2. คุณหนูปริม
ตอนที่2.คุณหนูปริม
@ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
“ฮัดเช้ย!!” ปรีชญายกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างว่องไว ก่อนจะจามออกมาราวกับรู้ว่ามีใครกำลังพูดถึงเธออยู่
“กลับกันดีไหมครับ เราออกมาหลายชั่วโมงแล้วนะครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะขยับเท้าเข้ามาอยู่บริเวณด้านหน้าของคุณหนูสาว
ในมือของจูโน่นั้นเต็มไปด้วยถุงสินค้าจากแบรนด์ดังต่างๆมากมาย เขาคือคนที่เจ้าสัวเปรมชัยจ้างเอาไว้เพื่อดูแลลูกสาวของตัวเองโดยเฉพาะ เพราะฉนั้นหน้าที่ของจูโน่ก็คือคอยตามใจคุณหนูและคอยปกป้องดูแลเธอแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
เพียงแค่เห็นร่างเล็กจามออกมาหนึ่งครั้ง การ์ดหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะชักชวนเธอกลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์
“อะไรกัน ฉันยังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ เราไปทานข้าวกันก่อนค่อยกลับ นายอยากทานอะไรจูโน่ คาเวียร์หรือทรัฟเฟิล?“ เสียงแหลมถามกลับด้วยสีหน้าไม่ยอมกลับในตอนนี้เป็นแน่
เธอเสียพลังไปกับการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมายจะให้กลับบ้านไปแบบท้องยังว่างไดัยังไง มือเล็กยกขึ้นจิ้มนิ้วชี้ไปบนหน้าตัวเองพร้อมกับทำสีหน้าขบคิดอย่างยากลำบากถึงอาหารราคาแพงสุดหรูที่เธอคิดอยากจะรับประทานในวันนี้ เพราะในใจนั้นมีตัวเลือกหชายอย่างเต็มไปหมด
"ไปทานทรัฟเฟิลกันดีกว่า วันนี้ฉันอยากกินสปาเก็ตตี้เห็ดทรัฟเฟิลซอสฉ่ำๆ^^“
ไม่รอให้บอร์ดี้การ์ดประจำตัวได้โต้ตอบอะไร ปรีชญาก็ตัดสินใจให้ตัวเองเสร็จสรรพ ร่างสวยสง่าในชุดเดรสสีม่วงประดับประดาไปด้วยเพชรวิบวับหมุนตัวเดินตรงดิ่งไปยังร้านอาหารอิตาลีชื่อดัง โดยมีจูโน่รีบสาวเท้าเดินตามไปติดๆท่ามกลางข้าวของพะรุงพะรังที่บอร์ดี้การ์ดหนุ่มถือเอาไว้เต็มสองมือ
ดูท่าวันนี้ก็คงจะเป็นวันที่ยาวนานสำหรับเขาอีกเช่นเคย
วันต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณหนู....อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ” เสียงป้าชื่นเคาะประตูห้องนอนจากด้านนอกก่อนจะเปิดเข้ามาด้านในดั่งเช่นทุกเช้า ส่งผลให้ร่างบางที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงหรูหกฟุตค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย
ปรีชญาค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงก่อนที่ปากเล็กจะยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกับหาวออกมาด้วยความรู้สึกที่ยังไม่ตื่นดี ร่างเล็กบิดไล่ความเมื่อยล้าเบาๆเล็กน้อย ในขณะที่ป้าชื่นแม่บ้านวัยห้าสิบห้าปีกำลังเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อรับแสงแดดจากภายนอกให้สาดผ่านเข้ามาดั่งเช่นทุกวันที่นางคอยบริการคุณหนูของตัวเอง
“วันนี้คุณท่านรอทานอาหารเช้าพร้อมคุณหนูนะคะ”
