11 | หนี้ที่ไม่ได้ก่อแต่ต้องชำระ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ณัฐริการู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หลังจากที่เธอเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ได้ เพราะครั้งสุดท้ายที่จำได้คือ เธอมีปากเสียงกับคริปโตส จนเขาล่ามเธอด้วยโซ่ จากนั้นเธอก็นั่งร้องไห้อย่างหนักอยู่พื้นพรหม แล้วนี่เธอขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไง หญิงสาวคิดกลับไปกลับมาพร้อมกับมองไปที่ข้อเท้าของตนเองยังคงถูกล่ามด้วยโซ่เหมือนเดิม
“ไอ้คนบ้า! โรคจิต! ซาดิส! ไม่มีหัวใจ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ใช่นักโทษนะคริปโตส คุณอยู่ไหนมาเอาโซ่บ้าๆ นี่ออกไปจากขาฉันเดี๋ยวนี้นะ!”หญิงสาวเมื่อสำนึกได้อย่างนั้นก็ตะโกนลั่นคฤหาสน์หลังใหญ่จนคนใช้ในบ้านได้ยิน
“เอ่อ คุณคริปโตสคะคุณณัฐตื่นมาก็โวยวายลั่นเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ”มิเชลแม่บ้านวัยกลางคนกรอกเสียงไปตามสายเมื่อคุณหนูของนางรับสาย
“หึ!! ให้โวยวายอยู่ยังนั้นแหละ เดี๋ยวฉันกลับไปจัดการเอง”คริป โตสบอกและวางสายทันทีที่พูดจบ หลังจากนั้นหันมาให้ความสนใจอ่านเอกสารที่วางเต็มโต๊ะทำงาน มีทั้งเอกสารสำคัญที่ต้องเซ็น จนตอนนี้เขาจัดการจนเกือบเสร็จแล้ว
เมื่อเช้าเขาตื่นตั้งแต่รุ่งสางเห็นร่างบางยังหลับอยู่ จึงไม่อยากกวน เลยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำออกมาทำงาน เพราะอยากกลับมาหาเธอเร็วๆ ตลอดเกือบเดือนที่อยู่ด้วยกันทำให้เขาแอบคิดนิดๆ ว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีเธอแล้วจะทำอย่างไร แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนเริ่มดื้อรั้นเอาแต่ใจเขาต้องจัดการให้เลิกรั้นแล้วฟังคำสั่งเขา
“ฟิลิปเดี๋ยวฉันจะกลับบ้าน ฝากนายดูแลบริษัทให้ฉันที”บอกคนสนิทที่เป็นทั้งเลขาซึ่งยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง
“ครับนาย” รับคำพร้อมกลับก้มหัวลงเล็กน้อย
“ฉันจะกลับไปปราบม้าพยศซักหน่อย”เอ่ยอย่างนั้นแล้วก็รีบสาวเท้าไปที่ลิฟต์อย่างไวปานความเร็วแสง
รถสปอร์ตหรูสีดำวิ่งด้วยความเร็วสูงจนถึงที่หมายอย่างทันกาล ขาแกร่งลงจากรถเมื่อถึงคฤหาสน์ เขาได้ยินเสียงของร่างบางตะโกนโวยวายจนน่ารำคาญ ขาแข็งแรงเดินขึ้นไปชั้นบนสุดที่เป็นห้องนอนของเขาและเปิดประตูออกอย่างแรง
“นี่จะแหกปากอีกนานไหม ห๊ะ! หนวกหู!!”เสียงที่ตะคอกใส่คนตัวเล็กพร้อมกับก้าวขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอจ้องมองด้วยสายตาคุกคาม
“มาแล้วเหรอไอ้คนใจร้าย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”เธอตอกกลับอย่างเหลืออด
“ไม่ปล่อย!!”
“มันจะมากไปแล้วนะคริปโตส”
“ฉันชอบเวลาเธอเรียกว่าคริปโตสเฉยๆ จัง ดูสนิทกันดี”เขาพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อยั่วโมโหของคนร่างบาง แล้วก็เป็นผลเสียด้วย
“นี่! คุณฟังที่ฉันพูดบ้างไหม ห๊ะ!”
“นี่เธอยังไม่กินข้าวอีกเหรอ”สุรเสียงกดลงอย่างแข็งกร้าวจนเธอต้องก้มหน้างุด เพราะเห็นอาหารที่มิเชลทำมาให้เมื่อเช้ายังไม่มีรอยแตะสักนิด
“ไอ้ตาบ้า!”ณัฐริกาแวดเสียงออกมาอย่างเหลืออด เธอพูดอย่างหนึ่งเขาถามอีกอย่างหนึ่งจนเธอรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“ทำไมไม่กินข้าว”
“...”
“ฉันถามว่าทำไมไม่กินข้าว”ถามย้ำเพื่อให้ได้คำตอบทว่าเจ้าหล่อนยังคงนิ่งเฉย จึงทำให้อารมณ์ของเขาเดือดดาลขึ้นมาทันที
“...”
“ฉันถามว่าทำไมไม่กินข้าว”ถามพร้อมกับกระชากแขนเสลาให้ยืนขึ้นด้วยอาการเลือดขึ้นหน้า เมื่อถามอะไรไปหญิงสาวก็ไม่ตอบให้ความร่วมมือในการตอบคำถามที่เขาถามเลย
“นี่ปล่อยนะ! ฉันเจ็บ”ณัฐริกาพยายามแกะมือที่กำแน่นอย่างกับคีมเหล็กออก
“ฉันไม่กิน! ฉันอยากกลับบ้าน!!”เสียงเธอเริ่มอ่อนลงแล้วแหงนเงยหน้าสบสายตาคู่คมด้วยสายตาอ้อนวอน
“นี่ ตลอดเวลาที่เธอมาที่นี่ฉันพยายามคุยกับเธอดีๆ แล้วนะ”เขาพยามข่มอารมณ์อย่างเหลืออด เอ๊ะอ๊ะอะไรก็จะกลับบ้านๆ
“ฉันไม่ได้อยากมานิ...คุณจับฉันมาทำไม”
“แม่เลี้ยงเธอเป็นหนี้ฉันอยู่”แน่ใจหรือว่าที่เขากักขังเธอเอาไว้เพียงเพราะเรื่องหนี้สินที่แม่เลี้ยงของเจ้าหล่อนทำเอาไว้ เศษเสี้ยวความรู้สึกของเขามันกระตุกหัวใจด้านชาให้สั่นไหวระรัว สายตาหวานที่เว้าวอนขอความเห็นใจจากเขาทำให้ชายหนุ่มแทบใจอ่อน
“ทำไมฉันต้องมาอยู่กับคุณ ทั้งๆ ที่หนี้นั้นฉันไม่ได้ก่อ”เวรกรรมใดหนอที่เธอเคยก่อ ทำให้ส่งผลให้เธอต้องมาเจอคนใจร้ายอย่างเขาด้วยนะ
“อย่ามาบีบน้ำตาณัฐริกา ฉันจะไม่มีปล่อยเธอไป”คริปโตสพูดพร้อมกับผลักร่างบางลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างแรง
“ฉันจะไม่ให้เธอไปจากคนอย่างฉัน”
“ทำไม?”เขาจะกักขังเธอไปทำไม ทั้งที่ร่างกายของเธอเขาก็ได้ไปแล้ว ตอนนี้เธอเหมือนขยะที่ไม่มีราคาค่าตัวอะไรเลยสักนิด
คริปโตสถึงกับพูดไม่ออกมันก็จริงของเธอ ทำไมกัน? เขาเคยถามคำถามนี้กับตัวเองก็หลายครั้งแล้วนะ ทำไมถึงไม่มีคำตอบสักที...
