซากศพไม่ใช่กองขยะแปลกตาเหล่านี้ เขาหวนนึกถึงลำแสงหลากสีที่พุ่งเข้ามาหาเขาก่อนที่เขาจะสติดับวูบไปและมาตื่นอีกครั้งที่นี่ พลันความรู้สึกเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาในศีรษะของเขาพร้อมกับความทรงจำแปลกใหม่เข้ามาในหัว ชายหนุ่มพยายามใช้เวทมนต์เพื่อรักษาอาการเจ็บปวด ทว่าเขากับไม่สามารถใช้มันออกมาได้ราวกับว่าเขาลืมมันไปหรือมันไม่เคยมีอยู่ หลังจากนั้นก็มีเสียงที่ฟังไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายมันเป็นน้ำเสียงที่ให้ความรู้สึกไร้อารมณ์ดังขึ้น

"ระบบสร้างอัจฉริยะ ติดตั้งสมบูรณ์ ความทรงจำของโฮสถูกผนึกเนื่องจากสมองของร่างกายนี้ไม่สามารถรองรับได้ "

ร่างกายของ นักรบฝึกหัด 1 ดาว ตรงตามเงื่อนไขของระบบ

ปลดล็อกความรู้ด้านเทคโนโลยีเวทมนต์ 10%

เงื่อนไข

ปลดล็อก ความรู้เทคโนโลยีเวทมนต์ 20%

1.มียอด Follow Profile ส่วนตัวของโฮสต์บน เครือข่าย MagicHeart 1000 คน

2.รับศิษย์ 1 คน (หมายเหตุเนื่องจากโฮสมีบาดแผลทางจิตใจเกี่ยวกับการที่ศิษย์ของตนทรยศหักหลัง ระบบจึงได้ทำสัญญานิรันดร์ขึ้นทันทีที่ข้อตกลงการเป็นศิษย์อาจารย์บรรลุ สัญญาจะมีผลทันที ศิษย์ของท่านจะไม่มีวันคิดร้ายกับท่าน หรือมีความคิดทรยศหักหลังอย่างเด็ดขาดแม้ว่าศิษย์คนนั้นจะเป็นคนชั่วช้าเพียงใดเขาจะซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อท่านเพียงผู้เดียว)

หลังจากเสียงของระบบดังขึ้นก็ปรากฏหน้าจอโปร่งใส่ที่แสดงข้อมูลของระบบและเงื่อนไขที่ระบบกล่าวมา และยังมีหน้าจอที่แสดง Profile ของตนและเรื่องราวที่ตนเองสนใจและกำลังติดตามอยู่ซึ่งเขามองดูรูปลักษณ์ของตนเองที่กลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาผมสีดำนัยน์ตาสีดำ จากความทรงจำของเจ้าของร่าง เขามีชื่อว่า คาเรย์ มาคารอส เป็นเด็กกำพร้า เข้าโตมาด้วยความช่วยเหลือจากสถานสงเคราะห์เด็ก เคทลิน สาเหตุที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่เพราะมีปัญหากับกลุ่มนายทุนใหญ่ที่ต้องการที่ดินบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กไปทำสถานที่ฝึกซ้อมให้กับตระกูลใหญ่ในเมือง

ชายหนุ่มนั่งระลึกความทรงจำและต้องถอนหายใจออกมา ร่างนี้มีอายุ 18 ปี เป็นคนที่พยายามจะฝึกตนให้เป็นนักรบเวทย์ แต่เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจและเงินทุนทำให้เขา เข้าเรียนในสถาบันเกรดต่ำ และจบมาด้วยการเป็น นักรบฝึกหัด 2 ดาว เขาไม่สามารถที่จะเข้าเรียนในระดับที่สูงกว่าได้ จึงเลือกที่จะหางานทำและส่งเงินช่วยเหลือสถานสงเคราะห์ แต่เขาก็ไม่ได้ละความพยายามที่จะฝึกตนเอง ดูจากร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมที่มาจากการฝึกตนอย่างสม่ำเสมอ แต่ช่างน่าเศร้าการเป็นคนที่ขาดความแข็งแกร่งและไม่มีอิทธิพลเบื้องหลังทำให้ไม่สามารถที่จะแสดงศักยภาพของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่เด็กหนุ่มคนนี้มีลากฐานที่ดี แต่เขากับมีสถานะอยู่กลุ่ม Title D เป็นชนชั้นที่ต่ำสุดในโลกนี้

