บท
ตั้งค่า

EP 5 ต้นไม้ที่ไม่มีคนรดน้ำ แต่ก็มีคนที่ยังต้องการอยู่นะ

I Hate You and I Love You

บทที่ 5

ต้นไม้ที่ไม่มีคนรดน้ำ แต่ก็มีคนที่ยังต้องการอยู่นะ

…………………

"เฮ้อ" ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะที่กำลังปิดประตูบานใหญ่ หลังจากที่เพิ่งจะกินข้าวเช้ากันเสร็จ เพื่อนสมัยเด็ก ก็ทิ้งเธอไปโรงเรียนก่อนอีกแล้ว

"เฮ้อ" น้ำหนาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินไปโรงเรียนด้วยท่าทีเหี่ยวเฉา ซึ่งโรงเรียนก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านที่อาศัยอยู่เท่าไหร่นัก

ที่พัก ที่น้ำหนาวอาศัยอยู่ คือบ้านของจุน โดยพ่อแม่ของจุน ซึ่งก็คือเพื่อนของพ่อน้ำหนาว ได้ซื้อเอาไว้ให้น้ำหนาวและจุนอาศัยอยู่ด้วยกัน ในระหว่างอยู่ที่เกาหลี เป็นหมู่บ้านที่ผู้คนไม่พลุกพล่านวุ่นวาย เพราะเป็นย่านที่บ้านมีราคาแพงพอสมควร ผู้คนที่อาศัยอยู่แถวๆ นี้ ก็มักจะเป็นพวกดารา ศิลปิน ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง

พ่อแม่ของจุน และพ่อของน้ำหนาว เป็นเพื่อนกันมานาน ตั้งแต่สมัยที่พ่อของน้ำหนาวมาเรียนที่เกาหลี จึงทำให้พวกเขาสนิทกัน และคบหากันมาเนิ่นนาน จนกระทั่ง พ่อแม่ของจุนได้ย้ายไปอยู่เมืองไทย และให้กำเนิดจุนขึ้นมา และมิตรภาพจากรุ่นพ่อ ก็ได้ถูกส่งต่อมายังรุ่นลูกด้วย โดยพ่อแม่ของจุนนั้น เอ็นดูน้ำหนาวมาก เพราะใจอยากมีลูกสาวเพิ่มอีกคน แต่น่าเสียดาย ที่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถมีลูกสาวได้สักที ครั้งที่น้ำหนาวต้องการติดตามจุนมาที่เกาหลี แต่บิดาของเธอ ก็ค้านหัวชนฝา เพราะรู้นิสัยของลูกดี ว่าเป็นคนหัวอ่อน และด้วยความที่หวงลูกเกินกว่าใคร หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร ก็จะไม่ยอมให้เธอมา แต่ก็ได้พ่อแม่ของจุนช่วยเกลี้ยกล่อมให้ จนทั้งสองยอมใจอ่อน น้ำหนาวจึงได้มาเกาหลีสมใจ

ตึก ตึก ตึก

สองเท้าเล็กค่อยๆ ก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า ด้วยความหมดอาลัยตายอยากจนไม่ได้มองทางข้างหน้า เพราะเอาแต่ก้มหน้าเดิน จึงทำให้เดินชนเข้ากับแผ่นหลังของใครบางคนเข้า

ผลัก!

"โอ๊ย!" หน้าผากเล็กชนเข้ากับแผ่นหลังแกร่งเข้าอย่างจัง จนร่างเล็กเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ เท้าเล็กก้าวถอยหลังไปจนเกือบตกฟุตบาทถนน แต่ก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้น ก็ถูกมือของคนถูกชนคว้าแขนเอาไว้ได้ทัน

หมับ!

และทันทีที่ได้มองคนตรงหน้าเต็มๆ ตา ก็ทำให้น้ำหนาวนิ่งไปด้วยความตกใจ เพราะรูปร่างหน้าตาของคนตรงหน้า ละม้ายคล้ายเพื่อนสมัยเด็กเหลือเกิน ต่างกันก็แค่สีผม ที่คนตรงหน้า มีเส้นผมสีน้ำตาลประกายแดง ยามที่ต้องแสงมันช่างดูสว่างไสว ต่างกับอีกคน ที่มีเส้นผมเป็นสีดำสนิทเงางาม ความละม้ายคล้ายกันนี้ ทำเอาหัวใจดวงเล็กเผลอเต้นตึกตักไปแวบหนึ่ง เพราะคิดว่าเขาเป็นใครอีกคน

"เจ็บหรือเปล่า" เสียงอบอุ่นน่าฟังดังขึ้น เพื่อเรียกสติคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังยืนตัวแข็งอยู่

"ขะ ขอโทษค่ะ ไม่เจ็บค่ะ" น้ำหนาวเอ่ยบอกคนตรงหน้าด้วยความร้อนรน เมื่อตั้งสติได้ ก่อนจะพยายามดึงมือตัวเองกลับ

"เดินถนนจะเอาแต่ก้มหน้าไม่ได้นะ" ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี

"ขะ ขอโทษค่ะ" น้ำหนาวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอึกอัก เพราะทั้งๆ ที่เธอเป็นคนเดินชนเขา แต่ทว่าเขากลับไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเธอเลยสักนิด จนเผลอเปรียบเทียบในใจ ว่าถ้าตอนนี้ คนตรงหน้าคือเพื่อนสมัยเด็ก ป่านนี้สิ่งที่เขาจะพูดกับเธอก็คงเป็นคำว่า น่ารำคาญ

"ไม่เจ็บแน่นะ หน้าผากแดงหมดเลย" เขาเอ่ยถามย้ำ

"โอเคค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ" น้ำหนาวพยักหน้าหงึกหงักด้วยท่าทีร้อนรน

"กำลังจะไปโรงเรียนหรอ งั้นไปด้วยกันเลยมั้ย" ร่างสูงเอ่ยถาม เมื่อเห็นท่าทีอึกอักของน้ำหนาว ใบหน้าหล่อก็คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา เมื่อพิจารณาดีๆ ก็พบว่าเขากำลังสวมเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกับเธออยู่ แต่น่าจะอยู่คนละสาขา เพราะเขาสะพายกระเป๋าเขียนแบบอันใหญ่อยู่

"ถ้าไม่ไปตอนนี้จะสายเอานะ" ร่างสูงเอ่ย ก่อนจะเอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มกวนๆ ยามที่เขายิ้ม โลกช่างดูสดใสเหลือเกิน

หลังจากวันที่โชว์เคสจบลง น้ำหนาวก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนๆ กับทุกวันที่ผ่านมา แต่ทว่า กลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป เพราะมีคนให้ความสนใจเธอมากขึ้น จนบางครั้ง สายตาของเหล่าผู้คนที่มองมานั้น มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด และยิ่งเธอเดินเข้ามากับคนที่ออร่ากระจายข้างๆ นี้ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่ เพราะตั้งแต่หน้าโรงเรียนทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เธอ ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะน้ำหนาวเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินลูกเดียว

"ขอตัวก่อนนะคะ" น้ำหนาวเอ่ยลา ก่อนจะรีบเดินจากไปทันที

"ไว้เจอกันใหม่นะ...น้ำหนาว" ร่างสูงพึมพำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองตาร่างเล็กไป มือหนากระชับกระเป๋าเขียนแบบในมือก่อนจะหมุนตัวเดินแยกไปสาขาศิลปะ

อีกมุมหนึ่ง

ห้อง A สาขาการร้องเพลง

"ปล่อยให้คาดสายตาไม่ได้เลยสินะ" เสียงทุ้มใหญ่มีเสน่ห์พึมพำเบาๆ ดวงตายังคงจับจ้องไปที่ร่างของชายหนุ่ม และหญิงสาวที่เดินเข้าโรงเรียนมาด้วยกัน

พักกลางวัน

ห้อง B สาขาดนตรี

การเรียนคาบเช้า ผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่พอเสียงสัญญาณประกาศแจ้งเตือนหมดคาบเช้า น้ำหนาวก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที มือเล็กรีบคว้ากล่องข้าวที่เตรียมไว้ และเดินออกจากห้องไปทันที

"เดี๋ยวน้ำหนา..... อ้าวไปซะแล้ว" ยังไม่ทันที่จองอูจะเอ่ยจบประโยค น้ำหนาวก็เดินออกจากห้องไปแล้ว เป็นภาพชินตาเวลาพักเที่ยงทีไร น้ำหนาวก็จะหายตัวไปทันที ตอนขาไป ไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าขากลับ กับหน้าจ๋อยคอตกกลับมาทุกที

"หมอนั่นมีอะไรดีนะ ทำไมต้องทำเพื่อเขาขนาดนั้น" จองอูพึมพำ

เรื่องซุบซิบของน้ำหนาวมักจะลอยเข้าหูเขาเป็นประจำ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผู้หญิงที่ชื่นชอบในตัวจุน เลยพาลให้หมั่นไส้น้ำหนาวที่อยู่ใกล้ชิดจุนที่สุด ฉายาที่เขามักจะได้ยินคนเรียกน้ำหนาวก็จะมี คนส่งข้าวกล่องบ้าง ยัยเบ๊บ้าง ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะขนาดเจ้าตัวยังเลือกที่จะปล่อยผ่าน เขาพอจะรู้อยู่บ้างว่าทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก และดูเหมือนน้ำหนาวจะคิดกับเพื่อนสมัยเด็กมากกว่าเพื่อนทั่วๆไป ขนาดเขายังดูออก แต่คนที่ใกล้ชิดกับน้ำหนาวที่สุดจะดูไม่ออกเลยงั้นหรอ หรือว่ารู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด

"เอ๋?" ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นภายในใจ ซึ่งจองอูก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกจี๊ดๆขึ้นมา

ตึก ตึก ตึก

แอ๊ด

และไม่นานน้ำหนาวก็เดินกลับมาด้วยใบหน้าห่อเหี่ยวพร้อมกับกล่องข้าวในมือ ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง เห็นดังนั้นจู่ๆ จองอูก็ยิ้มกว้างออกมา หัวใจรู้สึกเต้นแรงแปลกๆ

กำลังรออยู่เลย

หมับ

"ไปกินข้าวกัน" จองอูเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนจับฉุดแขนของน้ำหนาวให้ลุกขึ้น

"ก็ได้" น้ำหนาวเอ่ยเสียงแผ่ว ถ้าได้ไปรับลมเย็นๆ บนดาดฟ้าคงทำให้สดชื่นขึ้น

"อันนี้น่ะ ขอนะ" จองอูฉวยเอากล่องข้าวในมือน้ำหนาวมาถือไว้

"จะหลอกกินข้าวฟรีอีกแล้วใช่มั้ย" น้ำหนาวเอ่ย

"รู้ทันซะแล้ว"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel