ตอนที่8
“อะไร” มุขรินทร์ขมวดคิ้วมุ่น เพื่อนเธอขึ้นเครื่องบินมาแล้วยังจะต้องกลัวอะไรอีก
“กลัวว่าเค้ามีคนของเค้าแล้ว”
“เออ...ฉันก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน ก็ตั้งห้าปีกว่าแล้วนี่ มีหรือไม่มีพอไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”
“แต่ฉันบอกแกไว้ก่อนเลยนะ ว่าถ้าฉันรู้ว่าเค้ามีเมียแล้ว ฉันจะกลับทันที”
“อืม...แต่แกจะทำใจได้ใช่ไหม”
“ถึงได้กลัวอยู่นี่ไง แต่ยังไงก็คิดว่าทำใจได้แหละ แค่ไม่รู้ว่านานแค่ไหน”
“แกยังมีพวกฉันเสมอ” มุขรินทร์จับมือเป็นกำลังใจให้ปารวี เพราะเพื่อนเธอมักจะชอบคิดอะไรล่วงหน้าไปก่อนเสมอ
“ขอบใจอีกครั้งนะ”
“อือ...เพื่อนกันน่า”
ปารวีนั่งสูดหายใจเข้าออกลึกๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงเธอก็จะได้รู้แล้วว่าเรื่องที่เธอกำลังกังวลล่วงหน้ามันเป็นจริงหรือไม่จริง
สองสาวเดินทางกันมาร่วมสิบสองชั่วโมง ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย พอลงจากรถแท็กซี่ได้ก็เริ่มสั่นสะท้านไปตามๆ กันเพราะอากาศค่อนข้างเย็นกว่าที่คิดเอาไว้
“อากาศหนาวกว่าที่ฉันคิดเหมือนกันนะเนี่ย”
“ที่นี่น่ะเหรอที่ทำงานของเค้าน่ะ” ปารวีไม่ได้สนใจอากาศตามเพื่อน เธอสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหลังจากลงจากรถมากว่า เพราะเธอเห็นกำแพงปูนสูงร่วมสามเมตรทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา เดาได้เลยว่าโกดังข้างในต้องใหญ่มากๆ แน่นอน ทั้งยังไม่ค่อยมั่นใจแล้วว่าพวกเธอจะสามารถเข้าไปได้หรือไม่ เพราะตลอดแนวกำแพงมีชายฉกรรจ์ชุดดำยืนเฝ้ากันอยู่เป็นระยะ และแล้วก็มีชายร่างสูงผมทองในชุดดำกำลังเดินตรงมาหาพวกเธอ
“พวกคุณมาหาใครครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามพวกเธอเป็นภาษาอังกฤษ เพราะน่าจะรู้ว่าเธอทั้งสองเป็นคนเอเชีย
“คุณราเดนเค้าอยู่ที่นี่ไหมคะ” มุขรินทร์เห็นปารวีอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบอะไรก็เริ่มพูดภาษาอังกฤษตอบกลับอีกฝ่ายไป
“มีธุระอะไรกับคุณราเดนครับ”
“เพื่อนฉันชื่อลูกปลาเป็นภรรยาเค้าค่ะ” พูดพร้อมยกรูปตอนที่ปารวีแต่งงานกับราเดนให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ได้ดู เพราะรู้ว่าพูดปากเปล่าอีกฝ่ายคงไม่เชื่อง่ายๆ แน่
“รอสักครู่นะครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มหยิบรูปขึ้นมาดูอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเริ่มต่อสายหาใครบางคน
สองสาวรอบอดี้การ์ดหนุ่มคุยกับปลายสายไม่นานนัก ก็มีคนขับรถออกมารับพวกเธอเข้าไปด้านใน
“เค้าจะพาเราไปไหน” ปารวีสะกิดมุขรินทร์ขณะนั่งอยู่ในรถตู้คันหรูที่มีม่านบังทึบมองอะไรด้านนอกไม่เห็น และมีบอดี้การ์ดหนุ่มอีกสองคนนั่งประกบพวกเธอไม่ห่าง