ชายหนุ่มเริ่มสำรวจรอบๆ เขาพบว่าภูเขาขยะรอบตัวเขาเป็นสิ่งแปลกใหม่อุปกรณ์หลายอย่างทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น แม้ว่าความรู้ด้านเทคโนโลยีของเขาจะฟื้นกลับมาแค่เพียง 10% แต่เขาก็คิดอะไรได้เกี่ยวกับการนำอุปกรณ์ขยะเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ แต่สิ่งที่เขาขาดไปคือแกนพลังงานซึ่งมันจำเป็นต่อการใช้งานอุปกรณ์เวทมนต์ ชายหนุ่มปีนออกมาอย่างหลุมที่เกิดจากแสงป้องกันที่ปัดขยะเหล่านั้นไปข้างๆ ทำให้เกิดบ่อขยะขึ้นมา

ชายหนุ่มหยุดยืนที่ปากหลุมนัยน์ตาที่มองออกไปรอบๆ เต็มไปด้วยความนิ่งเรียบ สุขุมเยือกเย็น ภาพของผู้คนที่กำลังแย่งชิงขยะที่กำลังตกลงมามีให้เห็นโดยรอบ ก่อนจะไปสะดุดตาเข้ากับโล่โปร่งแสงที่เกิดขึ้นจากเด็กสาวผมยาวสีทองที่ส่วนปลายผมของเธอกับเป็นสีฟ้าแถมเธอยังเอาเครื่องมือบางส่วนใช้แทนที่เสียบผมอีกด้วย เธอกำลังนั่งรื้ออุปกรณ์อย่างใจเย็นโดยที่ไม่สนถึงการโจมตีที่เข้ามา สายตาของเธอจดจ่ออยู่กับเครื่องมือ เธอจะละสายตาออกมาเป็นระยะเผื่อเติมพลังงานให้กับโล่โปร่งใส่ที่ครอบตัวเธอ หลังจากที่ได้ชิ้นส่วนที่เธอต้องการ เธอก็จะเดินไปยังสถานที่ต่อไป สร้างความโกรธแค้นให้กับคนรอบข้างไม่น้อย

ก่อนที่คาเรย์จะถอนสายตากลับมาที่กลุ่มคนที่เริ่มวิ่งเข้ามายังจุดที่เขาอยู่ คาเรย์ยกมือขึ้นสองข้างเป็นสัญญาณของการยอมแพ้และเดินเลี่ยงออกมาจากกองขยะที่เพิ่งตกลงมา ผู้คนที่เขามาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ในชุดขาดรุ่งริ่งไม่มีของมีค่าใดๆ ติดตัวพวกเขาก็เลิกสนใจ เขาทำแบบนี้ไปตลอดทาง ผู้คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเขานักต่างมุ่งหน้าไปหาขยะที่หมายตาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่ามันจะถูกช่วงชิงไป จนมาถึงหน้าเด็กสาว เธอเหลือบมองอารัญแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้สนใจเขาอีก คาเรย์ไม่ได้สนใจท่าทางของเธอก่อนจะพูดขึ้นว่า

"บาเรียของเธอน่าสนใจนะ แต่มันกินพลังงานมากเกินไปหน่อย"เธอไม่ได้สนใจต่อคำพูดของคาเรย์เลยเหมือนกับเธอรู้ปัญหาของมันอยู่แล้ว แต่คาเรย์ก็ยังพูดต่อ

"เธอควรเขียนวงจรเวทมนต์ ให้มันสามารถดูดทรัพย์พลังงานบางส่วนที่โจมตีเข้ามาแทนที่จะปฏิเสธมันทั้งหมด"จากนั้นคาเรย์ก็อธิบายต่อไป นัยน์ตาของหญิงสาวค่อยๆเปล่งประกายขึ้นถึงเธอจะกำลังรื้ออุปกรณ์เวทมนต์อยู่แต่สมองของเธอกำลังคำนวนตามสิ่งที่คาเรย์พูด จนคาเรย์พูดจบเธอก็พลันหยุดมือและมองมาที่คาเรย์ ที่กำลังยิ้มอยู่แต่ใบหน้าของเขาแต่มันกลับไม่น่าดูนักเพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยคราบสกปรกทำให้มันดูน่าตลก จนหญิงสาวอดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้

"ฉันมีความจำที่ดี ฉันแน่ใจว่าไม่เคยเห็นนายมาก่อน วิธีที่นายพูดออกมามันน่าสนใจมากแต่มันก็เป็นเพียงทฤษฎีเวทมนต์เท่านั้น"

"ฉันเพิ่งเคยมาที่นี่ ส่วนมันจะเป็นแค่ทฤษฎีไหมเธอกลับไปทดลองดูก็ได้ ฉันขอตัวก่อน"หลังจากนั้นคาเรย์ก็หันหลังและเตรียมที่จะเดินจากไป หญิงสาวมีท่าทีลังเลแต่ในที่สุดความอยากรู้ของเธอก็เข้ามาบดบังเหตุผล

"เดี๋ยวก่อน แล้วฉันจะติดต่อนายได้ยังไง"หลังจากได้ยินคำพูดของหญิงสาวคาเรย์ก็มีรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมามันดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก และเขาก็บอก ID เครือค่าย MagicHeart ของเขาไปโดยไม่หันหลังกลับมา หญิงสาวจดจำเลขไอดีไว้อย่างรวดเร็วและเธอก็ทำการแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่อจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าภายในหัวของเธอกำลังคำนวณหาข้อผิดพลาดของทฤษฎีที่ชายหนุ่มแปลกหน้าบอกเธอมา

ทางด้านคาเรย์ เขาเดินไปบริเวณชายขอบของกองขยะเดินตรงไปยังชายทะเล ผู้คนที่สังเกตเห็นก็มองว่าคาเรย์คล้ายกับคนบ้าที่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งของ ซึ่งคาเรย์ไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น จะจะหยิบขยะขึ้นมาดูเป็นบางครั้งโดยสังเกตจากรูปลักษณ์ที่เขาไม่คุ้นเคย เพราะมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายกับโลกที่เขาจากมาแต่มันกับมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอยู่มาก มันเหมือนกับว่าโลกแห่งนี้เป็นโลกอีกใบที่คล้ายกัน

คาเรย์หามุมสงบๆ นั่งพักบนโขดหินและรอเวลาโดยที่เขาเปิดหน้าต่างของระบบขึ้นมา และเริ่มทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้น คาเรย์พบว่าระบบสร้างอัจฉริยะช่างสะดวกสบายเขาไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ของเครือข่าย MagicHeart เขาก็สามารถเข้ามาในระบบ และค้นหาสิ่งต่างหรือติดต่อผู้คนเหมือนกับว่าเขามีอุปกรณ์เครือข่าย MagicHeart ติดตัวที่สำคัญมันฟรี เขาสืบค้นข้อมูลต่างๆ จนพระอาทิตย์คล้อยต่ำเข้าใกล้ยามอัสดง ก็มีการแจ้งเตือนจากระบบเข้ามาว่าตัวเขามีคนติดต่อเข้ามา และเป็นไปตามสิ่งที่เขาคิดไว้ มันเป็นหญิงสาวที่เขาเคยคุยด้วยก่อนหน้านี้ เขารับสายและเธอก็เริ่มบ่นเขาในทันที

"นายทำอะไรกับผลงานของฉัน นายต้องรับผิดชอบ"คาเรย์ไม่ได้ตื่นตระหนกเข้ายิ้มและพูดขึ้น

"มันก็แค่ขาดวงจรสุดท้ายไปก็เท่านั้น"

"งั้นนายก็รีบบอกมาไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่"คาเรย์ส่ายหัวกับท่าทางของหญิงสาวและพูดตอบโต้ไป

"มันมีเงื่อนไขเล็กน้อย"

"เงื่อนไขอะไร"

"คุณพาผมออกจากที่นี่"

"แล้วฉันจะเชื่อใจนายได้อย่างไร"

"คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อใจกัน คิดซะว่ามันเป็นผลประมาณร่วม เพราะเราทั้งคู่ต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน"

"ได้ นายส่งพิกัดของนายมา"

"ได้"

หลังจากนั้นคาเรย์ก็ส่งพิกัดของเขาไปให้หญิงสาว จากนั้นไม่นานเขาก็พบว่ามีเรือลำเล็กๆ ค่อยๆ แล่นเข้ามาก่อนจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยพร้อมกับผมสีทองปลายสีฟ้าปลิวไปกับสายลมหลังจากนั้นหญิงสาวก็จอดเรือห่างจากโคดหิน ในชุดเสื้อกล้าม เอวลอยเผยช่วงเอวคอดและเนินอกที่ขาวเนียนอวบอิ่ม แต่เนื้อตัวของเธอยังมีล่องลอยของคราบสกปรกอยู่ แม้แต่ใบหน้าที่น่ารักของเธอยังคราบดำติดอยู่

