บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

“ฉันไม่เข้าใจ ทำไมพ่อกับแม่ถึงทำกับฉันแบบนี้” พึมพำไปเพลงขวัญก็ร้องไห้ไปด้วย เธอร้องไห้หนักมากจนตาบวมทั้งสองข้างแถมวันนี้ก็ยังขอลางานกะทันหันแล้วขับรถมุ่งหน้ามาหานรากรที่คอนโดมิเนียมเพื่อปรับทุกข์

“ใจเย็นๆ ก่อนนะแกนะ เอ้านี่...ทิชชู” เอ่ยจบนรากรก็ยื่นทิชชูให้ เธอเองก็ช็อกไม่น้อยที่จู่ๆ เพื่อนมาหาพร้อมกับบอกว่าถูกผู้ใหญ่จับคลุมถุงชน ต้องแต่งงานในอีกไม่ช้านี้แล้ว จากที่ง่วงๆ เธอถึงกับตื่นทันที

“ขอบใจ” ทันทีที่รับมา เพลงขวัญก็ใช้งานทันที

ปู๊ดดดด

เสียงสั่งน้ำมูกยาวเป็นจังหวะ ก่อนที่เพลงขวัญจะรีบเช็ดแล้วโยนกระดาษลงในถังขยะขนาดย่อม ที่เวลานี้เต็มไปด้วยทิชชูที่เปียกทั้งน้ำตา น้ำมูก

“แกนี่ก็ฝันแม่น ทำไมไม่ฝันถึงหวยบ้าง จะได้ขอ” นรากรตั้งใจเปลี่ยนอารมณ์เพื่อนสนิท ด้วยการเอ่ยเรื่องนี้ในแนวติดตลก

“พูดถึงฝัน เมื่อคืนเราก็ฝันเห็นงูยักษ์สีแดงตัวนั้นอีกแล้ว ขนาดฆ่าจนตายไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ สุดท้ายมันก็ฉกเราจนได้”

“ถึงบอกตั้งแต่แรกแล้วไงว่าแกจะได้เจอเนื้อคู่” คนข้างๆ ยักคิ้วให้ แม้วิธีการเจอมันจะมัดมือชกจากผู้ใหญ่ไปบ้าง แต่กลับมีอะไรบางอย่างบอกนรากรว่าเนื้อคู่ของเพลงขวัญคือคนดีคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นพ่อของเธอคงไม่เปิดไฟเขียวถึงขนาดยอมให้แต่งงานกับลูกสาวอย่างแน่นอน เพราะลุงอาคมขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกสาวไม่แพ้ใคร

“แต่เราไม่อยากเจอแบบนี้ เราอยากเจอด้วยตัวของเราเอง ไม่ใช่ถูกผู้ใหญ่จับคลุมถุงชน แกเข้าใจเรามั้ย...ปู๊ดดดด” เอ่ยจบก็สั่งน้ำมูกยาวอีกครั้ง

“เข้าใจนะเข้าใจ แต่ก็เข้าใจผู้ใหญ่ด้วยว่าคงมองแล้วว่าแกควรแต่งงานกับคนนี้จริงๆ ไม่งั้นแม่แกคงไม่ออเออตามพ่อแกหรอก จริงมั้ย”

“ก็จริง แต่ถึงยังไงเราก็ไม่อยากแต่งงานตอนนี้”

“เอ้า! นี่มันความฝันแกไม่ใช่เหรอที่อยากแต่งงานก่อนอายุสามสิบนะ”

“แต่มันก่อนมากไป เพราะอีกตั้งสี่ปีเราถึงจะสามสิบ” เพลงขวัญแย้ง จมูกโด่งรั้นเวลานี้แดงก่ำดูน่าสงสาร นรากรได้แต่ถอนหายใจเพราะกลุ้มแทนเพื่อนเหมือนกัน สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คืออยู่ปลอบใจกันไปก่อน

เพลงขวัญซบหน้าลงบนหัวไหล่ของนรากรแล้วร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นอีกครั้ง เวลานี้เธอตื้อไปหมดแล้วจริงๆ ไม่รู้ต้องทำยังไงดี แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่ายังไงเย็นนี้เธอต้องกลับไปคุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่องว่าเธอจะไม่มีวันแต่งงานเป็นอันขาดไม่มีวัน!

1 เดือนก่อนงานแต่ง

เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นต่อเนื่อง บ่งบอกว่าเจ้าของกำลังเดินไปมาราวกับหนูติดจั่น เดี๋ยวก็เดินไปทางซ้าย เดี๋ยวก็เดินกลับมาทางขวา เดี๋ยวก็นั่ง เดี๋ยวเดียวก็ลุก หมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ท่าทางเหมือนกำลังลังเล เพราะสีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ทำเอาคนที่มาด้วยเริ่มจะเวียนหัวตาม จนต้องหยิบยาดมในกระเป๋าขึ้นมาดมกันเลยทีเดียว

“แกว่าคู่ไหนสวยก้อย” เสียงของคนที่กำลังลังเลเพราะเลือกไม่ได้เอ่ยถามขอความคิดเห็นจากเพื่อนสนิท

“ขวา” นรากรหรือก้อยเอ่ยตอบ

“ขวาเหรอ แต่เราว่าคู่นี้นะ” แม้เพื่อนสนิทจะบอกว่าขวา แต่เพลงขวัญก็ยังคงลังเลอยู่ดี เพราะเธอยังเลือกไม่ได้จริงๆ ว่าจะซื้อรองเท้าผ้าใบคู่ไหนดี ผิดกับการไปเลือกซื้อรองเท้าอีกคู่เมื่อสองชั่วโมงก่อนลิบลับ เพราะเธอแค่ปรายตามองแล้วก็ซื้อเลย

“งั้นก็คู่นั้นแหละ จ่ายเงินยัง หิวแล้วเนี่ย” คนหิวลูบท้องปรอยๆ นั่นเพราะนรากรรู้สึกหิวจนไส้จะขาดแล้วจริงๆ

“ขอลองใส่คู่นี้อีกคู่ คู่สุดท้ายแล้ว”

“ยังจะลองอีกเหรอ นี่แกลองรองเท้ามาเป็นชั่วโมงๆ แล้วนะ แถมยังลองเกือบทุกคู่ ยังเลือกไม่ได้อีกหรือไง” นรากรไม่ได้เอ่ยเกินจริง นั่นเพราะเพลงขวัญลองรองเท้าผ้าใบที่มีอยู่ในร้านแทบจะทุกคู่ก็ว่าได้ ทำให้ชวนสงสัยว่าเพื่อนเธอจะให้ความสำคัญทำไมมากมาย

“ก็เราอยากได้แบบที่ใส่ลำลองได้ ใส่วิ่งได้ด้วยก็ดี ใส่เดินป่าได้ก็ยิ่งเริด ใส่ได้ทุกวันเลยยิ่งดีเข้าไปใหญ่” เพลงขวัญเอ่ยบอกคุณสมบัติของรองเท้าที่เธออยากได้

“อเนกประสงค์ขนาดนั้นจะมีมั้ยแกเอ้ย”

“มีค่ะคุณลูกค้า ก็ตามแบบที่คุณลูกค้ากำลังลองสวมอยู่ตอนนี้เลยค่ะ” เสียงของพนักงานในร้านดังขึ้นตอบคำถามของนรากร ซึ่งเธอก็หันไปยิ้มให้

“น้องคนขายบอกว่ามี ที่เหลือก็คือหน้าที่แกละ ชอบคู่ไหนก็ซื้อ”

“มันสองจิตสองใจ คู่นี้ก็คุณสมบัติครบแต่คู่นั้นก็สวย” สีหน้าของเพลงขวัญเต็มไปด้วยความลังเล

“งั้นก็เหมามันทั้งสองคู่นั่นแหละ”

“ความคิดดี”

“โอ๊ย…นี่ประชดย่ะ เราประชด” นรากรส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท ที่บ้ายอเออออตามเธอซะงั้น

“ไม่เป็นไร เราไม่ถือ”

“ย่ะ…ทีรองเท้าวิ่งล่ะเลือกเป็นชาติกว่าจะได้ ผิดกับรองเท้าที่ต้องใส่ในวันแต่งงาน เลือกไม่ถึงสองวินาทีก็จ่ายเงินซื้อแล้ว ทั้งๆ ที่แกควรจะให้ความสำคัญกับรองเท้าแต่งงานสิ มันคือวันที่ผู้หญิงเราใฝ่ฝันเชียวนะ”

“ทำไมเราต้องให้ความสำคัญ ในเมื่อเราไม่ได้อยากแต่ง” น้ำเสียงของเพลงขวัญนั้นฟังดูสลดลงไป รวมถึงสีหน้าที่ไม่ได้แสดงออกถึงความยินดีเลยแม้แต่น้อย

“แกก็…พูดแบบนี้อีกแล้วนะ” นรากรเองก็พลอยเห็นใจเพื่อนไปด้วยอีกคน นั่นเพราะหากเป็นเธอคงทำใจไม่ได้เหมือนกัน ที่จู่ๆ ต้องไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้

“นี่ถ้าไม่ติดว่าคนที่บังคับให้เราต้องแต่งคือพ่อกับแม่ เราหนีไปนานแล้ว” ใจจริงเพลงขวัญก็อยากทำอย่างที่พูดเหมือนกัน แต่ติดที่ว่าเธอทำไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

“ใจเย็นๆ สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ นับหนึ่ง สอง สาม” นรากรลูบต้นแขนเพื่อนเบาๆ เข้าใจแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน

“นับหนึ่งจนทะลุล้านไปแล้วแก นับมาตั้งแต่วันแรกที่รู้เรื่องว่าต้องแต่งงาน จนผ่านไปสองเดือน เราค้านพ่อกับแม่ทุกวัน แต่พ่อกับแม่ก็ยืนยันกลับมาเหมือนกันว่าเราต้องแต่งงานกับ…ผู้ชายคนนั้น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel