ตอนที่ 3/5
ลมหายใจร้อนผ่าวปะทะเข้ากับผิวหนังข้างลำคอ ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มจะเลื่อนมาชนกับสันกรามใกล้ๆ กับใบหูไม่รู้บังเอิญหรือตั้งใจแต่หัวใจฉันเต้นโครมครามขึ้นมาทันที ใบหน้าร้อนผ่าว ร่างกายแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูกกับสัมผัสวาบหวิวนั่น
“ชอบอาบน้ำแบบนี้ก็ไม่บอก”
“...” ฉันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เหลือบมองเจ้าของเสียงทุ้มต่ำขยับตัวออกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะยันกายลุกขึ้น
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดหาคำพูดมาตอบโต้เขาเพื่อลดความประหม่าลง สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นเลือดสีแดงบนหลังมือของคาเร็นเข้า
ฉันเบิกตากว้าง... อย่าบอกนะว่าเพราะช่วยฉัน
“คาเร็นมือนาย”
หมอนั่นยกมือข้างที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นดู ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ช่างเถอะ รีบกลับกันได้แล้ว แต่ถ้าเธออยากจะอยู่ต่อก็ตามใจ” แล้วผู้ชายจอมหยิ่งคนนั้นก็ค่อยๆ ก้าวขึ้นไปข้างบนอย่างระมัดระวัง ฉันชักสีหน้า ถึงจะรู้สึกขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้ แต่ท่าทางไม่สนใจไยดีแบบนั้นมันทำให้ฉันฉุนกึก
ฉันรีบย่ำเท้าเดินตามหลังคาเร็นไปจนทันก่อนจะคว้าข้อมืออีกข้างของเขามาจับแน่น
“อย่างน้อยนายก็น่าจะล้างแผลก่อนนะ”
คาเร็นหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ฉัน
เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“ก็นี่ไง ฉันถึงได้บอกให้รีบกลับ” มือฉันถูกสะบัดทิ้งอย่างไม่ไยดีเช่นเคย ร่างสูงก้าวฉับๆ เดินห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
“...” สายลมเย็นพัดวูบมากระทบใบหน้า ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งจะถูกปฏิเสธเรื่องสำคัญไปอย่างบอกไม่ถูก ถ้อยคำและแววตาที่แสดงออกมาว่าไม่มีฉันอยู่ในสายตาของคาเร็น ทำให้ฉันทั้งหงุดหงิดและหดหู่ในเวลาเดียวกัน
บางทีฉันอาจจะแค่กำลังไม่พอใจที่ถูกใครบางคนหมางเมินก็ได้
ฉันเร่งฝีเท้าตามหลังคาเร็นมาอย่างกระหืดกระหอบ เพราะบรรยากาศรอบข้างเริ่มมืดลงเรื่อยๆ หรือเพราะอาการบาดเจ็บที่มือทำให้หมอนั่นรีบเดินจนไม่สนใจว่าฉันจะตามทันหรือเปล่า กว่าฉันจะออกมาพ้นชายป่า แผ่นหลังของคาเร็นก็ผลุบหายไปจากสายตาแล้ว
...สิ่งที่คาเร็นแสดงออก มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บลึกๆ ข้างในอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่มีใครอยากถูกเมินหรอก เชื่อสิ
บ้านพักเงียบผิดปกติ หน้าประตูมีเพียงรองเท้าของคาเร็นถอดอยู่ ฉันรู้สึกใจแป้วขึ้นมาทันที แสดงว่าทุกคนคงไปรวมตัวกันที่โรงเรียนหมดแล้ว จะเหลือก็แต่เรา...
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน ก็พบคาเร็นยืนกอดอกจ้องมองมาที่ฉันอยู่ก่อนแล้ว ฉันเลิกคิ้วสงสัยกำลังจะเอ่ยปากถามออกไปหมอนั่นก็ชิงพูดออกมาซะก่อน
“เธอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวฉันอาบทีหลัง”
“...” ฉันได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น เดินผ่านร่างสูงเข้ามาในห้องอย่างเถียงอะไรไม่ออก เพราะรู้สึกผิดที่มีส่วนทำให้เขาบาดเจ็บแต่ในขณะเดียวกันก็เจ็บใจที่ต้องเชื่อฟังคำพูดของเขาด้วย
เฮ้อ~ แล้วทำไมฉันต้องมาติดอยู่ที่นี่กับคนอย่างคาเร็นด้วยนะ เปลี่ยนเป็นคุโชว์แทนได้ม้าย~ อยากร้อง T^T
“...”
20 นาทีผ่านไป
เฮือก!!! Oฉันทำหน้าผวาเมื่อหันกลับมาก็จ๊ะเอ๋เข้ากับคาเร็นที่เดินมาพอดี ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างพันด้วยผ้าขนหนูแบบหมิ่นเหม่ หยดน้ำเกาะพรมตามร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อชวนหลงใหล ฉันรู้สึกเหมือนพื้นดินเอียงวูบ หน้ามืดตาลายกับมัดกล้ามแกร่งๆ ของคาเร็นไปชั่วขณะ
หมอนั่นเหลือบมองฉันด้วยแววตาแข็งกระด้างเหมือนกำลังหงุดหงิดที่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้ ฉันรีบหันหลังให้เขาในทันที ก่อนจะพูดออกไปเสียงสั่น
“ฉะ... ฉันไปรอข้างนอกบ้าน... นะ...” แล้วก็เดินออกมาทันที
บ้าเอ๊ย ฉันพ่นลมออกจากปากอย่างรู้สึกโล่งอก ยกมือขึ้นจับแก้มที่ร้อนผ่าวอย่างไม่หายประหม่า หัวใจเต้นตึกตักจนแทบจะทะลุออกมานอกอก หมอนั่น... รู้ทั้งรู้ว่าฉันอยู่ในบ้านยังจะกล้าออกจากห้องน้ำมาด้วยสภาพแบบนั้นอีก! เป็นโรคจิตหรือไง
ความเย็นเยียบรอบข้างทำฉันต้องยกแขนขึ้นกอดอก ระหว่างนั้นก็เหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือไปพลาง นี่ก็ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วคาเร็นยังไม่ออกมาสักที คิดจะให้รอไปถึงไหนกันนะ ขณะที่ฉันกำลังจะหันกลับไปเรียก ประตูบ้านก็ถูกผลักออกมาพอดี คาเร็นโผล่หน้าออกมาและมองฉันด้วยสายตาเฉยเมยเหมือนเดิม -*-
“จริงๆ ไม่ต้องรอก็ได้นะ” เขาก้มลงสวมรองเท้าก่อนจะเดินนำออกไปอย่างไม่พูดอะไรอีก
ฉันอ้าปากเหวอ ยืนงงไปชั่วขณะ รีบสาวเท้าตามไปเพราะไม่อยากโดนทิ้งห่างมาก เนื่องจากบรรยากาศรอบข้างค่อนข้างมืด แถมสองข้างทางยังถูกโอบล้อมไปด้วยพงไพรอีกต่างหาก ฉันเองก็ใช่ว่าจะใจกล้าไม่กลัวอะไรเลยซะที่ไหน
“นี่...” ฉันเอ่ยขึ้นเมื่อตามมาทันเพื่อทำลายความเงียบที่น่ากลัวแกมอึดอัดนี่
“...” คาเร็นไม่ตอบ เขายังเดินต่อไปข้างหน้าเหมือนไม่ได้ยินเสียงของฉัน ระหว่างนั้นฉันอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมือข้างที่กระแทกหินของเขา มันถูกพันด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างแน่นหนา ฉันค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย... แสดงว่าที่ขลุกอยู่ในบ้านนานๆ ก็เพราะกำลังรักษามือตัวเองอยู่นี่เอง
“ขอบใจนะที่ช่วยฉันน่ะ”
“...”
“และก็ขอโทษด้วย” ฉันพูดออกไปเสียงแผ่ว หลุบตามองพื้นอย่างรู้สึกผิดจริงๆ
“เรื่องอะไร”
ฉันเหลือบมองหน้าหมอนั่นด้วยความรู้สึกแปลกใจ นึกว่านายจะหุบปากเงียบไปตลอดทางแล้วซะอีก
“ก็ที่ทำให้นายบาดเจ็บไง”
“ฉันต่างหากที่ผิด”
“เอ๊ะ?” นายจะผิดได้ยังไง ก็ฉัน...
ความคิดของฉันชะงักกึกเมื่อคาเร็นเอ่ยประโยคต่อมา “ผิดที่ไปช่วยเธอยังไงล่ะ”
“...!!!” วะว่าไงนะ ฉันชะงักเท้ากึก มองตามแผ่นหลังของผู้ชายปากร้ายคนนั้นไปอย่างพูดอะไรไม่ออกสักคำ นายกำลังจะบอกว่า น่าจะปล่อยให้ฉันพลั้งตกลำธารไปคนเดียวดีกว่าใช่ไหม!? หน็อย! ถ้างั้นแล้วนายเสนอหน้าเข้ามาช่วยฉันไว้ทำไม ฮึ่ย!!!
หลังจากนั้นฉันก็ไม่คิดจะชวนคาเร็นคุยอีกเลย