FAKE LOVE รักปลอมๆ

95.0K · จบแล้ว
NBSTER
83
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“เฮ้ยๆ ทางโน้นว่ะออร่าสัสๆ” “ก็ไม่เท่าไหร่” ก็แค่สะดุดสายตา ก็แค่ผิวขาวซีดเหมือนกระดาษ ก็แค่ริมฝีปากแดงเรียกสายตา “มั้ง” “แต่ดูท่าเมาแล้วโคตรเช็กซี่แน่ๆ” “อ้อเหรอ” ริมฝีปากผมกระตุกขึ้นตามมาด้วยรอยยิ้มเหยียดอย่างเช่นทุกครั้งที่ได้ยินอะไรทำนองนี้ในวงเหล้ากับกลุ่มเพื่อที่ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น “หลากหลายสายตาจับจ้องไปที่น้องเขาคนเดียวเลยว่ะ” “ชอบก็จีบ” ผมพูดขึ้น “แต่สวยอย่างนางฟ้าลองเหล้าเข้าปากขึ้นมาคราบนางฟ้าได้หายไปแน่”

นิยายรักโรแมนติกดราม่าสัญญาทางรักเศรษฐีโรแมนติก18+มีลูกการแต่งงาน

บทที่ 1 ครอบครัว

“ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าแกมันไม่เอาไหนจริงๆ เลยฟาง”

“นั่นสิคุณเห็นพ่อกับแม่แกเป็นอะไรไม่ใช่ธนาคารฝากเลี้ยงลูกของแกนะ ยังไงฉันกับพ่อแกก็ไม่รับเลี้ยงแน่ๆ”

“จะเอาไปฝากใครก็ไป”

“…”

สิ้นประโยคเสียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าของฉันเกิดขึ้นถึงแม้ว่าตอนนี้จะนั่งเผชิญหน้ากับพ่อและแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองก็ตามแต่รู้ไหมฉันกับเลือกทำอาการแบบนี้ต่อหน้าท่านอย่างไม่แคร์ด้วยซ้ำเพราะยังไงมันก็เกินคำนั้นมานานแล้ว เรื่องของเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นก็คือฉันจะฝากเตแค่เพียงครึ่งวันของวันเสาร์ที่กำลังจะมาถึงนี้แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นแค่คำปฏิเสธพร้อมกับประโยคที่แฝงไปด้วยการเหยียบย้ำความรู้สึกเล่น

ไม่เพียงแค่ประโยคที่ออกมาจากปากของพวกทั้งสองนะแต่มันยังมีน้ำเสียงท่าทางและก็สายตาที่ทำให้รู้สึกไม่ดีทุกครั้งซึ่งแน่นอนฉันปกติแล้วเมื่อเจอสายตาพวกนี้คอยเล่นงานแต่คนอื่นถ้าได้มาเห็นไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าใจแน่ๆ ฟันธงได้เลยว่ายังไงสายตาคนนอกที่มองมาแว๊บแรกคนพวกนั้นจะมองตัดสินว่าฉันมันไม่ดี ฉันทำให้พ่อแม่เสียใจ ฉันเป็นตัวการทำให้พ่อแม่เสียหน้าและฉันจึงเป็นลูกชังอย่างเต็มตัว

โอเค...

ฉันยอมรับว่าฉันอาจเป็นแบบนั้นจริงๆ

แค่ฉันมีลูกตอนเรียนจบมัธยมปลายพอดีหลังจากไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ

แค่ฉันดรอปเรียนไปปีหนึ่งเลยเข้าเรียนระดับปริญญาช้า

แค่นี้ฉันเหมือนถูกตีค่าว่าสารเลวบนหน้าผาก

ทั้งๆ ที่มีพ่อของลูก

“มันเป็นอะไรนักตั้งแต่เกิดมีปัญหาจริงๆ บอกผัวแกสิ ฝากไว้กับมัน”

“เขาไม่ว่างค่ะพ่อ เขาก็มีเรียนซ่อมตอนเช้า”

ถ้ามีทางเลือกมากกว่านี้คิดเหรอว่าฉันจะเลือกมาขอในสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้บ้างในความคิดชั่ววูบ

แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ

“ฉันก็ไม่ว่างมีนัดกับเพื่อนเช่นกัน” ฉันรู้ว่าพ่อเอาอารมณ์มาใช้ในการตัดสินใจตั้งแต่แรกถึงจะว่างเขาก็จะบอกว่าไม่ว่างอยู่ดี จะมีอะไรนักแค่นัดกับเพื่อนไปจิบน้ำชาบ้านกงสีพบปะพูดคุยเรื่องไร้สาระทั่วไปแต่เรื่องหลานในไส้กับไม่สนใจใยดี อ้อ... ลืมไปไม่คิดสนใจด้วยซ้ำไป “แค่นี้จบจะไปฝากใครก็เรื่องของแก”

นี่ไงคำตอบของพ่อฉัน

นี่เป็นคำตอบที่ฉันได้รับมาตลอด

“ไม่ใช่ฉันและพ่อแกแน่นอนเลยฟาง”

พอแม่สำทับคำตอบของพ่ออีกฉันก็ไม่ตื้อและไม่ทักท้วงอะไรอีกแล้ว

“ฟางรู้แล้ว”

“ทำไม่เหมือนพี่สาวแกเลยนะฟางต่างกันราวฟ้ากับเหว แฟเอาแต่เรียนๆ และก็เรียนไปแลกเปลี่ยนพร้อมกันก็ยังไม่มีปัญหาอะไรแถมตอนนี้ยังเลือกเรียนต่อใกล้จบจากนอกได้หน้าถือตาส่วนแกเป็นขี้ปากชาวบ้านเต็มไปหมด ฉันปวดหัวเรื่องของแกมากผ่านไปเกือบจะสามปีก็ยังเป็นขี้ปากให้ชาวบ้านได้ถามอยู่เรื่อย” มันจะเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องอดีตของฉันตั้งแต่สองสามปีก่อนที่แม่เจาะจงหยิบยกขึ้นมาเล่าฉายซ้ำแบบไม่มีวันจบในชีวิตนี้ “ฉันไม่ว่างนะบอกไปแล้วทางสโมสรแม่บ้านเขานัดและพ่วงลูกแกไปด้วยไม่ได้”

หึ... ก็แบบนี้แหละ

“อย่ามาใช้สายตาแบบนี้กับฉัน” พ่อเริ่มอยู่ไม่นิ่งเมื่อเจอสายตาของฉันที่มองไปยังตัวเองความร้อนรนบวกกับการแก้สถานการณ์ผิดของท่านสิ่งที่ฉันได้กลับมากับเป็นความไม่พอใจหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิม ใบหน้าเข้มขรึมตึงขึ้นอย่างอัตโนมัติแถมใช้สายตาแข็งกร้าวเพิ่มขึ้นเท่าตัว “เหมือนแม่แกว่าจริงๆ รู้งี้มีแค่แฟคนเดียวเป็นลูกน่าจะดีเสียอีก”

เหรอ…

งั้นเหรอ...

“โอเคค่ะ”

ใช่ฉันเลือกยอมเพราะไม่อยากให้มันเป็นเรื่องประสาทแดกในชีวิตเกินไปมากกว่านี้และอีกอย่างพูดไปมันก็เท่านั้นในเมื่อมันอยู่ในจุดเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างมากวันพรุ่งนี้ฉันก็แค่อยู่กับเตเท่านั้นแหละไม่มีอะไรมากมายไปกว่านี้

“แล้วนี่แกจะไปไหน?”

พอฉันลุกขึ้นหันหลังจะจากไปประโยคของแม่ก็รั้งเอาไว้ให้หยุด

จะให้อยู่ต่อเพื่ออะไรล่ะ

“กลับค่ะ”

“ก่อนกลับบ้านแกไปล้างจานให้ฉันก่อนนะ”

“ไม่ค่ะ วันนี้ฟางมีธุระต่อคงอยู่ทำงานบ้านให้แม่ไม่ได้หรอก” ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยทำนะทุกอย่างในบ้านหลังนี้ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ฉันทำหมดถ้าได้ย่างก้าวเท้าเข้ามาแต่วันนี้คงไม่ได้ “เมื่อก่อนแม่ก็ทำได้ตอนนี้ผ่านมาไม่กี่ปีนะคะแม่ก็คงทำได้”

“อีฟาง!”

“…”

“ใช่สิตั้งแต่มีบ้านหลังโต มีรถเกือบสิบคันให้เลือกใช้ บ้านมีแม่บ้านมันทำแบบนี้กับคนเป็นแม่สินะ” แม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาใช้ว่าฉันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้จนพอแม่อ้าปากพูดฉันก็สามารถเดาออกได้เลยว่าประโยคที่ออกจากปากจะเป็นแบบไหน “ฉันขอแม่บ้านมาช่วยบ้างไม่เคยให้”