1 คุณหนูอย่างนั้นหรอ!!
พลึ่บ!!!
“มีใครเป็นหมอหรือพยาบาลบ้างไหมคะ ต้องการหมอหรือพยาบาลด่วนเลยค่ะ!!
เสียงของแอร์โฮสเตสสาวที่ตาลีตาเหลือกด้วยความตื่นเต้นกึ่งตระหนกตกใจกุลีกุจอถามหาหมอหรือผู้ช่วยพยาบาลในขณะที่เครื่องกำลังบินอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดของผู้โดยสารที่เริ่มหันมามองกันด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ท่าทางสุขุมแต่แฝงไปด้วยความรีบร้อน
“ผมเป็นหมอครับ”
“ทางนี้เลยค่ะคุณหมอ”
ธีร์ หรือธีรากร เจียรวานิช หนุ่มไทยแท้กับความสูงถึง 190 ดีกรีดอกเตอร์จากมหาลัยชื่อดังแห่งนครดูไบ รีบลุกจากที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสและรียเดินตามแอร์สาวเพื่อตรงดิ่งไปยังหญิงสาวที่ยังนอนแน่นิ่งไม่ได้สติตรงหน้า
ธีรากรเริ่มเช็คชีพจรและก็ต้องตกตะลึงกับอุณหภูมิของร่างกาย แต่แล้วก็ต้องรู้สึกคุ้นๆ กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
…
[หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า]
…
เสียงประกาศจากสนามบินดังขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายของผู้โดยสารที่กำลังทยอยขึ้นเครื่อง ไฟลท์กรุงเทพฯ - ดูไบเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง
ธีรากร หรือ “ธีร์” หนุ่มนักธุรกิจเจ้าของดีกรีดอกเตอร์ ก้าวเข้ามาในเกตด้วยท่าทางสุขุม แม้จะเป็นเวลาเดินทางที่แสนธรรมดา แต่เขากลับรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
ดวงตาคมกริบกวาดมองผู้โดยสารคนอื่น ๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก จนกระทั่งสายตาเขาสะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนรอเข้าแถว เธอสวมเสื้อโค้ทยาวสีเบจ ท่าทางดูรีบร้อน ราวกับพยายามหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่คนร่างสูงกว่า 190 เซนติเมตรต้องชะงักก็คือหญิงสาวหน้าตาดี ทว่าใบหน้าของเธอซีดเซียวยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างขึ้นเครื่อง เธอยังเดินตามหลังว่าที่ดอกเตอร์หนุ่ม แล้วยังเซถลาไปชนแผ่นหลังของเขา ในขณะที่เจ้าตัวกำลังจะเข้าไปนั่งยังโซน business class ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวหน้าตาดี กลับไร้สีของเลือดฝาดจะเอ่ยขอโทษโดยที่ไม่แม้แต่จะหันมองเขา และเดินจากไปยังโซนที่นั่งของตน
{ ตัดภาพมาปัจจุบัน }
…
“ผมขอทราบชื่อผู้โดยสารท่านนี้ด้วยครับ”
ว่าที่ดอกเตอร์หนุ่มเอ่ยถามแอร์สาว เพราะคนไข้เริ่มไม่ได้สติ สักพักแอร์โฮสเตสสาวจึงเอ่ยบอกกับคุณหมอหนุ่มว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าชื่อ ลิลิน เมธธางกูร
“ลิลิน …!! ลิลินครับ คุณได้ยินผมมั้ย? ”
ปากก็เอ่ยเรียกชื่อพร้อมกับตบที่แก้มใสของเธอเบาๆ
หญิงสาวหรี่ตามองเขาเล็กน้อยก่อนที่ภาพของคนตรงหน้าจะค่อยๆ อันตรธานหายไป
…….
นครดูไบ
ท่ามกลางความเหลื่อมล้ำและความเจริญสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวที่หายป่วยจากอาการไข้หวัดสายพันธ์เอ เธอเดินทางมาที่นี่เพียงคนเดียวเพื่อมาเรียนต่อปริญญาโท แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่เธอต้องมาที่นี่ ประเด็นหลักของเธอคือต้องมาคอยดูแลคุณชาย ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวตระกูลดัง เพียงเพราะครอบครัวเขามีพระคุณต่อครอบครัวของเธอ แม่ของหญิงสาวเป็นแม่บ้านที่นั่น เธอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ลิลินได้รับการดูแลมีการศึกษาและเติบโตมาอย่างดีกับครอบครัว “เวชวานิช” ที่เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างแม่ของเธอ นารี .. และก็ลูกสาวเพียงของเดียวของเธอ นั่นคือ ลิลิน ..