ร่างท้วมเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงหลังจากเปิดผ้าม่านรับแสงแดดอุ่นๆเสร็จ มือเหี่ยวย่นก็ไม่รอช้าที่จะหยิบชุดคลุมสีขาวสะอาดมากางเตรียมรออีกคน เพราะตอนนี้ปรีชญานั้นกำลังอยู่ในชุดนอนบางๆเท่านั้น
ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้บิดาอยากที่จะทานข้าวเช้ากับเธอ เพราะปกติพ่อของเธอไม่ชอบทานอาหารเช้าเท่าไหร่ แค่กาแฟแก้วเดียวท่านเจ้าสัวก็สามารถใช้ชีวิตได้ถึงเที่ยงวัน อีกอย่าง....สถานการณ์ก่อนหน้านี้ของเธอกับผู้ให้กำเนิดนั่นก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ป้าชื่นรู้หรือเปล่าว่าเรื่องอะไร“ ปากเล็กเอ่ยถามในขณะที่อีกคนกำลังสวมชุดคลุมให้เธออยู่
”ป้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะคุณหนู”
“เดี๋ยวป้าไปเปิดน้ำอุ่นให้นะคะ” ว่าจบร่างสูงวัยก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อตระเตรียมน้ำอุ่นสำหรับแช่ตัวให้คนตัวเล็ก
โดยที่ชื่นนั้นก็ทำแบบนี้มาจนเคยชิน ตั้งแต่คุณหนูของนางเติบโตเป็นสาว ปรีชญาก็มักจะมีกิจวัตรประจำวันของตัวเอง เธอจะสั่งให้แม่บ้านมาปลุกทุกๆแปดโมงเช้าและเธอจะแช่น้ำในอ่างทุกๆสามวันและขัดผิวอาทิตย์ละสองครั้งและอะไรต่างๆอีกมากมายที่หญิงสาวเป็นคนสร้างกฎขึ้นมา
เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับตัวเอง มีแม่บ้านคอยบริการ มีบอร์ดี้การ์ดคอยตามดูแล ไหนจะเงินทองมากมายที่ผู้เป็นพ่อหาเอาไว้ให้ใช้ได้อย่างสบายๆนั่นอีก แต่เห็นแบบนี้หญิงสาวเองก็พอจะมีงานอดิเรกของตัวเองอยู่บ้าง แม้จะไม่ชอบทำงานอะไรอย่างเป็นชิ้นเป็นอันแต่ปรีชาก็แอบเอาเงินดิจิตอลที่บิดาให้ทุกเดือนไปลงทุนอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ได้จริงจังนัก เรียกได้ว่าทำแบบขำๆเสียมากกว่า
เนื่องจากเติบโตมาอย่างสบายและถูกตามใจอยู่เป็นนิจ ทำให้หญิงสาวไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตจะต้องขวานขวายทำอะไร อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เว้นแต่ว่า....บิดาของเธอจะไม่พยายามหาผู้ชายยัดเยียดเข้ามาในชีวิตของเธออีก เธอน่ะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุดที่ชีวิตนี้ไม่ตกเป็นทาสของความรัก
เพราะเมื่อคนเรามีรัก....ก็เท่ากับว่าเราหาทุกข์ใส่ตัวเอง
ครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวเข็ดหลาบจากความรักก็น่าจะเป็นช่วงที่เธออยู่มหาลัยปีหนึ่ง......
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู”
เสียงของป้าชื่นดังขึ้นทำให้ปรีชญาได้สติ หญิงสาวจึงหันไปตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ
“อีกยี่สิบนาทีจะลงไป บอกพ่อด้วยนะคะ”
“ค่ะคุณหนู ป้าจะแจ้งคุณท่านให้ค่ะ” ป้าชื่นตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม ได้ยินแบบนั้นร่างบางสมส่วนจึงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับเริ่มต้นการแช่น้ำอุ่น
หลายนาทีต่อมา....