“ไม่รู้สิ” มุขรินทร์ส่ายหัวน้อยๆ หากปารวีเดาไม่ออก แล้วเธอที่นั่งอยู่ด้วยกันตลอดจะเดาออกกได้อย่างไร
ไม่ทันที่สองสาวจะเดากันออกว่ารถคันหรูนี้จะพาเธอไปไหน รถก็ได้หยุดและประตูด้านข้างก็เริ่มเปิดออก แล้วก็มีฝรั่งชุดดำหน้าละอ่อน แต่ตัวใหญ่โตยืนยิ้มให้พวกเธออยู่ด้านนอก
“สวัสดีครับ ผมเมเลอร์เป็นมือขวาของคุณราเดนครับ นายให้ผมมารับคุณเพิร์ลกับคุณลูกปลาไปข้างใน” เมเลอร์ทักทายสองสาวเป็นภาษาไทย และด้วยใบหน้าที่เป็นมิตรของเขาก็ทำให้สองสาวเริ่มผ่อนคลายลงได้บ้าง
ปารวีและมุขรินทร์เดินตามเมเลอร์มาถึงห้องแห่งหนึ่งที่ด้านในเต็มไปด้วยความมืด มีโซฟาสีดำเป็นรูปตัวยูที่กลางห้อง แสงที่มีในห้องตอนนี้ก็มีเพียงแค่แสงจากแชนเดอเลียร์ที่ห้อยลงมากึ่งกลางห้องเท่านั้น
“พวกคุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ อีกเดี๋ยวคุณราเดนจะมาคุยด้วย”
“ค่ะ” ปารวีพยักหน้าน้อยๆ ให้เมเลอร์ ทั้งที่มีคำถามมากมายอยู่ในหัว แต่เธอก็ไม่กล้าถามชายหนุ่มเพราะเกรงใจ ทว่าเมื่อเหลือเธอและมุขรินทร์เพียงสองคนในห้องก็รู้สึกแปลกๆ กับบรรยากาศในห้องพิกล
“แก” ปารวีหันมองหน้ากับมุขรินทร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัว ที่นี่เหมือนฉากในหนังฆาตกรรมไม่มีผิด
“แกก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันใช่ไหม”
“อืม ไม่ใช่ว่าห้องนี้เป็นห้องเชือดล่ะ”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง” ตอนนี้ในใจลึกๆ ของมุขรินทร์ก็รู้สึกไม่ต่างจากปารวี ทว่าเธอไปทำอะไรให้ราเดนต้องมาเก็บพวกเธอล่ะ
“จะบินมาทำไมไม่บอกกันก่อน”
“ว๊าย...” ปารวีตกใจเสียงของราเดนจนโผเข้าไปกอดมุขรินทร์แน่น
“เอ่อ...ลูกปลา” มุขรินทร์ต้องรีบสะกิดเพื่อนรักที่กำลังตระหนกเกินกว่าเหตุ
“เอ่อ...สะ สวัสดีค่ะคุณราเดน โทษทีค่ะเมื่อกี้ฉันแค่ตกใจ”
ราเดนจ้องมองหญิงสาวที่ดีดตัวลุกยืนจัดเผ้าจัดผมอยู่ตรงหน้าไม่ไกล เขามองเธอตาไม่กระพริบ เพราะปารวีเปลี่ยนไปมากพอสมควรในสายตาของเขา
ห้าปีที่แล้วเธอเหมือนเด็กกะโปโล มีดวงตาเหมือนลูกแมวน้อยที่น่าสงสาร ทว่าวันนี้เธอดูโตเป็นสาวสะพรั่ง พวงแก้มและจมูกที่กำลังแดงระเรื่อเพราะเพิ่งผ่านอากาศเย็นจากข้างนอกทำให้เธอดูมีเสน่ห์เป็นทวีคูณ แต่นั่นก็ใช่เรื่องที่เขาจะต้องใส่ใจ อยากรู้มากกว่าว่าเธอมาหาเขาถึงที่นี่ด้วยธุระเรื่องอะไร
“อืม...เมื่อกี้ผมถามว่าจะบินมาทำไมไม่บอกผมก่อน ผมจะได้ให้คนไปรับ”
“คือ...ว่า”
มุขรินทร์เห็นปารวีเอาแต่ยืนอ้ำอึ้ง เธอก็เลือกที่จะลุกยืนขึ้นข้างๆ กับเพื่อนรัก ก่อนจะเกริ่นนำให้ปารวี “ก็เพื่อนฉันมีเรื่องร้อนใจอยากจะคุยกับคุณน่ะสิคะ”