จะว่าไปแล้ว ลิลิน กับ อนาเรย์ พวกเขาทั้งสองต่างไม่เคยพบเจอกัน จะมีแค่ช่วงหกขวบแรกเพียงเท่านั้น แต่แล้ว อนาเรย์ก็ต้องมาเติบใหญ่อยู่ที่เมืองนอก ภายใต้การดูแลของ เวชวานิช เช่นเดิม เขาคือลูกครึ่งไทย- สหรัฐอาหรับเอมิเรต (UAE) ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลบ่อน้ำมันและแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง อนาเรย์เลือกเรียนแพทย์เพียงเพราะชอบความท้าทาย ซี่งนั่น ก็ไม่ได้กระทบกับธุรกิจของครอบครัว เพราะเขาคือทายาทผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน อนาเรย์สามารถจัดสรรบริหารตัวเองได้ดี แม้จะเรียนหมอ แต่ด้านบริหารเขาก็ทำได้เยี่ยมไม่แพ้กัน
คฤหาสน์เวชวานิช
“ผม 26 แล้วนะครับ ไม่ต้องการคนใช้หรือคนดูแลเพิ่มเติมอะไรทั้งนั้น”
“แต่มันเป็นคำสั่งคุณท่านนะคะคุณเรย์”
“เมื่อไหร่พวกเขาจะเลิกบงการผมสักที”
“คุณชายจะพูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูกนะคะ อีกอย่างวันนี้น้องสาวคุณชายก็คงมาถึงแล้วค่ะ”
“น้องสาว!! ผมมีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“โถ่ คุณเรย์คะ อย่าทำให้อิฉันต้องลำบากใจเลยนะคะ อีกอย่างคุณชายก็รู้ว่าคุณหนูลิลินเธอก็ถูกคุณแม่ของคุณอุปการะมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จะเปรียบไปแล้วเธอก็เหมือนน้องสาวของคุณชายนะคะ”
โซโล ป้าแม่บ้านเก่าแก่ที่คอยเป็นหูเป็นตาทุกอย่างแทน เวชวานิช เอ่ยบอกกับคุณชายที่รักของหล่อน
“งั้นโซโลก็คอยดูแล้วกัน ว่าเธอจะทนอยู่ที่นี่ได้กี่วัน”
“โถ่ คุณชายคะ อย่าพูดแบบนี้สิคะ”
“โซโลก็คอยบอกคนของเวชวานิชเองแล้วกัน เพราะผมจะไม่ยุ่ง”
ด้วยการถูกเลี้ยงดูมาอย่างคนขาดความรัก แม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ว่าเขากลับเติบโตมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว ขาดที่พึ่งทางใจ แต่ไม่มีอะไรที่อยากได้แล้วไม่ได้ อนาเรย์แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยเงิน เพราะเงินคือตัวกลางของมหาอำนาจและสามารถสยบได้ทุกสิ่งอย่าง เขากลายเป็นคนนิสัยเสียในข้อนี้ไปโดยปริยาย
..
..
..
ปรี้ม.. ปรี้มมม …
เมื่อได้ยินเสียงแตรรถยนต์ลีมูซีนคันหรู โซโลจึงรีบกดรีโมทเพื่อเปิดประตูให้ ระบบของบ้านนี้แม้จะไฮเทคแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากเซนเซอร์ที่ทำงานผ่านการควบคุมแล้ว ทุกคนที่นี่ต้องคอยตรวจตราให้ดีก่อนจะเปิดประตูบ้านทุกครั้ง ส่วนคนสวน คนงานชายที่บ้านต่างเก่งเร่งเรื่องการต่อสู้ ดังนั้นบอดี้การ์ดของที่นี่จึงมักจะอยู่ในคราบของคนสวน หรือพ่อบ้านธรรมดาๆ ไม่ได้ใส่สูทผูกไทด์แต่อย่างใด
..
… สวยจัง บ้านที่นี่ใหญ่โตไม่แพ้เมืองไทยเลยสักนิด …
หญิงสาวครุ่นคิดพลางมองไปยังบริเวณรอบตัวบ้าน แม้อุณหภูมิด้านนอกจะร้อนระอุถึง 38 องศา ทว่าเมื่อเข้ามาด้านในต่างเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ไม้ที่เขียวขจี สดใสน่ามอง กับการถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ คนที่นั่งนิ่งเงียบราวกับหุ่นยนต์มาสักพักจึงเริ่มขยับตัวแล้วหันมองตามรายทางด้วยความตื่นเต้น
“พื้นที่โดยประมาณ 30 ไร่ครับคุณหนู”
อีวาน คนขับรถเอ่ยบอกกับหญิงสาวที่ดูท่าทางตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อเขามองผ่านกระจกมองหลัง
“คือ… ลินไม่ใช่คุณหนูหรอกค่ะคุณน้า ลินก็มารับใช้คุณเรย์เหมือนกันค่ะ”
สิ้นคำ อีวานก็เอาแต่ยกยิ้มที่มุมปาก
“แต่ว่าดึกๆ คุณหนูลินจะออกไปไหนตามอำเภอใจไม่ได้นะครับ ถึงจะเป็นขอบเขตอาณาบริเวณของเรา” ชายวัยสี่สิบกว่าๆ เอ่ยบอกกับหญิงสาววัยยี่สิบสอง
“มีโจรหรอคะ!!” เสียงของเธอเอ่ยถามด้วยความตระหนกตกใจ
“โจรน่ะ ไม่มีหรอกครับ แต่งูนี่สิครับมันเยอะ งูที่นี่ดุนะครับ พิษก็แรง เผลอๆ ถึงตายได้เลยครับ”
ไม่ทันที่ลิลินจะได้เอ่ยต่อ แต่แล้วรถยนต์คันหรูก็มาถึงที่หมายเสียก่อน ลิลินสังเกตเห็นผู้หญิงในชุดแม่บ้านสามคนมายืนรอต้อนรับเธอ ตอนนี้หัวใจของเธอมันตื่นเต้นยิ่งนัก เมื่อจะได้เจอพี่เรย์ พี่ชายที่เธอจำฝังใจเมื่อตอนห้าขวบเขาเคยช่วยเธอลงจากต้นมะม่วง ครั้งนั้นถ้าไม่ได้พี่เรย์เธอคงตกลงมาทิ่มกับตอไม้ ซึ่งคนที่รับเคราะห์แทนเธอ ก็คือเขา พี่ชายหน้านิ่งที่ปากบอกว่าเธอไม่ใช่น้องสาว แต่พอมีเรื่องทีไร เขากลับเป็นคนแรกที่กระโจนตัวมาช่วยเธอแทบจะทุกครั้ง
ตึกๆ …
ตึกๆ …
สงสัยจะดีใจสินะที่จะได้เจอพี่ชาย แล้วพี่เรย์ยังจะจำลิลินได้ไหมนะคะ
“คุณหนูครับ เชิญครับ” อีวานเปิดประตูรถให้หญิงสาวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ลงมาจากตัวรถ
“สวัสดีจ้ะหนูลิน”
“สะ … สวัสดีค่ะคุณป้า …? ”
“ดิฉันโซโลค่ะ ส่วนนี่แป๋ว และนี่มีอาค่ะ”
“สวัสดีค่ะป้าโซโล ป้าแป๋ว มีอา”
ทุกคนดูท่าทางเป็นมิตร ยกเว้นมีอา เด็กสาวที่อายุ 22 เท่ากันกับลิลิน มีอาเป็นลูกครึ่งไทย- UAE ที่แม่ของเธอก็คือโซโลนั่นเอง มีอาแอบชอบคุณชายของตน แต่ก็ยังสงสัยมาโดยตลอดว่าอนาเรย์เขาชอบผู้หญิงหรือเปล่า ก็ตั้งแต่ที่มีอาย้ายมาอยู่กับแม่ที่คฤหาสน์เวชวานิช เธอก็ไม่เคยเห็นอนาเรย์พาผู้หญิงคนไหนมาที่บ้าน จะมีก็แค่สองเพื่อนหนุ่ม ที่ดูเหมือนจะสนิทลึกซึ้งกันเกินกว่าเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้นมีอาก็ไม่อยากจะคิดไปเอง เพราะตราบใดที่ความจริงยังไม่เฉลย เธอก็ยังพอมีสิทธิ์
“อย่าไปถือสามีอามันเลยนะคะคุณหนูลิน ป้าเลี้ยงเจ้าเด็กคนนี้ตามใจเกินไปจนเสียนิสัยค่ะ”
“ลินไม่โกรธและก็ไม่ได้ถือด้วยค่ะคุณป้า เดี๋ยวกระเป๋าลินลากไปเองได้ค่ะ”
“ได้ยังไงกันคะ หนักก็หนัก นี่อีวาน นายช่วยยกกระเป๋าคุณหนูไปเก็บให้ที”
อีวานแทบไม่ต้องถามว่าเอาไปเก็บที่ห้องไหน เพราะทุกคนที่นี่ต่างรู้ดีว่าลิลินถึงเธอจะมาที่นี่ในฐานะคนดูแลคุณชาย และเธอก็เป็นคนโปรดของเวชวานิชเป็นอย่างมาก อันที่จริงคุณหญิงแพร้ว แม่ของอนาเรย์ต่างเป็นคนอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังในเรื่องนี้ เพราะหล่อนต่างก็กลัวว่าลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลจะไม่ชอบผู้หญิง ซึ่งหากจะมีผู้หญิงดีๆ สักคน เธอก็ขอเลือกหนูลิน เด็กสาวเพียงคนเดียวที่เธอปั้นมากับมือ หนูลินเป็นคนดี ว่านอนสอนง่าย ไม่เคยเกเรเลยสักครั้ง แล้วคุณหญิงแพร้วก็รู้ดีว่าลิลินขยันและซื่อสัตย์แค่ไหน ดังนั้นก็ไม่แปลกที่ตัวเลือกแรกที่คุณหญิงแพร้วจะเห็นดีเห็นงามก็คือลิลิน
“คุณลิลินจะตามผมไปที่ห้องก่อนไหมครับ หรือคุณหนูจะเดินชมบริเวณบ้านก็ได้นะครับ แต่อย่าไปใกล้ฝั่งที่เขียนว่าพื้นที่ของเสือนะครับ พอดีไอ้นัวก้า กับไอ้กานั่วมันยังไม่คุ้นกลิ่นของคนที่มาใหม่น่ะครับ”
“ท่ะ … ที่นี่เลี้ยงเสือด้วยหรอคะ!!”
เสียงพร่าสั่นเอ่ยถามด้วยความตกใจ
“เลี้ยงครับ แต่พวกมันถูกฝึกมาดีแล้วครับ แต่ว่ามันค่อนข้างหวงอาณาเขตน่ะครับ อีกอย่างมันจะลุยหรือขย้ำคู่ต่อสู้ก็ต่อเมื่อคุณเรย์เป็นคนสั่งเพียงเท่านั้นครับ แต่พวกมันไม่เคยฆ่าคนตายนะครับ”
“ไม่ฆ่าคนตาย แต่ก็มีแขนขาขาดบ้างล่ะ พิการบ้างล่ะ”
“เอ๊า!! หนูมีอา อย่ามาพูดให้คุณเขาตกใจสิ”
“ก็มันจริงนี่คะลุง”
พูดจบก็แบะปากแล้วเดินจากไป ปล่อยให้อีกคนยืนนิ่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“มันไม่เคยทำร้ายคนจริงๆ นะครับคุณหนูลิน แต่ …” ไอ้คำว่าแต่ทำเอาลิลินหน้าซีดแล้วหน้าซีดอีก “แต่มันแค่หวงเจ้าของมันมาก ใครเข้าใกล้คุณเรย์พวกมันจะชอบคำรามน่ะครับ”
“งั้นหนูขอขึ้นไปดูห้องแล้วกันนะคะ หนูยังไม่ออกไปเดินดูตัวบ้านดีกว่าค่ะ” พูดพลางพยายามยิ้มกลบเกลื่อน
“ว่าแต่พี่เรย์ … เอ่อ คุณเรย์ไม่อยู่หรือคะ”
“อยู่ครับ แต่สงสัยมีประชุมผ่าน zoom ครับ เดี๋ยวเย็นๆ คุณหนูคงได้เจอ”
แม้เธออยากจะแย้งเรื่องที่ทุกคนที่นี่เรียกเธอว่าคุณหนู แต่แล้วก็คงทำได้แค่ต้องปล่อยให้เลยตามเลยตามน้ำไป
…
ก๊อกๆ …
…
“คุณชายคะ คุณหนูมาถึงสักพักแล้วนะคะคุณชาย” เสียงโซโลเอ่ยแจ้งผู้เป็นนาย อนาเรย์ได้ยินทุกคำ แต่ว่าเขากลับเลือกที่จะไม่โต้ตอบใดๆ ซึ่งโซโลเองก็รู้นิสัยของคุณชายดี
จนกระทั่งมื้อเย็นที่มาถึง อนาเรย์ก็ไม่แม้แต่จะลงมาจากพื้นที่ของตัวเอง เขาสั่งให้แม่บ้านนำอาหารไปให้ตนเองถึงในห้อง เขาเลือกที่จะเก็บตัวเงียบเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด และอยากออกไปจากที่นี่เอง แม้จะผ่านมาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว ทว่า .. ลิลิน ก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอพี่เรย์แม้แต่ครั้ง
จนกระทั่ง …
สวนในบ้าน …
คนที่ถูกล่อลวงมาให้ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศยามค่ำคืน มีอาชวนลิลินออกมาสูดอากาศด้านนอก ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นแผนของมีอา เพราะห้าหกวันที่ผ่านมา เธอพยายามทำดีกับลิลิน จนหญิงสาวตายใจ ดังนั้นการหลอกล่อให้ลิลินมายังบริเวณหลังบ้าน ซึ่งมันคือพื้นที่ของนัวก้า และกานั่ว อนาเรย์จะปล่อยให้พวกมันเป็นอิสระยามค่ำคืน เพราะตนรู้อยู่แล้วว่าคนงานที่นี่ต่างไม่มีใครกล้าเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม
“ทำไมมีอาหายไปนานจังนะ!!”
จนกระทั่งหญิงสาวได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเหยียบใบไม้แห้งดังกรุบแกรบ
…
…