ตึก
ตึก
เสียงฝีเท้าเล็กเดินตรงเข้ามาในห้องอาหารอันแสนโอ่อ่าก่อนที่สาวใช้จะรีบขยับตัวมาเลื่อนเก้าอี้ออกให้คุณหนูประจำบ้านดั่งเช่นทุกเช้า
ครืด~
เจ้าสัวเปรมชัยเงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวอย่างพินิจพิจารณาเพราะอีกคนมีหน้าตาละม้ายละไมคล้ายกับอดีตภรรยาของเขาที่ทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็นตั้งแต่ตอนที่ปรีชญามีอายุเพียงแค่ห้าขวบ
”สลัดเบค่อนไข่กับน้ำส้มค่ะคุณหนู“ เสียงของสาวใช้ดังขึ้นพร้อมกับอาหารเพื่อสุขภาพที่อีกคนมักจะชอบทานทุกเช้าถูกเสิร์ฟเอาไว้ตรงหน้า
”ขอบใจ“
“ทานแค่นั้นมันจะไปได้สารอาหารอะไร”
เจ้าสัวอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นตามสิ่งที่ตนเองคิด ตั้งแต่ปรีชญาโตเป็นสาว เขาก็เห็นลูกสาวมักจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จนบางครั้งมันก็ออกจะมากเกินไป
หญิงสาวเหลือบสายตาไปมองผู้มีพระคุณเล็กน้อย สถานการณ์ระหว่างสองพ่อลูกนั้นดูตึงเครียดเล็กๆเพราะหลังจากที่คู่หมั้นคนที่สามโทรมาขอยกเลิกงานหมั้นอย่างกระทันหัน ปรีชญากับเจ้าสัวเปรมชัยก็เกิดมีปากเสียงกัน
อันที่จริงวันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายอาทิตย์ที่บิดามีเรื่องจะคุยกับเธอ
“ก็ทานแบบนี้มาทุกวัน คุณพ่อจะมาสนใจอะไรวันนี้คะ” ใบหน้าสวยตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำเอาผู้เป็นพ่ออดที่จะถอนหายใจออกมาให้กับความดื้อรั้นของอึกคนไม่ได้
นี่แหละลูกสาวเขา....ดื้อรั้น เจ้าอารมณ์และเจ้าระเบียบ
”จะโกรธพ่อไปถึงไหน“ เจ้าสัวเอ่ยถามอย่างยอมแพ้ เพราะถ้าให้เขาเล่นสงครามความเงียบกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตน เขาเองก็ยังไม่เคยชนะเลยสักครั้ง
”ไม่รู้สิคะ จนกว่าคุณพ่อจะเลิกหาผู้ชายมาให้ละมั้ง“
เจ้าสัวใหญ่ส่ายหัวออกมาให้กับคำตอบที่ฟังดูประชดประชันนั้น
“เราก็เลิกใช้เงินซื้อความสุขตัวเองสักทีสิ”
ปึก!
มือเรียวตัดสินใจวางช้อนลงตามเดิมเมื่อได้ยินแบบนั้น
“คุณพ่อพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ? จะบังคับให้ไปทำงานที่บริษัทอีกแล้วเหรอ“
หญิงสาวถามกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึง เพราะหลายครั้งที่บิดาพยามยัดเยียดให้เธอไปทำงานที่นั่นที่นี่ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล เพราะเนื่องจากปรีชญาเป็นคนที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวลูกและติดความสะดวกสบายเป็นส่วนใหญ่ทำให้เธอมีปัญหาการเข้ากับคนและกลายเป็นคนที่ไม่ประสบผลสำเร็จในด้านของการไปทำงาน
”พ่อไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เพียงแต่พ่อแค่กลัวปริมดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้าหากวันนึงไม่มีพ่อปริมจะทำยังไง“
เจ้าสัวเปรมชัยพยายามอธิบายให้ลูกสาวฟังอย่างใจเย็น...ถึงความกังวลที่เขามี
”.....“ ซึ่งปรีชญาพอได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมา
