ตอนที่14
“ก็เห็นมองตามหลังรถตลอดเลย”
“อ๋อ...แค่ ใจหายนิดหน่อย ฉันไม่เคยอยู่ที่อื่นคนเดียวแบบไม่มีครอบครัว แล้วก็เพื่อนๆ มันเลยรู้สึกแปลกๆ”
“ลืมอะไรไปรึเปล่า”
ดวงตากลมโตเริ่มเบิกกว้าง ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ราเดนพูด มีเรื่องอะไรที่เธอลืมไปงั้นเหรอ
“ตอนนี้คุณอยู่กับสามีของคุณ” ในเมื่อเธอมาถึงที่นี่แล้วบอกกับคนของเขาว่าเธอคือภรรยา ทั้งยังคิดว่าตัวเองมีสถานะนั้นกับเขาเสมอมา เขาจะเรียกว่าตัวเองเป็นสามีของเธอก็ไม่ผิด
ปารวีรีบหลบสายตาชายหนุ่มก่อนจะยืนก้มหน้างุด เธอยืนหันไปหันมาทำตัวไม่ค่อยถูก เพราะเพิ่งรู้สึกอายเรื่องที่สารภาพกับเขาเมื่อคืน ทั้งยังไปย้ำกับเขาว่าอย่าลืมว่าเธอเป็นเมีย ที่เธอกล้าพูดออกไปก็เพราะความโมโหหึงทั้งนั้น พอมาวันนี้ความหน้าบางดันกลับมาอีกแล้ว
“เข้าบ้านกันเถอะ ผมจะพาคุณไปสำรวจที่นี่ให้ครบทุกซอกทุกมุม เพราะคุณต้องอยู่ที่นี่อีกนาน” พูดจบก็จูงมือคนตัวเล็กในชุดมินิเดรสแขนสั้นสีฟ้าเดินกลับเข้าไปในบ้าน
นั่งรถมาได้สักพักใหญ่ๆ มุขรินทร์ที่เอาแต่จับมือถือพิมพ์ข้อความรายงานความคืบหน้าของเรื่องที่นี่ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ เธอก็เริ่มเอะใจว่าการเดินทางไปสนามบินของเธอมันนานเกินไป
จำได้ว่าเราเดนบอกว่าไม่ถึงยี่สิบนาทีเธอก็จะถึงสนามบิน แล้วก็จะได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปท่องเที่ยวยังเมืองที่ต้องการ ทว่านี่มันแทบจะเป็นครึ่งชั่วโมงแล้วแต่เธอก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าจะถึงสนามบิน เพราะข้างถนนที่รายล้อมซ้ายขวามีแต่ป่าสน
“เราจะถึงสนามบินกันตอนไหนคะ” หญิงสาวในชุดฮีทเทคแขนยาวกางเกงขายาวรัดรูปสีขาวสวมคลุมด้วยเสื้อกันหนาวตัวโคร่งสีดำชะโงกหน้าไปถามบอกี้การ์ดหนุ่มที่กำลังขับรถ
“ราเดนไม่ได้บอกคุณเหรอ” ซีโวลอดถอดหมวกแล้วหันหน้ามาให้หญิงสาวได้เห็นชัดๆ ว่าเขาเป็นใครก่อนจะหันหน้ากลับไปมองทางต่อ
“คุณ!” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ริมฝีปากบางที่แต่งแต้มด้วยลิปมันสีสวยเผยออ้าค้าง ทำไมเป็นเขาล่ะ ที่อยากไปเที่ยวที่อื่นก็เพราะไม่อยากเจอหน้าเขา สุดท้ายก็ต้องมาเจอกันอีกจนได้
“เรียกผมว่าแอล”
“จะชื่ออะไรก็เรื่องของคุณเถอะค่ะ แต่ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ”
“ผมอาสาจะขับรถไปส่งคุณเอง ราเดนไม่ได้บอกคุณเหรอว่าเครื่องบินขัดข้องต้องรอซ่อมอีกเป็นอาทิตย์ ผมก็เลยอาสาขับรถไปส่งคุณ”
“อ้าว แต่ทำไม” ยิ่งฉงนเป็นทวีคูณ ไม่มีใครบอกเธอสักคนว่าเครื่องบินจะมีปัญหา
“ผมมีข้อเสนอ บ้านผมอยู่ใกล้ที่ที่คุณจะไปเที่ยวพอดี ผมจะให้คุณอยู่บ้านผมจนกว่าเครื่องบินจะซ่อมเสร็จ อยู่ฟรีกินฟรี แต่ถ้าคุณอยากกลับบ้านเลยก็เสียเงินค่าเครื่องบินโดยสารกลับเองก็ได้ผมไม่ว่า ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากเสียค่าเครื่องหรอกใช่ไหม”
“ก็ใช่” เธอเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะเริ่มครุ่นคิดถึงข้อดีข้อเสียในการที่ต้องไปอยู่บ้านซีโวลอด เธอไม่ค่อยถูกชะตากับเขาก็จริง ทว่าการที่จะเสียเงินค่าเครื่องบินทั้งไปเที่ยว ทั้งกลับบ้านเองก็เป็นจำนวนเงินที่เยอะพอสมควร
“ฉันต้องไปอยู่บ้านคุณอย่างเดียวเหรอ ทุกอย่างถึงจะฟรี”
“หรือคุณจะกลับไปบ้านราเดน ไปเป็นก้างขวางคอสองคนนั้น”
“ไม่อะ แล้วบ้านคุณมีใครอยู่บ้าง มีผู้หญิงไหม”
“บ้านผมก็มีผมที่อยู่ในบ้าน แล้วก็มีคนดูแลความปลอดภัยอีกสองสามคน”
“แม่บ้านก็ไม่มีเหรอ”
“ไม่ บ้านผมมีแต่ผู้ชาย ถ้าจะมีผู้หญิงก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว แบบว่า...”
“ฉันเข้าใจแล้วไม่ต้องอธิบายเยอะ” รีบละล่ำละลัก เพราะไม่ได้อยากได้ยินว่าเขาจะพูดอะไร แค่เหตุการณ์ที่เจอเมื่อคืนก็ทำให้เธอพอจะเดาออก
“ทำไม กลัวผมเหรอ ผมมีอะไรไม่น่าไว้ใจ”
“ก็...”
“ถ้าคุณไปอยู่บ้านผม ผมจะดูแลคุณอย่างดี พาไปเที่ยวฟรีงบไม่อั้นด้วยเอาไหม อยากไปที่ไหนผมพาไปได้หมด”
“อาหารก็งบไม่อั้นด้วยใช่ไหม”
“ได้ ถ้าคุณต้องการ คุณเป็นแขกของเพื่อนผม ก็ถือว่าเป็นแขกของผมด้วยเหมือนกัน”
“ตกลงค่ะ ฉันจะไปอยู่บ้านคุณ” คำว่าฟรีไม่อั้นทำเอามุขรินทร์นั่งอมยิ้มแววตาเป็นประกาย หากเขาเป็นเพื่อนกับราเดนก็คงจะมีเงินพอๆ กัน ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าเอ่ยปากกับผู้หญิงว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งเที่ยวทั้งกินให้
จะว่าไปเธอก็เริ่มที่จะถูกชะตากับเขาเพราะคำว่าฟรีไม่อั้นนี่แหละ เธอจะถลุงเงินเขาเล่นให้สนุก ให้สาสมกับที่เขาสร้างภาพติดตาให้เธอเลยคอยดู
ราเดนพาปารวีเดินสำรวจไปทั่วทั้งอาณาเขตบ้านของเขา สุดท้ายก็มาจบอยู่ที่ห้องทำงานใหญ่ชั้นล่าง บ้านนี้เป็นกำแพงกระจกเสียส่วนใหญ่ รวมถึงห้องทำงานของเขาด้วยเช่นกัน
ปารวีเดินตามราเดนเข้ามาด้านในก็กวาดสายตามองห้องทำงานตกแต่งเป็นโทนสีขาวสลับเทาเช่นเดียวกับตัวบ้าน เธอมองตรงไปยังมุมสุดของห้องที่เปิดม่านรับแสงสว่าง ตรงนั้นเป็นมุมที่วางโต๊ะทำงานของราเดน มีเพียงแค่โต๊ะสีเทาพร้อมกับเก้าอี้สีเดียวกันที่วางตั้งเอาไว้ บนโต๊ะมีเพียงแค่โน๊ตบุ๊คและโคมไฟสีเทา หลังโต๊ะทำงานเป็นตู้เอกสารสีเทาขนาดไม่ใหญ่มากนักวางตั้งอยู่ตัวเดียวโดดๆ