"กระโดดลงมาสิ"คาเรย์มองระยะห่างจากโคดหินไปที่เรือแล้วรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงความรู้ต่างๆ ของเขาถูกผนึกไว้แต่สัญชาตญาณและประสบการที่ฝังลึกในจิตวิญญาณของเขาไม่ได้ถูกผนึกไปด้วยคาเรย์มองหาเส้นทางที่มีโคดหินและขยะที่ทำให้เขาสามารถหยั่งเท้าได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะพบเส้นทางอย่างรวดเร็วแล้วคาเรย์ก็กระโดดไปอย่างไม่ลังเล

การกระทำคาเรย์ทำให้หญิงสาวประหลาดใจจากที่เธอสำรวจเขา ชายหนุ่มมอมแมมคนนี้น่าจะมีระดับไม่เกิน นักรบเวทต์ฝึกหัด 2 ดาว และด้วยช่วงอายุของเขา น่าจะจัดได้ว่าเป็นพวกปลายแถวไม่เอาไหน แต่การเคลื่อนไหวของเขากับเป็นธรรมชาติการถ่ายเทน้ำหนักของเขาสมบูรณ์แบบ หยั่งเท้าบนขยะที่ลอยอยู่เหนือน้ำทะเลจนมาถึงเรือของหญิงสาว ทำให้เธอหมดคำพูดไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมา

คาเรย์นั่งลงอีกด้านของเรืออย่างสงบ หญิงสาวไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ออกเรือไปหลังจากแล่นเรืออยู่สักพักเรือก็ค่อยๆ ชะลอตัวลง ก่อนที่ด้านหน้าของพวกเขาจะปรากฏคลื่นน้ำขนาดยักษ์ที่คล้ายกับเนินเขา เรือลำเล็กของพวกเขาส่ายไปมา น้ำจำนวนมากเริ่มไหลลงจากเนินเขาอย่างรวดเร็วเผยให้เห็น วัตถุขนาดใหญ่แล้วส่วนท้ายของมันก็เปิดออกเป็นทางให้เรือเล็กแล่นเข้าไปหญิงสาวขับเรือเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วจอดเทียบท่า เธอกระโดดลงอย่างรวดเร็ว

"ยินดีต้อนรับสู่เรือของฉัน" คาเรย์รู้สึกแปลกใจกับขนาดของเรือที่ปรากฏเขาไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะครอบครองเรือดำน้ำขนาดใหญ่พอๆ กับเครื่องบินขนส่งเช่นนี้แสดงถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของเธอ

"เอาละเรามาเริ่มสิ่งที่ค้างคาไว้กันเลยไหม"

"เธอค่อนข้างใจร้อน อีกอย่างถ้าฉันบอกเธอไปแล้วเธอทิ้งฉันไว้กลางทะเลละฉันก็ตายนะสิ"หญิงสาวดูจะไม่พอใจเท่าไรแต่ก็ไม่ได้ต่อรองอะไรอีก เธอเดินนำ คาเรย์เข้าไปด้านใน

ระหว่างทางคาเรย์มองสำรวจจุดต่างๆ ไปด้วยเรือลำนี้ถูกดัดแปลงไปอย่างมากจากล่องลอยตามทางที่มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ต่างๆ จนมาถึงห้องทำงานของหญิงสาว เธอไม่ได้พา คาเรย์ไปยังห้องรับรองหรือบริการอะไรเป็นพิเศษ เธอสั่งให้เรือดำลงและปล่อยการควบคุมเป็นของ Ai ที่เกิดจากการนำจิตวิญญาณของ Monster มาหลอมสร้างซึ่งมันต้องมีเงินทุนค่อนข้างมากและที่สำคัญคือจิตวิญญาณ Monster ที่เหมาะสม

คาเรย์สำรวจโดยรอบห้องและพบว่าอุปกรณ์ส่วนใหญ่ถูกทำขึ้นมาตามใจของหญิงสาวเพราะมันไม่ได้มีรูปลักษณ์พื้นฐานเลย หญิงสาวไม่ได้สนใจคาเรย์อีกเธอหันไปให้ความสนใจกับงานของเธอแทน และเหมือนจะจมไปกับมัน คาเรย์หันไปสนใจทางหน้าต่างโปร่งใสที่แสดงสถานะของเรือ เรือลำนี้กับมีรูปร่างคล้ายกับมอนสเตอร์ท้องทะเลอย่างกระเบนยักษ์ และเหมือนกับว่าจิตวิญญาณของเรือลำนี้จะสังเกตเห็นการกระทำของเขา ก่อนจะปรากฏร่างของกระเบนสีดำที่ถูกย่อส่วนให้มีขนาดเท่าฝ่ามือด้านหน้าของเขา

"เจ้าเป็นมนุษย์คนแรกเลยนะ ที่ขึ้นมาบนนี้"คาเรย์ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจนัก จิตวิญญาณของอุปกรณ์เวทมนต์หรือที่โลกใบนี้เรียกว่า Artifact ยิ่งจิตวิญญาณระดับสูงเท่าไรจิตสำนึกและสติปัญญาของพวกมันก็จะสูงตามไปด้วย

"แกเหงาหรือ...? "

"นั่นก็คล้ายๆ แบบนั้น ก็ตั้งแต่ที่ข้าตื่นขึ้นมา นอกจากนายหญิงเจ้าก็เป็นคนที่สองที่ข้าได้สนทนาด้วย"คาเรย์รู้สึกแปลกใจจนอดที่จะถามออกมาไม่ได้

"ตื่น เจ้าเป็นอุปกรณ์เวทมนต์โบราณหรือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นในอดีตงั้นเหรอ"

"ใช่แล้ว"

"ด้วยเทคโนโลยีเวทมนต์ในปัจจุบันของมนุษย์ พวกเจ้ายังไม่ถูกค้นพบจนหมด"

"ไม่แน่นอน เทคโนโลยีของพวกมนุษย์จอมโลภมากอย่างพวกเจ้ามันก็เหมือนกับแสงเทียน จะมาเทียบกับแสงจากกองไฟแบบพวกข้าได้ยังไง"คำตอบของจิตวิญญาณตัวนี้ทำให้คาเรย์รู้สึกประหลาดใจ เป็นอย่างมากเท่าที่เขาเห็นเทคโนโลยีของเรือลำนี้มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือก้าวล้ำไปมากมายอะไรขนาดนั้น หรือเป็นเพราะความรู้ของเจ้าคนหัวทึบนี่มันไม่กว้างขวางและเจาะลึกพอกันนะ

"แสดงว่าเจ้าเป็นพวกที่ถูกทิ้งไว้หลังสงครามสินะ"คำพูดของคาเรย์เหมือนกับเข็มที่ปักเข้าที่กลางใจของจิตวิญญาณตัวนี้อย่างมาก

"เจ้า!!!! "หลังจากมันพูดมันสะบัดตัวไปมาและพยายามที่จะโจมตีคาเรย์ด้วยหางของมันทว่ามันกับไม่สามารถทำให้คาเรย์บาดเจ็บได้เลยเพราะมันไม่ได้มีกายหยาบอีกต่อไป

"เจ้าไม่เห็นต้องโกรธอะไรขนาดนั้น เจ้าไม่ใช้จิตวิญญาณดวงเดียวหลอกที่เป็นแบบนี้ ฉันคิดว่ายังมีจิตญาณอีกมากที่ถูกทิ้ง หรือไม่ก็เสียหายหนักจนต้องผนึกตัวเองถ้าเทคโนโลยีของมนุษย์ล้าหลังแบบที่เจ้าว่า"จิตวิญญาณหยุดนิ่งและเหมือนมันจะคิดตามในสิ่งที่คาเรย์พูด แต่การสนทนาของพวกเขาก็ถูกขัดโดยหญิงสาว

"พวกเจ้าอย่าส่งเสียงดังนักจะได้ไหม? "ใบหน้าของเธอมีคราบดำเต็มไปหมด และเธอก็แสดงใบหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจเหมือนกับว่าเป็นคนพาลที่กำลังหงุดหงิดและหาที่ระบายหลังจากทำอะไรผิดหรือทำอะไรไม่ได้ดังใจ ทำให้คาเรย์ต้องมองไปที่งานของเธอที่ทำอยู่ มันมีควันลอยขึ้นมาแสดงถึงความผิดพลาด

"เธอกำลังพาลพวกฉันอย่างงั้นเหรอ ทั้งๆ ที่เธอทำมันผิดพลาดเอง"คาเรย์พูดออกไปตามตรงแต่เหมือนกับว่าเป็นการใส่เชื้อไฟเข้าไปในกองเพลิง

"นี่นาย"หญิงสาวหมดคำพูดไปและเดินจากไปทิ้งคาเรย์ไว้กับจิตวิญญาณของเรือ

"เจ้าไม่ต้องไปสนใจหลอก นายหญิงคงไประบายอารมณ์ที่ห้องฝึกซ้อม"

"เธอเป็นอย่างงี้ประจำเลยหรือไง? "

"ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้เวลาคิดอะไรไม่ออกหรือทำอะไรผิดพลาด"หลังจากที่ฟังคำพูดของจิตวิญญาณของเรือคาเรย์ก็มองไปที่ผลงานของหญิงสาวอีกครั้งและเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ คาเรย์มองต้นแบบชิ้นงานอย่างสนใจ มันเป็นรองเท้าที่หญิงสาวตั้งใจที่จะสร้างให้มันสามารถสร้างพื้นที่เล็กๆ ขึ้นที่ใต้รองเท้ากลางอากาศ และใช้มันเหมือนมีพื้นรองรับเพื่อยันตัวเปลี่ยนทิศทาง

คาเรย์กวาดสายตามองและสำรวจแบบไปมา จนพบเข้ากับข้อผิดพลาด หญิงสาวสามารถออกแบบมันได้ดีทั้งการจ่ายพลังงานจากผู้ใช้และจ่ายพลังงานจากแกนพลังงาน แต่ทว่าสิ่งที่เธอขาดไปคือความเข้าใจในบทเวทย์ที่จะสร้างพื้นที่กลางอากาศ เธอยึดติดกับเวทจำพวกบาเรียมากเกินไป ทำให้วงจรเวทมนต์ของเธอไม่สมบูรณ์ และเกิดการระเบิด คาเรย์ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับผลงานของเธอ จากที่เขาเห็นหญิงสาวเป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองและยังไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผลงานของเธอโดยตรง เพราะมันเหมือนกับว่าเธอกำลังโดนหักหน้า

"เจ้าดูจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเวทมนต์อยู่พอสมควร"คาเรย์ทำได้เพียงยิ้มและไม่ได้ตอบคำถามของจิตวิญญาณของเรือแต่เปลี่ยนเป็นถามแทน

"เจ้าชื่ออะไร..? "

"นี่เจ้า การจะถามชื่อคนอื่นเจ้าก็ควรจะแนะนำตัวเองก่อนถึงจะถูก"

"ฉันคาเรย์ มาคารอส"

"เป็นชื่อที่ดูมืดมนนะ ข้ามีชื่อว่า Stingray หรือนายหญิงมักจะข้าว่า Ray (เรย์) "

ทั้งสองสนทนากันถึงสิ่งต่างๆ ราวกับคนไวเดียวกันได้มาพบเจอกันอย่างไงอย่างงั้นระหว่างนั้นคาเรย์ได้ทำการเขียนวงจรเวทมนต์ของบาเรียที่สมบูรณ์ให้หญิงสาว ไว้ในกระดาษพับเก็บไว้กับตัว

หลังจากนั้น หญิงสาวก็กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ยังคงเป็นเสื้อกล้ามเอวลอยและกางเกงที่เกิดจากการเอาแขนเสื้อของชุดหมีสีแดงผูกไว้ที่เอว สภาพผมที่ยังเปียกชื้นผ้าขนหนูที่ตนคอและกลิ่นหอมของแชมพู แสดงว่าเธอเพิ่งอาบน้ำมา หญิงสาวพบว่า 1 คน 1 จิตวิญญาณกำลังคุยกันราวกับพวกเขาเป็นเพื่อนเก่ากันที่ไม่ได้พบเจอกันมานานแล้วพวกเขาก็ไม่ได้สนใจการมาถึงของเธอเลย หญิงสาวเปิดหน้าจอโปร่งแสงขึ้นมาเธอเปิดแผนที่และเส้นทาง และพบว่าเธอมาถึงจุดหมายแล้วเธอจึงหันไปเรียกคาเรย์

"นี่นาย ได้เวลาไปกันแล้ว"หลังจากพูดหญิงสาวก็เดินนำออกไป คาเรย์มองตามไปก่อนจะลุกขึ้นและบอกลากับจิตวิญญาณของเรือ เมื่อมาถึงลานจอดเรือครั้งนี้เธอไม่ได้ใช้เรือเล็กอีกต่อไปเธอกับเลือกใช้เรือที่มีรูปร่างคล้ายกับปลาโลมาแทน มันเป็นเรือดำน้ำขนาดเล็กที่มีสองที่นั่งเหมาแก่การลักลอบเข้าพื้นที่หรือใช้ในการหลบหนี

ทั้งสองเข้าไปในเรือหลังจากประตูปิดเรียบร้อยพวกเขาก็ถูกลำเลียงเข้าสู่ระบบออกตัว และถูกยิงออกไปราวกับเป็นกระสุนปืน ซึ่งการออกตัวลักษณะนี้ทำให้เกิดแรงส่งและทำให้เรือที่ถูกส่งออกไปเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเรือที่ถูกยิงออกไปรองรับแรงด้านของน้ำได้มากน้อยเพียงใด ถ้าเป็นเรือที่มีคุณภาพของวัสดุต่ำ มันก็เป็นเหมือนหัวกระสุนที่ชนเข้ากับกำแพงเหล็กจะมีสภาพยับเยินบิดเบี้ยวไปในทันที

เรือดำน้ำรูปทรงปลาโลมา พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วก่อนมันจะเลือนหายไปกับความมืดในท้องทะเลด้วยโหมดพรางตัว หลังจากผ่านอุปกรณ์ตรวจจับมาได้พวกเขาก็มาถึงชายฝั่งที่ปราศจากผู้คน และยังปราศจากแสงใดๆ

"ตามที่ตกลงกันไว้ ฉันมาส่งนายถึงที่ จักรวรรดิ Sapphire แล้วนายจะบอกฉันได้หรือยัง? "

คาเรย์รู้สึกว่าหญิงสาวยังคงจงใจแกล้งเขา ถึงพาเขาขึ้นมายังบริเวณที่รกร้างแบบนี้เขาจึงแอบทำกระดาษให้เปียกน้ำเล็กน้อย เพื่อให้สิ่งที่เขียนอยู่ไม่ชัดเจน ก่อนจะยื่นส่งมันให้กับหญิงสาว

เธอรับมันไปและเปิดดูอย่างสนใจแต่เพราะความมืดทำให้เธอมองมันได้ไม่ละเอียดนักก่อนจะพับเก็บและกลับลงไปที่เรือและดำกลับไปยังท้องทะเล

คาเรย์รู้สึกสนใจหญิงสาวเป็นอย่างมาก ในด้านความฉลสดและดื้อรั้นของเธอ พลันท้องของเขาก็ส่งเสียงควรครางออกมาแสดงถึงความต้องการอาหารของร่างกาย ทำให้คาเรย์อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เพราะร่างกายนี้มันช่างอ่อนแอยิ่งนัก แถมสมองยังทึบอีกด้วย

ในตอนที่ คาเรย์ได้สำรวจร่างกายตนพบว่า ชายหนุ่มคนนี้ถึงจะขาดทรัพยากรและเคล็ดในการฝึกฝนในสั่งสมพลังงานในดาวฤกษ์หรือตนกำเนิดมานาของตน แถมเจ้าทึ่มนี่ยังอับโชคอีกด้วยหลังจากสร้างจุดสะสมมานาสำเร็จหรือดาวฤกษ์สำเร็จ จิตวิญญาณที่เกิดมาพร้อมกับดาวฤกษ์ของเจ้าทึ่มนี่กับเป็น

จิตวิญญาณ นักรบกระดูกน้ำแข็ง ระดับ นักรบเวทฝึกหัด 1 ดาว  แล้วเจ้าตัวก็ยังดึงดันที่จะบ่มเพาะต่อโดยที่ไม่จอมหาจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่ามากลืนกินจิตวิญญาณแรกเริ่มของตนเพราะเขาเชื่อว่าไม่มีจิตวิญญาณใดที่เป็นจิตวิญญาณที่อ่อนแอและทำการบ่มเพาะต่อไป ทันทีที่ที่ดาวฤกษ์เริ่มสะสมมานาเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณได้แล้ว

ซึ่งการสร้างฐานส่วนใหญ่เมื่อ จิตวิญญาณที่เกิดมาพร้อมกับดาวฤกษ์นั่นอ่อนแอ ผู้คนมักจะหา จิตวิญญาณจากมอนสเตอร์ที่วิวัฒนาการแล้วมาแทนที่ เพื่อเพิ่มความเร็วในการดูดทรัพย์มานา และสร้างดาวบริวาร ทว่ามันยังดีที่ว่าเจ้ากระดูกนี่กับมีบทเวทมนต์ให้เรียนรู้ติดมาด้วย 1 บท นั่นคือ ศาสตราน้ำแข็ง เป็นบทเวทมนต์เฉพาะจิตวิญญาณที่อาจสุ่มออกมาได้ในแต่ระดับดาว โดยที่ไม่ต้องไปเรียนรู้หรือท่องจำมันจะฝังลึกเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำของผู้ใช้ไปตลอด

ทว่าคนบนโลกใบนี้กับมองว่ามันเป็นจิตวิญญาณที่อ่อนแอ และให้บทเวทมนต์ที่ไร้ประโยชน์ เพราะศาสตราที่สร้างขึ้นมากับมีความคงทนและแหลมคมสู่อาวุธโลหะธรรมดาไม่ได้ แถมร่างอวตารของมันยังน่าเกลียดเป็นอย่างมาก ถึงมันจะสามารถเสริมพลังขึ้นได้อีกเท่าตัวแต่มันก็ยังถูกมองว่าเป็นร่างอวตารที่อ่อนแอและบอบบางทำให้เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าทึ่มคนนี้ถึงถูกเรียกว่าขยะ ถึงความรู้เฉพาะทางของเขายังคงโดนผนึกแต่สัญชาตญาณของเขากำลังบอกกับเขา ว่ามีเส้นทางการพัฒนาจิตวิญญาณตนนี้

เขาลองเรียกใช้บทเวทย์ศาสตราน้ำแข็ง น้ำแข็งค่อยๆ ก่อรูปขึ้นแต่มันกับไม่ได้ก่อรูปเป็นอาวุธอย่างที่มันควรจะเป็นมันกับมีลักษณะคล้ายกับโคมไฟ ที่ภายในมีหลอดไฟที่ทำจากน้ำแข็งอยู่ หลังจากนั้นเขาก็ส่งมานาเข้าไปทำให้หลอดไฟที่ทำจากน้ำแข็งช่วยในการกระจายแสงจากมานาเขาเดินสำรวจป่าไปอย่างระมัดระวัง ป่าแห่งนี้กับมีความรกทึบ และแฝงไปด้วยอันตรายสำหรับเขาในตอนนี้เป็นอย่างมากเพราะมันเต็มไปด้วย Monster ระดับ นักรบฝึกหัด 1-2 ดาว ที่พวกมันยังไม่ตัดสินใจจู่โจมเข้ามาเพราะแสงสว่างจากโคมไฟและระดับของชายหนุ่มที่ใกล้เคียงกับพวกมัน แต่เมื่อใดที่มอนสเตอร์ ระดับนักรบฝึกหัด 3 ดาวปรากฏตัวและเข้ามาจู่โจมเขาต้องแย่อย่างแน่นอน

แต่โชคของเขาไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียวเมื่อเขาพบว่าเขาเดินมาถึงถนนที่ถอดยาวสุดสายตาแล้วแต่ยังไม่พบเจออันตราย ตัวเขาได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้าและหิวโหยเขาถึงกับทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับโคมไฟที่หายไปเพราะเขาไม่เหลือมานาอีกแล้ว ตัวเขาที่พยายามประคองและใช้มานาให้น้อยที่สุดแต่มันก็มาไกลได้เพียงเท่านี้ ภาพที่เขาเห็นเริ่มเลือนราง มันเป็นแสงสว่างที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเขา แล้วสติของเขาก็ดับวูบลง

หลังจากนั้นแสงไฟที่วิ่งเข้ามาก็หยุดลง หากมองให้ดีจะพบว่ามันเป็นยานพาหนะสีดำที่มีลักษณะคล้ายรถบรรทุกขนาดเล็กทว่ามันกับไม่มีล้อ มันหยุดลง ก่อนจะมีชายหนุ่มร่างอ้วนที่สวมชุดหมีสีเหลือง ก้าวลงมา เขามองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนไร้สติอยู่และเกาหัวของเขา เหมือนกับว่าเขาควรจะทำอะไรดี

ชายร่างอ้วนตัดสินใจสำรวจชายหนุ่มและพบว่าเขายังมีชีวิตอยู่และไม่มีบาดแผลร้ายแรง เขายกชายหนุ่มขึ้นบ่า เขาแบกชายหนุ่มราวกับเขาไร้น้ำหนัก ไปยังท้ายยานพาหนะของเขาและเร่งรีบขับยานพาหนะออกไป