บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 เด็กหนุ่มนอกคอกผู้ถูกขับไล่ (ตอนต้น)

“เย้! สอบเสร็จแล้ว”

เสียงร้องอย่างดีใจของเหล่านักเรียนที่เดินพ้นประตูห้องสอบพูดขึ้นหลายคน พวกเขาพูดคุยกันเสียงดังเรื่องข้อสอบที่เพิ่งสอบผ่านไปว่ามีใครทำได้ หรือได้ทำข้อสอบชุดนี้หรือไม่โดยไม่ได้เกรงใจเพื่อนที่ยังสอบไม่เสร็จเลยสักนิด แต่จะว่าพวกเขาก็ไม่ได้ในเมื่อการสอบครั้งสุดท้ายของเทอมสิ้นสุด การจะพูดคุยแบบนี้ก็เป็นการผ่อนคลายความเครียดของพวกเขาเหมือนกัน

แต่นั่นคงไม่ใช่กับเด็กหนุ่มผู้ไม่เคยเครียดกับการสอบ เขาเดินออกจากห้องสอบด้วยท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

‘เทพิน’ เด็กหนุ่มรูปร่างผอมและตัวเล็กไม่สมอายุ ผู้มีผมสีดำสนิทสั้นระต้นคอติดขนนกสีขาวสองเส้นเล็ก ๆ ไว้เหนือหูข้างขวา ใบหน้ากลมมนค่อนข้างจะน่ารัก จมูกโด่ง ริมฝีปากสีพีช แต่ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นดวงตาสีม่วงอ่อนที่เต็มไปด้วยความลึกลับอย่างประหลาด

เขายกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเองเบา ๆ หลังจากหยุดยืนตรงระเบียงหน้าห้องสอบ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับเสียงดังโหวกเหวกของนักเรียนคนอื่น ๆ ที่ราวกับคนบ้าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เสียงเรียกชื่อเล่นของเขาดังขึ้นในเวลาต่อมา

“เทน!!”

“ว่าไงครับฟรีน” เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกหันมองแล้วยิ้มให้อย่างเบาบางกับเพื่อนสาวที่สนิทกันมากที่สุดในห้องเรียน... หรืออาจจะมากที่สุดในโรงเรียน

เด็กสาวคนนั้นมีผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงบั้นท้ายมัดรวบสูงเป็นหางม้าไว้ด้านหลังอย่างถูกระเบียบ ใบหน้าสวยใสมีเครื่องสำอางอ่อน ๆ พอให้ดูน่ารัก จมูกโด่งมนสวย ริมฝีปากอิ่มสีชมพูหวาน มีรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ตรึงสายตาคนได้ เธออยู่ในชุดนักเรียนที่ถูกระเบียบเหมือนนักเรียนคนอื่น ๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยจ้องมองเพื่อนตรงหน้าตาเป็นประกาย

“วันนี้สอบเสร็จแล้วเราไปเที่ยวกันเถอะนะ” ฟรีนเอ่ยชวน “นี่ก็ยังไม่เที่ยงเลยด้วย มีเวลาเที่ยวตั้งนานเลยนะกว่าจะเย็น”

เทพินก้มมองดูนาฬิกาแล้วหัวเราะพลางเงยหน้ามองเพื่อนสาว

“จะไปเที่ยวไหนล่ะครับ แถวนี้ก็มีแต่ตลาดกับร้านค้าทั่วไป เท่านั้นเองนะ จะไปห้างก็ออกจะไกลไปหน่อย นั่งรถนานเกินมันเมื่อย”

เพราะเมืองที่พวกเขาอยู่ไม่ใช่เมืองหลวง แต่เป็นเมืองชั้นนอกที่อยู่ค่อนข้างไกล ความเจริญทางด้านต่าง ๆ ของเมืองนั้นถือว่ายังห่างกับเมืองหลวงอยู่มากพอตัว ที่นี่เกือบจะเรียกว่าบ้านนอกได้เลยด้วยซ้ำ ยังดีที่เทคโนโลยีการสื่อสารยังครอบคลุมอยู่บ้าง

ฉะนั้นการที่สอบเสร็จแล้วจะไปเที่ยวต่อ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะ เขื่อนเก็บน้ำ หรือจะไป นั่งเรื่อยเปื่อยที่ร้านอาหารสักที่... ทางเลือกที่จำกัดขนาดนี้ไม่ชวนให้กระตือรือร้นเอาเสียเลย

“ก็ไปที่ร้านข้างสถานีรถไฟนั่นไง ไปที่นั่นก็เหมือนได้เที่ยวแล้ว นะ ๆ ไปนะจ๊ะ” ฟรีนพูดแล้วดึงมือของเทพินเบา ๆ พร้อมกับส่งสายตา อ้อน ๆ เห็นแบบนั้นแล้วเขาก็ยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“เอ้า ! ไปก็ไปครับ”

“เดี๋ยว ๆ รอคินก่อนสิ” ฟรีนรีบปรามก่อนที่เทพินจะเดินออกไป เด็กหนุ่มตาสีม่วงอ่อนหันมองหน้าเพื่อนแล้วเลิกคิ้วขึ้น

“จะรอไปทำไมล่ะครับ คินเขากะเอาที่หนึ่งนะนั่น กว่าจะออกมาก็คนสุดท้ายคงเกือบหมดชั่วโมงนู่นแหละ อีกตั้งนาน พวกเราไปรอก่อนแล้วค่อยโทรเรียกเอาก็ได้ จากโรงเรียนไปถึงสถานีรถไฟก็ไม่ไกลกันมากนี่นา” เทพินให้เหตุผล ซึ่งเป็นเหตุผลที่ดูจะมีเค้าความจริงอย่างมาก เมื่อทั้งสองมองเข้าไปภายในห้องสอบแล้วเห็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบอย่างขะมักเขม้น

“จะว่าไปก็จริงเนอะ” ฟรีนยิ้มแห้ง ๆ “งั้นเราไปกันเลยเถอะจ้ะ”

“อื้ม” เทพินตอบรับในลำคอด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะถือกระเป๋าเป้เดินไปพร้อมกับเพื่อนสาว

สถานที่ที่ทั้งสองจะไปคือเขตสถานีรถไฟ หรือเรียกอีกอย่างว่าย่านการค้าขนาดเล็ก พื้นที่ตรงนี้จะเป็นตลาดขายของและร้านค้ามากมาย โดยไม่ได้แบ่งเป็นโซน ๆ เอาไว้ชัดเจนนัก และแน่นอนว่าไม่มีห้างสรรพสินค้าตั้งอยู่ อาจจะมีบ้างแต่ก็คงเป็นแค่ชอปเอ็กเพรสธรรมดา

และที่เด่น ๆ ของเขตนี้คือร้านค้าขนาดใหญ่ชื่อ ‘อาเธอร์’ (Other) ที่เป็นตึกกว้างสูงสามชั้น โดยแต่ละชั้นจะแบ่งออกเป็นชั้นแรกขายของ กิ๊ฟต์ชอปและเครื่องเขียน ชั้นที่สองขายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และชั้นบนสุดเป็นร้านอาหารที่มีขายแบบครบสูตรทั้งของคาวและของหวาน เป็นที่ชื่นชอบที่สุดของเหล่านักเรียนนักศึกษาเลยก็ว่าได้

แน่นอนว่าเทพินและเพื่อนก็เป็นขาประจำของร้านนี้ด้วย

เมื่อทั้งสองเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสาม พวกเขาก็รีบตรงดิ่งไปยังแคชเชียร์ที่มีชายวัยทองคนหนึ่งที่คุ้นเคยยืนอยู่ เมื่อเขาเห็นก็หันมาเอ่ยทักทายทั้งสองด้วยรอยยิ้มทันที

“อ้าว หนูเทน หนูฟรีน วันนี้มาเร็วจังเลยนะ”

“วันนี้สอบเสร็จแล้วน่ะจ้ะลุงปืน” ฟรีนตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวานให้ลุงปืน ผู้เป็นเจ้าของอาเธอร์แห่งนี้ เขาเป็นชายอวบผิวสีแทน มีผมสีดำสั้นแซมขาวบ้างประปราย ใบหน้าดูดีที่มีริ้วรอยขึ้นตามวัยประดับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรอบอุ่น ส่วนสูงของเขานั้นมากกว่าฟรีนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ตอนนี้ยังมีที่ว่างเหลือไหมครับลุงปืน” เทพินถามพร้อมกับมองไปในร้านที่เริ่มจะแออัด ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันถึงเที่ยงวันดี สมกับเป็นร้านอันดับหนึ่งในเขตนี้จริง ๆ

“มีว่างตรงระเบียงน่ะ แต่แดดแรงอยู่นะจะนั่งไหมล่ะ ? “ ลุงปืนถาม พร้อมกับชี้ไปยังที่นั่งว่างที่มีแดดส่องทั่วถึงทั้งโต๊ะเก้าอี้เลย ถ้าไปนั่งสงสัยจะได้ผิวเกรียมแน่ ๆ สำหรับเด็กทั่วไปแล้วคงไม่ชอบหรอก... แต่เด็กหนุ่มตาสีม่วงคนนี้ไม่ได้ใส่ใจมัน

“นั่งตรงนั้นก็ได้ครับ รับลมรับแดดบ้างก็น่าจะสดชื่นดี” เทพินว่าแล้วหันมายิ้มให้กับลุงปืน ซึ่งสิ่งที่ได้รับก็เป็นเสียงหัวเราะอย่างคาดไว้แล้วของลุงเจ้าของร้านและเสียงถอนหายใจของเพื่อนสาว

“ไม่กลัวดำรึไงคะคุณเทน” ฟรีนว่าอย่างอ่อนใจ ขณะมองไปยังที่นั่งที่เต็มไปด้วยแสงแดดนั่น

“มันดำได้ก็ขาวได้ครับ อีกอย่างผมเป็นผู้ชาย ก็ไม่ได้สำอางขนาดนั้นหรอกนะ” เทพินหัวเราะเสียงนุ่มนวล เสียงหัวเราะนั้นทำให้เด็กผู้หญิงในร้านหลายคนหันมอง แม้เขาจะไม่ได้หล่อเลิศเลอแต่ภาพลักษณ์หนุ่มน่ารักตัวเล็กร่าเริงสดใสอย่างนี้เป็นใครก็ชื่นชอบและอดยิ้มตามไม่ได้

“เอาน่าเด็ก ๆ ไม่ต้องห่วงไปหรอก ถึงตรงระเบียงจะร้อนแต่ลุงก็มีร่มไปกางบังแดดให้อยู่แล้วล่ะ” ลุงปืนบอกก่อนที่ทั้งสองจะทะเลาะกัน

เทพินและฟรีนยิ้มรับกันทันที

“ได้แบบนั้นก็ดีเลยจ้ะลุงปืน แบบนี้ก็ไม่ต้องนั่งกันร้อน ๆ แล้ว” ฟรีนกล่าวอย่างดีใจ

“ฮ่ะ ๆ ลุงปืนก็น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะครับ ไม่งั้นฟรีนต้องแขวะผมอีกนานแน่” เทพินหัวเราะเสริม “มาครับ เดี๋ยวผมเอาร่มออกไปกางเอง ส่วนลุงก็เตรียมของกินอร่อย ๆ ให้พวกเรานะ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ร่มอยู่ตรงมุมห้องนั่นนะ” ลุงปืนชี้ไปที่มุมห้องที่อยู่ใกล้กับห้องน้ำ ทั้งสองพยักหน้ารับ ลุงปืนเลยพูดต่อ “แล้วอยากจะกินอะไรกันล่ะเจ้าเทน หนูฟรีน หรือจะเอาเหมือนเดิม ? “

“ของหนูเหมือนเดิมจ้ะ” ฟรีนตอบไปในทันที

“อืม... ขอเหมือนเดิมครับ แล้วเพิ่มสลัดทูน่ากับขนมปังกระเทียม ส่วนน้ำวันนี้ขอเป็นน้ำมะพร้าวปั่นนะ” เทพินตอบตามหลังไปหลังใช้เวลาคิดนิดหน่อย

ลุงเจ้าของร้านจดรายการของที่สั่งแล้วเดินไปส่งยังครัว ส่วนทั้งสองคนก็หอบหิ้วร่มคันใหญ่ไปยังระเบียงที่ยื่นออกไปของร้าน ทั้งสองช่วยกันกางร่มลงบนฐานใกล้ ๆ โต๊ะ ก่อนจะจัดแจงที่นั่งของตัวเองเพื่อรอให้อาหารมาเสิร์ฟอย่างใจเย็น

“อาหารมาแล้วค่ะ” พนักงานสาววางจานลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยชื่ออาหารที่วางลงไป เด็กทั้งสองเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะจัดแจงของบนโต๊ะให้เรียบร้อย หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องครัวเพื่อจะได้เสิร์ฟอาหารชุดต่อไปให้โต๊ะอื่น

“กินไหมครับ ? “ เทพินถามเพื่อนก่อนที่จะตักสลัดเข้าปาก อาหารที่มาเสิร์ฟชุดนี้เป็นของเขาก็จริงอยู่แต่ที่สั่งไปนั่นก็เพราะจะเอามากินรองท้องก่อนเท่านั้น ดูแล้วกว่าอาหารชุดหลักจะมาเสิร์ฟก็อีกนาน เพราะลูกค้าในร้านไม่ใช่น้อย ๆ เลยนี่นา

“งั้นไม่เกรงใจนะ” เมื่อเพื่อนชวนฟรีนก็จัดการตักสลัดมาที่จานของตัวเองบ้าง เทพินมองท่าทางของเพื่อนอย่างอดขำไม่ได้ แล้วพูดเหน็บอีกฝ่ายไปเหมือนทุกที

“เรื่องกินนี่ไม่เคยปฏิเสธเลยนะครับ หมดสวยแล้วอย่ามาโทษผมนะจะบอกให้” เด็กหนุ่มตาสีม่วงกล่าวดักคอไว้ก่อน “แล้วก็ห้ามมาบ่นว่าอ้วนด้วย เพราะผมไม่ได้อ้วนไปกับฟรีน”

“แหม นิดหน่อยน่านะ” ฟรีนยิ้มอย่างออดอ้อน ไม่อนาทรกับปากที่แขวะกันอย่างสุภาพเลยสักนิด

ครืด~ ครืด~

เสียงโทรศัพท์ของเทพินสั่นบนโต๊ะ เด็กหนุ่มปรายตามองเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมันไปให้เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน

“ใครเหรอจ๊ะ ? “ ฟรีนถามแล้วหยิบโทรศัพท์ของเพื่อนมาดู

เทพินยิ้มแล้วเขี่ย ๆ สลัดในจาน “นายคินของเธอไง”

“บ้า ! ไม่ใช่ของฉันสักหน่อย” ฟรีนหน้าแดงก่ำมองค้อนมาที่เขา เทพินหัวเราะเสียงดังทันทีก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าเพื่อนสาวคนสนิท

“ช่างเถอะ รีบ ๆ กดรับได้แล้วล่ะ เดี๋ยวตานี่ก็กดวางสายซะก่อน”

ฟรีนมุ่ยหน้าก่อนจะกดรับ “ฮัลโหล ว่าไงจ๊ะคิน”

[ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหนกันน่ะ ? ] เสียงทุ้มปลายสายถามกลับมาทันที

“อยู่ที่อาเธอร์ชั้นสามน่ะจ้ะ ตอนนี้คินสอบเสร็จแล้วเหรอ?”

[สอบเสร็จแล้ว] เขาตอบกลับมาแบบนั้น [ถ้างั้นรออยู่ที่นั่นนะเดี๋ยวฉันไปหา สั่งอาหารเผื่อให้ด้วยเอาเหมือนเดิม]

“ได้ ๆ แล้วรีบมาล่ะ”

[อื้อ ! ] คินตอบกลับมาแบบนั้น ก่อนจะกดวางสายไป

เด็กสาวคนสวยยิ้มแก้มปริหลังจากวางโทรศัพท์ลง ทำให้เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอดที่จะเอ่ยอย่างหยอกล้อออกมาไม่ได้

“ยิ้มหน้าบานเชียวนะ”

ฟรีนหันมาทำหน้าดุใส่ “คนเขามีความสุขก็ต้องยิ้มสิจ๊ะ”

“ครับ ๆ” เทพินยิ้มขำก่อนจะดูดน้ำมะพร้าวปั่นจากแก้ว ดวงตา สีม่วงอ่อนมองน้ำแข็งละเอียดในแก้วไปพลาง ๆ “แล้วเมื่อกี้คินเขาว่าไง บ้างล่ะ”

“ก็ไม่มีอะไรมากนะ แค่บอกให้สั่งอาหารเผื่อด้วยเท่านั้นแล้วก็กำลังจะมาที่นี่แหละ” เด็กสาวตอบกลับเสียงสดใสกว่าปกติ

“ครับ งั้นก็ไปสั่งให้เขาสิ”

“ไม่ต้องให้นายบอกฉันก็จะทำอยู่แล้วล่ะจ้ะ” เพื่อนสาวคนสวยแลบลิ้นใส่ก่อนจะลุกเดินไปหาลุงปืนที่คิดเงินลูกค้าอยู่ เทพินมองตามหลังฟรีนไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ช่างเป็นคนที่ร่าเริงสดใสเสียจริง สมแล้วที่เป็นดาวโรงเรียน

ครืด~ ครืด~

เสียงโทรศัพท์สั่นอีกรอบจากเครื่องเดิม เรียกสายตาของเจ้าของให้หันกลับไปมองมันอีกครั้งอย่างประหลาดใจ แต่รอบนี้เป็นแค่ข้อความที่ส่งเข้ามาเท่านั้น เทพินหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดอ่านข้อความ ก่อนจะลบมันทิ้งไปแล้ววางลงที่เดิม ใบหน้าของเขาดูนิ่งสงบมากยิ่งขึ้นในตอนนี้ ดวงตาสีม่วงวาววับขึ้นอย่างน่าประหลาดกลอกตาขึ้นมองท้องฟ้าสีคราม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel