แค่แฟนเก่า 6 เป็นแฟนกัน
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน
“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์
“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห
“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”
“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”
“ก็ไปนะ มีมารยาท”
“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”
“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”
“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”
“ถามอะไร”
“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”
“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”
“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”
“ว้าว มึงว่าไง”
“ก็ลองดู”
“ไม่เสียหายเพราะว่าเขาจีบมึงมานานมาก ต่างจากคนอื่นที่จีบแล้วไม่ติดก็ค่อย ๆ หายไป”
“แน่นอน เพื่อนเรามันสวยด้วย ในที่สุดก็ขายออกสักที” หว่าหวายิ้มกว้าง ดีใจนักหนาที่ฉันขายออก
เมื่อก่อนกูแค่หมกมุ่นกับคนคนเดียวค่ะเพื่อน ไม่ใช่ขายไม่ออกสักหน่อย
“แบบนี้ต้องฉลองไหมวะ คืนนี้ร้านไหนดี ฉลองที่เมียหลวงของกูทิ้งกูอย่างเป็นทางการ” ทรีแสร้งทำหน้าเศร้า
“กูไปคบมึงทิ้งมึงตอนไหนทรี”
“การที่มึงมีแฟนก็แปลว่ากูหมดสิทธิ์”
“แหมมึงพูดมาได้นะไอ้ทรีว่าหมดสิทธิ์ ระหว่างที่มึงจีบไอ้เพ้นท์สำเร็จกูก็เห็นมึงล่าไปทั่ว”
“มึงเงียบเลยฟินฟิน มึงไม่เข้าใจความรักของกู”
“หึ ไอ้ความรักที่ยิ่งใหญ่”
“พวกมึงนี่ขยันตีกันจริงนะ” เฟย์ที่นั่งข้างฉันเอ่ยกับเพื่อน แล้วก็หันมาถามฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แน่ใจใช่ไหมที่มีแฟน”
“ก็ลองคบดู 20 แล้วอยากลองมีแฟนดูสักครั้ง”
“อืม จากที่สืบจากเฮียเบย์มาก็ถือว่าเขาไม่ใช่คนที่แย่ ไม่เจ้าชู้เหมือนไอ้ทรีด้วย ลองดูแล้วกัน แต่อย่ารักเขาจนลืมรักตัวเองอะ”
“ขอบใจนะ”
“เพื่อนกันนี่”
“สรุปยังไง ร้านไหน” ทรีย้ำอีกรอบ
“วันนี้ไม่ได้อะ มีธุระ” ฉันรีบปฏิเสธ
“มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนไง ออกลายเร็วจริง ๆ”
“ไม่ใช่แบบนั้น มีธุระจริง ๆ เอาไว้วันหลังนะ”
“เออ ๆ กูไปเมาย้อมใจกับสาวคนอื่นก็ได้ เหอะ” ทรีก็แสร้งทำท่าน้อยใจไปงั้น เขาน่ะไม่ได้ชอบฉันหรอก ก็แค่แกล้งพูดเฉย ๆ มั้ง
วันนี้ฉันเลิกเรียนตอนบ่ายสี่โมงเย็น หลังจากเลิกเรียนฉันก็รีบปลีกตัวจากเพื่อนเพื่อกลับบ้านไปเอาโทรศัพท์และข้าวของบางส่วน วันนี้ฉันขับรถมามอด้วยตัวเอง เมื่อก่อนชอบอ้างว่ากลัวเพราะอยากมากับออยล์ ทว่าหลังจากที่เลิกกันจริงจังครั้งนี้ฉันจึงเลิกพึ่งพาเขา จะได้ไม่เป็นการให้ความหวังตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องทำให้เขาลำบากใจ
เวลาหกโมงเย็นฉันมาหยุดยืนที่ชั้น 36 ของคอนโดแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นคอนโดที่แม่ยกให้ฉันในตอนที่ฉันอายุครบ 19 ปี แม่บอกว่าเดินทางไปมาระหว่างมหาวิทยาลัยมันลำบากก็เลยแอบซื้อคอนโดไว้หนึ่งยูนิต เพื่อให้ฉันเข้าอยู่ ฉันเคยมาดูห้องกับแม่เมื่อนานมาแล้ว จากนั้นก็ไม่ค่อยมาอีก ไม่ได้ย้ายเข้าอยู่เพราะว่าการอยู่บ้านมันทำให้ฉันได้อยู่ใกล้ออยล์ พ่อแม่ออยล์มีลูกชายเพียงคนเดียว ก็เลยอยากให้ลูกอยู่บ้าน ไม่อยากให้อยู่คอนโด
ฉันที่เคยคลั่งเขาจึงหาโอกาสอยู่กับเขาด้วยข้ออ้างการติว อ้างแบบนี้มาตลอดจนเกิดเรื่องนั้นในตอนที่ฉันกับเขาอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ความรู้สึกแอบรักมานานเริ่มมีหวัง
แต่แล้วตอนนี้มันก็จบละ ฉันตัดสินใจย้ายมาอยู่คอนโดเพื่อห่างจากออยล์ให้มากที่สุด
เมื่อเปิดเข้ามาในห้องอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างแม่ของฉันเตรียมไว้ให้พร้อมหมดตั้งแต่หนึ่งปีก่อน ตอนนี้มีผ้าขาวคลุมเครื่องใช้ทุกอย่างไว้ แม้ไม่ได้ฝุ่นเกรอะกัง แต่ก็ยังต้องทำความสะอาดอยู่ดี
ครืด ครืด... เสียงโทรศัพท์แผดร้อง คนที่โทรเข้ามาคือพี่เซ้นต์
“ค่ะ”
(นึกว่าจะโทรไม่ติดซะแล้ว)
“ติดสิคะ เลิกเรียนก็รีบกลับมาเอาโทรศัพท์ก่อนเลยค่ะ”
(ไปกินข้าวกันไหม)
“ตอนนี้เลยเหรอคะ”
(อื้ม พี่อยู่หน้าบ้านเพ้นท์)
“เพ้นท์ไม่ได้อยู่บ้าน ขอโทษนะคะเพ้นท์ลืมทักบอกพี่เซ้นต์ก่อน”
(อ่า ไม่เป็นไรครับ งั้นตอนนี้สะดวกเจอกันไหม บอกพี่ได้หรือเปล่าว่าเราอยู่ไหน)
“เพ้นท์ขี้เกียจตื่นเช้าก็เลยย้ายมาอยู่คอนโดใกล้มอที่แม่ซื้อไว้ให้ค่ะ ตอนนี้กำลังจะเริ่มเก็บกวาดห้องค่ะ”
(ต้องการผู้ช่วยไหมครับ)
“ยินดีเลยค่ะ”
(ส่งโลเคชันมาให้พี่นะ เดี๋ยวพี่ไปหา)
“ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ”
กดวางสายแล้วจึงกดส่งโลเคชันไปให้พี่เซ้นต์ทางไลน์พร้อมกับส่งข้อความไปบอกว่า ‘ถึงแล้วบอกนะคะเดี๋ยวลงไปรับ’ เขาส่งสติ๊กเกอร์รูปโอเคกลับมา ฉันจึงวางโทรศัพท์แล้วเริ่มเก็บผ้าสีขาวออกจากเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
จากนี้ฉันจะเริ่มต้นใหม่ ฉันจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ไหน ๆ แม่ก็ยังไม่ได้เดินทางกลับมาง่าย ๆ คือหลังจากเปิดเครื่องโทรศัพท์แม่ของฉันก็ส่งข้อความมาบอกว่า ‘ที่รักกลับจากมาเลฉันต้องเดินทางไปฮ่องกง ที่รักดูแลตัวเองนะ ฉันก็จะดูแลตัวเอง รักเธอที่สุด’ จากนั้นก็แนบสลิปโอนเงินมาให้
ฉันชินแล้วกับการที่แม่ไม่มีเวลาให้และชอบฝากฉันไว้กับคนข้างบ้าน
ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วเพราะว่าตอนนี้ฉันดูแลตัวเองได้ละ...
ประมาณชั่วโมงครึ่งพี่เซ้นต์ก็โทรเข้ามาบอกให้ฉันลงไปรับเขาที่ล็อบบี้ เราเข้าลิฟต์มาด้วยกัน การอยู่ภายในลิฟต์ด้วยกันสองคนทำให้ฉันคิดขึ้นมาได้ว่าการที่จะอยู่ในห้องกับเขาสองต่อสองมันดีแน่แล้วเหรอ ต่อให้เราเป็นแฟนกัน เราก็เพิ่งเป็นแฟนกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงนะ
หรือว่าฉันควรบอกให้เขากลับไปดี
แต่ถ้าพูดไปแบบนั้นไม่เท่ากับเสียมารยาทและไม่รักษาน้ำใจเขาไหม ไม่ ฉันไม่ควรทำแบบนั้น ในเมื่ออนุญาตให้เขามาแล้ว ก็ลองดูแล้วกัน ถือว่าเป็นการทำความรู้จักนิสัยใจคอกันไปในตัว
