แค่เด็กเลี้ยง 5 เอาไม่ลง
เรียนเสร็จแล้วฉันก็รีบมาที่ร้านกาแฟที่เคยทำอยู่ เปลี่ยนชุดแล้วฉันเข้าประจำตำแหน่ง คุณธีร์เขาส่งข้อความมาว่าช่วงนี้ติดธุระไม่ได้เข้ามาให้ฉันดูแลตัวเอง
ฉันก็เลยถือโอกาสมาทำงานซะเลย
“มาแล้วเหรอบัว”
“ค่ะพี่หว่าหวา”
“พี่นึกว่าบัวจะไม่มาซะแล้ว”
“ขอโทษนะคะ บัวเคลียร์เรื่องทางบ้านค่ะ ตอนนี้เหมือนจะเรียบร้อยแล้ว”
“มีอะไรก็บอกพี่นะ พี่ยินดีช่วย”
“ขอบคุณค่ะพี่”
เจ้าของร้านนี้ชื่อหว่าหวา เป็นรุ่นพี่ที่จบไปสามปีแล้ว เราเคยรู้จักกันจากการเป็นสายรหัส พี่เขาเห็นว่าฉันหางานก็เลยรับฉันเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ เธอท่าทางดูแรง แต่ที่จริงเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ
“เออนี่ แซนวิชที่บัวเคยทำมาน่ะลูกค้าชอบมาก เขาติดใจถามพี่ว่าไม่ขายแล้วเหรอ บัวอยากทำมาขายที่ร้านไหม พี่ไม่คิดเงิน”
“ได้เหรอคะ”
“ได้สิ ลูกค้าชอบขนาดนี้ต้องมีมาขายนะ”
“ได้ค่ะ บัวจะทำมาส่งนะคะ”
“จ้า”
“ขอบคุณนะคะพี่”
“ขอบคุณอะไร พี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
“ช่วยสิคะ ถ้าพี่ไม่ช่วยบัวจะได้ทำงานนี้ได้ยังไง”
“เอาน่า ช่วย ๆ กัน แล้วรวินท์เป็นยังไงบ้าง”
“เรื่อย ๆ ค่ะ”
“สู้นะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้น”
“ค่ะ”
พี่หว่าหวาเธอรู้เรื่องฝาแฝดของฉัน รู้เรื่องราวในชีวิตของฉันค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด และเธอก็ไม่ได้รู้ว่าฉันตัดสินใจขายตัวเพื่อแลกเงิน
ศักดิ์ศรีน่ะสำคัญ ใคร ๆ ก็อยากมี แต่ศักดิ์ศรีกับชีวิตของรวินท์เมื่อเทียบกันแล้วฉันพร้อมที่จะทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อพี่ชายของฉัน...
กลับจากร้านกาแฟฉันก็ตรงไปซื้อของมาเตรียมทำแซนวิชส่งพี่หว่าหวาตอนเช้า พี่เขาบอกว่าตอนเช้าจะขายดีเพราะคนซื้อติดมือไปกินรองท้อง
ก็เรียกได้ว่าซื้อของมาแอบทำระหว่างที่คุณธีร์ไม่มาหาก็แล้วกัน คือมันมีเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่โรงอาหารของคณะวิศวะ ก็คือเอลลี่ที่กำลังจะกลับได้เข้าไปทักทายอาจารย์เซรีนที่เป็นเพื่อนกับพี่ชายของเอลลี่ จากนั้นก็เลยเกิดการทักทายกันขึ้น
เป้าหมายของเอลลี่ก็เพื่ออยากทักทายอาจารย์ธีร์ทัศ
การเผชิญหน้าในเวลาที่อยู่ข้างนอกทำให้ฉันรู้สึกกลัว กลัวที่จะถูกจับได้ ก็เลยทำได้เพียงยืนนิ่งเงียบ
แล้วต่อจากนั้นคุณธีร์ก็ส่งข้อความมาว่า ‘ช่วงนี้ไม่ได้เข้าไปนะ’
ตอนแรกก็เฟล ๆ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกดีมากเพราะฉันสามารถแอบทำแซนวิชส่งพี่หว่าหวาได้ แล้วก็รับทำข้าวกล่องส่งให้แฟนของพี่หว่าหวาด้วย พี่โจเขาเปิดบริษัท เห็นว่าฉันทำข้าวกล่องขายเขาก็เลยให้ลูกน้องของเขาช่วยอุดหนุน คราวนี้มันก็ถูกปากพวกเขาก็เลยสั่งบ่อย ๆ กระทั่งฉันหยุดทำเพราะรวินท์ป่วย
แต่ว่าวันนี้พี่หว่าหวาบอกว่า ‘เดี๋ยวทำแล้วเอามาส่งให้พี่ที่ร้าน พี่ให้พี่โจเอาไปส่ง ออเดอร์หนูก็รับทางเพจก็ได้’
ก็เลยเป็นที่มาที่ฉันจะทำอาหารและแซนวิช ต้องขอบคุณพี่หว่าหวาจริง ๆ ที่พยายามหาทางช่วยฉันหาเงิน
เมนูอาหารที่เปิดรับมีข้าวผัดกุ้งหมึก ข้าวกะเพราหมูหมึกกุ้ง ราดหน้าทะเล เป็นสามเมนูที่ฉันรันในอาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้าก็จะเปลี่ยนเมนูอีกที ส่วนแซนวิชก็หมูหยองแฮมน้ำสลัด แฮมปูอัดไส้กรอก
ซื้อเครื่องมาครบก็จัดเตรียมวัตถุดิบจนเรียบร้อย จากนั้นก็เข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม จะได้ตื่นขึ้นมาทำตั้งแต่ตี 3 เสร็จเร็วก็จะได้เอาไปส่งพร้อมกับไปเรียน...
ฉันทำแบบนั้นอยู่สองอาทิตย์ เป็นช่วงเวลาที่คุณธีร์ไม่ได้มาหา เป็นเวลาที่ดีมากเพราะฉันมีเวลาหาเงินเข้ากระเป๋า รายได้ไหลเข้ารัว ๆ แม้ว่าเป็นเงินไม่มาก แต่เมื่อเก็บไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะเยอะเอง มีเงินเข้าทุกวันดีกว่าไม่มีเงินเข้าใช่ไหมล่ะ หาไปเรื่อย ๆ และประหยัดใช้บางทีก็อาจจะมีเงินคืนคุณธีร์บ้างเพราะว่าฉันเอาของเขามามากจริง ๆ
วันนี้เป็นวันหยุดไม่มีเมนูอาหาร แต่ว่ามีแซนวิชที่ต้องส่ง ฉันตื่นขึ้นมาทำตอนตี 4 นั่งทำแล้วก็ดูทีวีไปพลาง ๆ ในตอนนั้นเองที่เสียงแตะคีย์การ์ดดังขึ้นแล้วร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้อง เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้างุนงง ส่วนฉันลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
“ทำไมไม่นอน ทำอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“...” เขาทำไมไม่ไลน์มาบอกก่อนว่าจะเข้ามา ไม่สิเขาไม่จำเป็นต้องบอกเพราะที่นี่มันห้องเขา แต่ทำไมมาเวลานี้ แล้วฉันก็มีหลักฐานคามือ เขาไม่ได้อนุญาตให้ฉันทำของในห้องของเขา
ทำให้เขาไม่พอใจแน่เลย
“ว่าไง”
“ทำแซนวิชส่งร้านกาแฟค่ะ”
“ขาดเงิน?”
“...” เงินน่ะเรียกว่ามีเท่าไหร่ก็ไม่พอดีกว่า ขอแค่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องมีเรื่องใช้เงินกันทั้งนั้น หาเงินได้มากย่อมดีกว่าอยู่เฉย ๆ
“ขาดเงินทำไมไม่บอก จะลำบากเพื่ออะไร เรียกร้องคะแนนสงสารเหรอ” คุณธีร์เดินมาวางเสื้อสูทที่โซฟา สายตาเขายังคงจ้องฉันไม่วางตา
“เปล่านะคะ” ทำไมฉันต้องเรียกคะแนนสงสารจากเขาด้วย จริงอยู่ที่ชีวิตเกิดมาน่าสงสาร แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครมาสงสาร
“งั้นอะไร” เขาเดินมายืนตรงหน้าฉัน นิ้วเรียวสวยยื่นมาจับปลายคางฉันเชยขึ้น ฉันกำลังสบตากับเขา
“แซนวิชพวกนี้มีลูกค้าสั่งค่ะ”
“แล้ว?”
“บัวเห็นว่าคุณ...พี่ธีร์ไม่อยู่ก็เลยหางานทำค่ะ”
“แล้ว?”
“ขอโทษที่ใช้พื้นที่พี่ธีร์โดยไม่ได้ขอค่ะ”
“รู้ไหมว่าผิดตรงไหน”
“ไม่เชื่อฟัง”
“ไม่ใช่”
“ใช้ห้องของพี่โดยที่พี่ยังไม่อนุญาต”
“ไม่ใช่”
“...” งั้นอะไรล่ะ ฉันผิดอะไรอีก
“ตรงที่เป็นเด็กของพี่แต่ปล่อยตัวโทรมแบบนี้ได้ยังไง เห็นแล้วเอาไม่ลง” มือที่จับปลายคางฉันผลักให้ฉันหันหน้าหนีเขา แรงที่เขาส่งมาค่อนข้างแรง จากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่ม ทว่ามันแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “พี่ให้เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อเอากับเธอ ไม่ได้ให้เธอมานั่งทำแซนวิชที่ได้กำไรไม่กี่บาทแต่ต้องมาเสียสุขภาพ ดูเบ้าตาเธอสิ มันน่ามองที่ไหน ที่พี่ยอมจ่ายเป็นแสน ๆ ให้เธอก็เพราะเห็นว่าเธอสวย แต่นี่อะไร ส่องกระจกดูสภาพตัวเองบ้างไหม”
สายตาที่เขาส่งมาแทบจะบอกทุกอย่าง เธอมันน่ารังเกียจ เธอดูไม่ได้สักนิด ไม่น่ามอง ไม่อยากมอง เสียดายเงิน
“ขอโทษค่ะ หนูไม่คิดว่าพี่ธีร์จะเข้ามาเวลานี้”
“นี่ห้องพี่พี่จะเข้ามาเวลาไหนมันก็เรื่องของพี่”
“หนูหมายถึง หนูคิดว่าพี่ธีร์จะทักมาบอกก่อน”
“ตอนนี้เธอเป็นของพี่ เธออยู่ในพื้นที่ของพี่ ไม่จำเป็นที่พี่ต้องทักบอกเธอก่อนเข้ามาหรอกมั้ง”
“...”
“แล้วถ้าพี่ทักบอกก็คงไม่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้”
“...”
“ใช่ไหม”
“ขอโทษค่ะ”
“เฮ้อ...สภาพเธอมันดูไม่ได้เลย”
“...” ใช่ ฉันนอนน้อยมากเพราะต้องตื่นมาเตรียมของ ทั้งยังต้องไปเรียน
“นี่พี่ต้องทำยังไงกับเธอดีวะ อยู่ที่นี่ไปจะมีประโยชน์อะไร”
“...”
“เป็นของสวยงามก็ไม่ได้”
“...”
“หรือพี่ให้เธอไปขายแซนวิชมาใช้หนี้พี่ดี ใช้หนี้ที่เธอเอาไปหมดแล้วเธอก็ไสหัวไปให้พ้น”
“...”
“ว่ายังไง”
“ถ้าให้ขายแซนวิชมันคงนานเกินไปค่ะ กว่าจะหาเงินคืนได้ก็คงจะหลายปี ถ้าคุณธีร์ไม่โอเคกับบัวแล้วจริง ๆ บัวจะหาเงินมาคืนให้เร็วที่สุดค่ะ”
“หึ ด้วยวิธีไหนล่ะ ขายตัวอีกน่ะเหรอ”
“...ค่ะ ทั้งตัวบัวสิ่งที่ทำให้ได้เงินเร็วที่สุดก็คือนอนอ้าขาให้คนเอาค่ะ”
“...”
“งั้นตอนนี้ก็ไปอ้าขาบนเตียงซะสิ”
“คุณบอกเองว่าเอาไม่ลง สู้ให้บัวไปเอากับคนอื่นหาเงินมาใช้หนี้คุณไม่ดีกว่าเหรอคะ จะได้ไม่ต้องฝืนใจคุณ”
“ปิดไฟให้มืด เอาหมอนปิดหน้าเธอก็ได้แล้วบัวบูชา”
“...”
“แล้วจะบอกให้นะ อย่างเธอน่ะไม่มีใครเขาโง่จ่ายหนักเท่าพี่อีกแล้ว ไม่เป็นงานสักอย่าง ต้องสอนทั้งหมด ทื่ออย่างกับท่อนไม้ เธอหาคนอื่นห้าพันจะได้หรือเปล่าเถอะ”
“คุณจะบอกว่าคุณโง่เหรอคะ”
“ไม่ได้โง่ แค่เงินมันเหลือใช้แล้วบังเอิญว่าช่วงนี้อยากเล่นของเล่นที่ไม่เป็นงาน”
“ค่ะ บัวเป็นของเล่นที่ไม่เป็นงาน เชิญคุณธีร์เล่นได้ตามใจชอบเลยค่ะ”
