บท
ตั้งค่า

001 ยุคแห่งการเล่นเกม

วื้อออ...

เสียงเครื่องจักรที่มีชื่อว่าอิมแพลนท์เบดส่งออกมาขณะเอียงตัวของผมลง ผมรู้สึกว่าพื้นหมุนติ้ว ภาพตรงหน้าก็เบลอๆ พร้อมกับอาการมึนๆหัว เป็นอาการที่ทำยังไงก็ไม่ชินสักที ขณะที่ผมกำลังรวบรวมสติสตังที่กระเจิดกระเจิง อารมณ์ประมาณว่า ที่นี่ที่ไหน ผมเป็นใครอยู่นั่นเองก็มีเสียงๆหนึ่งพูดขึ้น

“การอิมแพลนท์ครั้งที่สองประจำปีที่สี่ เสร็จสิ้นลงแล้วค่ะ”

เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆตัวผม ผมจึงหันไปมอง แต่ด้วยอาการมึนหัวที่ยังไม่หายดีจึงเห็นใบหน้าแค่รางๆเท่านั้น

“ดูเหมือนสติจะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่นะคะ จนกว่าความคิดจะกลับมากระจ่างอีกครั้ง ขอแนะนำให้นั่งพักพลางคิดอะไรก็ได้ไปเรื่อยๆค่ะ จะช่วยกระตุ้นให้สมองตื่นตัวได้ไวขึ้น”

พูดจบคุณเจ้าหน้าที่ก็เดินไปดูแลคนอื่นต่อ

ผมเริ่มทำตามที่เธอว่า ก่อนอื่นสถานที่ปัจจุบัน ...อืม น่าจะเป็นโรงเรียน แล้วผมก็กำลังทำการอิมแพลนท์อยู่ ซึ่งก็คือการปลูกฝังความรู้ต่างๆลงสู่สมองโดยตรง ประมาณว่าเหมือนเรียนหนังสือนั่นแหละ แต่แทนที่จะมานั่งท่องหนังสือก็ยัดมันลงหัวไปเลย ซึ่งปริมาณข้อมูลมหาศาลที่ยัดลงสู่สมองแต่ละครั้งก็ส่งผลให้เกิดอาการมึนๆแบบนี้ พักสักหน่อยให้สมองเข้าที่เข้าทางเดี๋ยวก็หาย

ระหว่างที่ผมพยายามรวบรวมความคิด สมองผมก็เริ่มปลอดโปล่งขึ้น อาการมึนหัวเริ่มลดลง สายตาเริ่มจับโฟกัสได้

ผมมองไปรอบๆห้องหลังจากสายตาเริ่มเข้าที่ มันเป็นห้องค่อนข้างกว้าง มีอิมแพลนท์เบดแบบที่ผมกำลังนอนอยู่ตั้งเรียงกันเป็นแถว หลายๆเครื่องมีการใช้งานอยู่ เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนวิ่งวุ่นดูแลคนนู้นคนนี้พลางตรวจเช็คระบบการทำงานของเครื่องให้เรียบร้อย

พอเห็นท่าทางสมองผมเข้าที่เข้าทางแล้ว เจ้าหน้าที่หญิงคนเมื่อกี้ก็เดินมาทางผมพลางเปิดพีดีหรือพลาสมาดิสเพลย์ มันเป็นมอนิเตอร์ที่รวบรวมโมเลกุลกลางอากาศให้แข็งตัว ใช้งานเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพา โดยปกติแล้วพีดีจะทำงานเชื่อมต่อกับซิงโครลิงเกอร์ที่เป็นอุปกรณ์ติดบนศีรษะส่วนบุคคล ซึ่งการเชื่อมต่อที่ว่านี้ก็เหมือนกับอินเตอร์เน็ตส่วนบุคคลที่สามารถใช้ที่ไหนก็ได้บนโลกนี้นั่นเอง

“จะขอตรวจสอบสภาพความทรงจำและการทำงานของสมองอีกนิดหน่อยก่อนจะไปขั้นต่อไปนะคะ” คุณเจ้าหน้าที่สาวเอ่ยขึ้นพลางกดปุ่มบนพีดีมือเป็นระวิง “กรุณาบอกชื่อกับอายุด้วยค่ะ”

“ชื่อไทเลอร์ สไคร่า อายุสิบห้าปีครับ”

“ถูกต้องค่ะ ต่อไปกรุณาบอกวันที่ของวันนี้ด้วยค่ะ”

“อ่า...” ผมนึกอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงช้อนตาขึ้นมามอง “วันที่หก มกราคม ปีพ.ศ.สี่เก้าเก้าแปดครับ”

เธอพยักหน้าและก้มลงมองพีดีอีกครั้ง

“ต่อไป... คำถามง่ายๆนะคะ”

เธอถามคำถามทั่วไปอย่างการบวกเลข หรือคำถามเกี่ยวกับบุคคลสำคัญเพื่อตรวจสอบว่าสมองยังทำงานทางกระบวนการคิดได้

ผมตอบคำถามทั้งหมดที่คุณเจ้าหน้าที่ถามอย่างถูกต้อง

“เรียบร้อยค่ะ การทำงานของสมองปกติดีทุกอย่าง งั้นไปขั้นต่อไปเลยนะคะ กรุณาตามดิฉันมาค่ะ”

พอเธอพูดจบผมก็พยายามลุกออกมาจากอิมแพลนท์เบด ผมเซเล็กน้อย สัมผัสที่เท้าเย็นเฉียบทันทีที่เท้าได้สัมผัสกับพื้น จากนั้นผมก็เดินตามเธอไปอีกห้องหนึ่ง ภายในห้องมีโต๊ะเก้าอี้เรียงกันเป็นแถวๆ ห้องเรียนนั่นเอง

ถ้าจะถามว่าในเมื่อปลูกฝังความรู้ลงสมองได้โดยตรงแล้ว ทำไมถึงยังต้องมีห้องเรียนอีก? นั่นก็เพราะการปลูกฝังความรู้นั้นทำให้เรามีความรู้อย่างเดียว ไม่ได้ช่วยเสริมกระบวนการคิดแม้แต่น้อย ตัวอย่างเช่นคนที่มีความรู้เรื่องงานช่างไม้ รู้ว่าวิธีการใช้ค้อนใช้เลื่อยว่าทำยังไง แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว

ใช่ ‘รู้’ กับ ‘ทำได้’ นั้นต่างกัน ผลก็คือเมื่อคนๆนั้นจับค้อน ถึงจะรู้วิธีใช้แต่มือก็ยังจับไม่มั่น ตอกเบี้ยวไปทางซ้ายบ้างขวาบ้าง บางทีก็ตอกนิ้วตัวเอง เพราะฉะนั้น ‘รู้’ อย่างเดียวไม่พอ ต้อง ‘ฝึก’ ด้วยนั่นเอง

และนั่นก็คือความหมายของห้องเรียนนี้ คุณเจ้าหน้าที่พาผมไปยังโต๊ะที่ยังว่างอยู่ เด็กคนอื่นๆในห้องกำลังจดจ่ออยู่กับพีดีของตนพลางบ่นพึมพำๆ เป้าหมายของห้องนี้คือให้สมองได้ ‘คิด’ ว่าจะสามารถดึงความรู้ที่เพิ่งปลูกฝังมาใช้ได้ขนาดไหน

“ต่อไปจะทำการทดสอบทางความคิดค่ะว่าความรู้ที่ปลูกฝังไปนั้น สมองจะสามารถจำและใช้งานความรู้นั้นได้หรือไม่ค่ะ”

พูดจบเธอก็วาดมือเป็นวงสร้างพีดีอันใหม่ขึ้นมาจากโมเลกุลกลางอากาศ จากนั้นเธอก็เปิดไฟล์ข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ที่ผมเพิ่งทำการปลูกฝังและส่งมาให้

“กรุณาตอบคำถามในพีดีนี้ทุกข้อด้วยค่ะ”

“ครับ” ผมตอบแล้วเธอก็เดินจากไป

ผมก้มอ่านพีดีที่ได้รับมา ส่วนมากเป็นคำถามง่ายๆเกี่ยวกับความรู้ที่เพิ่งปลูกฝังลงไป ผมตอบคำถามพวกนั้นได้อย่างสบายๆราวกับเป็นเรื่องที่ผมท่องจำมาแล้วเป็นปีๆ

ตัวอย่างคำถามเช่น อธิบายสังคมปัจจุบัน

เมื่อประมาณ 500 ปีก่อน มีการเปลี่ยนแปลงระบบสังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นปีที่มีการพัฒนาระบบอิมแพลนท์อย่างจริงๆจังๆ และได้เริ่มนำมาใช้จริงในอีก 3 ปีต่อมาในระบบการศึกษา ทำให้มนุษย์ทุกคนเหมือนเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะกันหมด เพราะทุกคนมีความรู้ระดับหัวกะทิ จะต่างกันแค่แต่ละคนจะมีความคิดสร้างสรรค์แค่ไหนนั่นเอง

ผลที่ตามมาก็คือเทคโนโลยีทุกๆด้านมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การเกษตรหรืออุตสาหกรรมสัมบูรณ์ที่ปล่อยให้ดูแลตัวเองได้โดยที่มนุษย์ไม่ต้องทำอะไร ปัญหาสังคม ปัญหาความอดอยากลดลงจนหมดไปจากโลก

แต่ก็เหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายที่เทคโนโลยีพวกนั้นกลับทำให้มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำงานหาเงินกันเท่าไหร่ อาหารมีมากพอจนเหลือทิ้ง ขยะอุตสาหกรรมสามารถนำกลับมาใช้ใหม่จนไม่เหลือปัญหาด้านทรัพยากร น้ำมันที่หมดโลกไปนานแล้วก็ถูกแทนที่ด้วยพลังงานทดแทนใหม่ๆ ยุคสมัยนี้จึงเป็นยุคที่มีการแข่งขันทางด้านเกมการละเล่นกันแทน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ทุกคนล้วนเป็นเกมเมอร์กันทั้งนั้น และรัฐบาลก็เล็งเห็นและส่งเสริมการเล่นเกมด้วย เพราะเห็นว่าการแข่งขันจะทำให้คนเกิดการพัฒนาตนเอง และที่สำคัญความขัดแย้งต่างๆก็สามารถคลี่คลายด้วยการแข่งขันด้วยเกม ซึ่งดีกว่าการต่อสู้ทำร้ายกันจริงๆนั่นเอง

นอกจากคำถามนั้น ผมก็ตาบคำถามอื่นไปเรื่อยๆอย่างราบรื่นจนครบแล้วก็ส่งพีดีคืนคุณเจ้าหน้าที่ ซึ่งตรวจคำตอบและให้คะแนนภายใน 5 นาที

“ทำได้ดีมากค่ะ” เธอชม “แล้วก็ ขอยินดีด้วยค่ะ การอิมแพลนท์ในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว สำหรับการอิมแพลนท์ครั้งต่อไปจะแจ้งให้ทราบในภายหลังค่ะ”

พูดจบเธอก็ก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป ผมจึงตัดสินใจเดินออกมาจากห้อง

เมื่อออกมาด้านนอกผมก็เหยียดแขนไปด้านหลัง อาการมึนหัวหายไปหมดแล้ว ตอนนี้รู้สึงโล่งสุดๆ และเมื่อผมมองไปรอบๆว่าจะทำอะไรต่อดีก็เห็นคน 2 คนโบกมือเรียกผมอยู่ ผมจึงรีบเดินเข้าไปหา

“เฮ้ ว่าไงเพื่อน”

1 ใน 2 คนทักผมเมื่อผมเดินเข้าไปหา พวกเขาเป็นเพื่อนของผมเอง คนหนึ่งชื่อเส็ง ลู่เสียน แก่กว่าผม 1 ปี ส่วนอีกคนเป็นเด็กผู้หญิงชื่อโยริ ฮาคุมิ อายุ 15 เท่าผม เธอแค่ยิ้มทักทายให้

“เพิ่งอิมแพลนท์เสร็จน่ะ” ผมบอกเมื่อเดินไปถึง “ว่าแต่พวกนายมาทำอะไรกันเนี่ย?”

เส็งยักไหล่

“อะไรกัน นายบอกฉันเองไม่ใช่รึว่าวันนี้มีอิมแพลนท์ ฉันกับคุมิก็เลยมาดักรอไง”

เหอ? นี่ผมบอกเส็งไปงั้นรึ? ทำไมไม่ยักกะจำได้ สงสัยสมองยังก๊งๆอยู่... มั้ง?

“โอเค เรื่องนั้นช่างเถอะ แล้วมารอทำอะไรล่ะ?”

เส็งเท้าเอวแล้วหันไปพยักหน้ากับฮาคุมิ เธอจึงวาดมือกลางอากาศตรงหน้า สร้างพีดีขึ้นจากซิงโครลิงเกอร์ของเธอที่เป็นเครื่องประดับติดผม เธอกดคำสั่งบนพีดีแล้วหันมาให้ผมดู บนหน้าจอเป็นบทความของอะไรสักอย่าง ผมรับมาและเริ่มอ่าน

โดมิเนตเวิลด์ออนไลน์

ชื่อนี้ผมรู้จัก มันเป็นเกมฟูลไดว์ฟที่เล่นผ่านซิงโครลิงเกอร์ได้ เห็นว่าเพิ่งเปิดตัวได้ครึ่งปี เป็นเกมออฟเดอะเยียร์ที่กำลังได้รับความนิยมสูง

“ฉันกับคุมิว่าจะลองเล่นเกมนี้ดู โดมิเนตเวิลด์ออนไลน์ เลยว่าจะชวนนายให้มาเล่นด้วยกันไง”

ปกติผม เส็ง และฮาคุมิเป็นกลุ่มเพื่อนที่มักจะทำอะไรด้วยกันทั้งสามคน ถ้าจะชวนเล่นเกมใหม่แสดงว่าเกมเก่าที่เล่นด้วยกันอยู่ก็จะเลิกสินะ?

“แล้วเกมมอนสเตอร์เวิลด์ล่ะ จะเลิกรึ?”

ผมถามพลางอ่านบทความบนพีดี

“อืม... น่าเสียดายอยู่ แต่ก็นะ... เริ่มเบื่อๆแล้วล่ะ แล้วฉันก็อยากลองเล่นเกมแนวเพลเยอร์แอกทีฟดูบ้าง คุมิก็ทำท่าเหมือนอยากลองอะไรใหม่ๆและน่าตื่นเต้นกว่านี้ และเกมโดมิเนตเวิลด์ก็เพิ่งเปิดตัวไม่นานไง”

เข้าใจล่ะ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะเบื่อ เพราะเกมที่พวกเราทั้งสามคนเคยเล่นด้วยกันมาส่วนมากเป็นเกมแนวเพลย์เยอร์ซัพพอร์ตทั้งนั้น อย่างมอนสเตอร์เวิลด์ก็เป็นเกมที่เลี้ยงมอนสเตอร์ให้มาสู้กันเท่านั้นเอง

เนื่องจากว่าเกมในโลกตอนนี้ทั้งเกมเก่า เกมใหม่ เกมปัดฝุ่นทำใหม่ หรือเกมเล่นฆ่าเวลา รวมๆกันแล้วมีเยอะจนนับไม่หวาดไม่ไหว เหล่านักเล่นเกมจึงแบ่งประเภทเกมออกกว้างๆหลายต่อหลายแบบ เพลเยอร์แอคทีฟก็คือเกมประเภทที่เพลเยอร์ควบคุมอวาตาร์ภายในเกมออกบุกตะลุยไปตามสถานที่ต่างๆ เรียกง่ายๆว่าเป็นเกมสายลุยนั่นเอง ส่วนเพลเยอร์ซัพพอร์ตก็คือเกมประเภทที่เพลเยอร์เป็นผู้ออกคำสั่งหรือใช้กลยุทธ์ส่งกองกำลังของตนไปทำการต่อสู้แทน แต่ส่วนมากเกมพวกแนวนี้ไม่เน้นความรุนแรงเท่าไหร่นั่นเอง

“โอเค ตกลงฉันย้ายไปเล่นด้วยละกัน” เส็งกับฮาคุมิพยักหน้าอย่างพอใจ “แล้วทรัพย์สินในมอนสเตอร์เวิลด์ล่ะ จะขายทิ้งเลยไหม?”

ในโลกที่เน้นกิจกรรมเกมเป็นหลักนั้น ไม่แปลกที่จะสามารถขายทรัพย์สินในเกมให้เป็นเงินจริงได้ ผมเองก็มีค่าขนมที่ได้จากการขายของต่างๆในเกมเป็นเงินจริงเยอะพอสมควรเหมือนกัน

“ไม่ล่ะ” เส็งส่ายหน้า “เก็บไว้แบบนั้นก่อนละกัน ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินด้วย”

ฮาคุมิพยักหน้าตาม

“นั่นสินะ...เอาล่ะ งั้นตกลงว่าจะเล่นโดมิเนตเวิลด์ออนไลน์เมื่อไหร่ล่ะ คืนนี้เลยมั้ย ?”

“ฮะๆ ไม่เร็วขนาดนั้นหรอก นายยังต้องโหลดตัวเกมแล้วจูนนิ่งอีกนะ คงกินเวลาสักครึ่งวันแหละ ระหว่างนั้นนายก็ลองหาข้อมูลเกมไว้หน่อยก็แล้วกัน เริ่มเกมจะได้ง่ายหน่อย”

“อะไรมันจะยากขนาดนั้นเลยรึไง? แล้วโหลดกับจูนนิ่งน่ะ ครึ่งวันเลยรึ จะนานไปมั้ง?”

โหลดก็คือการให้ซิ งโครลิงเกอร์เชื่อมต่อเครือข่ายแล้วโหลดโปรแกรมเกมลงมา ส่วนจูนนิ่งก็คือการปรับคลื่นการเชื่อมต่อของตัวซิงโครลิงเกอร์กับเซิฟเวอร์ ให้เสถียรและเข้ากัน ซึ่งเกมทั่วไปอย่างมากชั่วโมงเดียวก็เสร็จแล้ว

“อืม...นั่นน่ะ เห็นว่าตัวเกมมีขนาดมหึมา แล้วที่จูนนิ่งนานก็อาจจะเพราะปริมาณข้อมูลนั่นล่ะมั้ง?”

“บ้ะ ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ งั้นโหลดไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยละกัน”

ผมส่งพีดีของฮาคุมิคืนไป และวาดมือกลางอากาศสร้างพีดีของตัวเองขึ้นมา ซิงโครลิงเกอร์ที่คล้องหูด้านซ้ายของผมตอบสนองต่อการออกคำสั่งด้วยมือของผม จากนั้นก็ยิงลำแสงที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นไปบนอากาศด้านหน้า จัดเรียงโมเลกุลอากาศให้แข็งตัว สร้างเป็นรูปร่างขึ้นมา

ผมเปิดเบราเซอร์ ใส่คีย์เวิร์ดไปว่า โดมิเนตเวิลด์ออนไลน์ – ดาวโหลดเกม ไม่ถึงวินาทีก็มีออฟฟิสเชียลไซท์ของเกมปรากฏบนเบราเซอร์ ผมจึงสั่งให้ทำการดาวโหลดตัวเกมใส่ลงในซิงโครลิงเกอร์ ขนาดไฟล์ของเกม ...แม่เจ้า 100 เทร่าไบท์ ถึงว่าต้องโหลดนานขนาดนั้น

อนึ่ง ซิงโครลิงเกอร์ของผมมีความจุอยู่ 1 เพท่าไบท์ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1024 เทร่าไบท์

หลังจากที่สั่งให้โหลดตัวไฟล์เกมผมก็วาดมือไปทางซ้ายแล้วลากลงเพื่อปิดพีดี

“งั้นตอนนี้ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

เส็งชวน ผมกับฮาคุมิจึงพยักหน้ารับแล้วพวกเราก็เดินไปด้วยกันพลางคุยเกี่ยวกับเกมที่กำลังจะเล่นด้วยกันใหม่นี้

หลังจากกลับมาถึงบ้านผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา ดูเหมือนสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆจะยังไม่กลับมากัน ผมสร้างพีดีขึ้นมา เปิดดูความคืบหน้าการโหลดตัวเกม... ซึ่งดูเหมือนต้องใช้เวลาอีกสักพัก

ในเมื่อยังเข้าไปเล่นไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจกลับเข้าไปเกมเก่าก่อน ซึ่งก็คือเกมมอนสเตอร์เวิลด์

ผมปิดพีดีที่กำลังโหลดเกมโดมิเนตเวิลด์ลง สร้างพีดีอันใหม่ขึ้นมา

“เพียออน”

ก่อนจะเข้าเกมมอนสเตอร์เวิลด์มีเรื่องต้องจัดการก่อนให้เรียบร้อย ผมจึงพูดคำสั่งใช้งานของ เพอโซนัล อินทิลิเจนท์ อวาตาร์ แปลตรงตัวก็คือโปรแกรมเอไอส่วนบุคคลหรือเรียกย่อๆว่าเพียขึ้นมา ซึ่งเพียนี้ก็ตามชื่อของมันคือโปรแกรมเอไอซัพพอร์ตผู้ใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆในพีดี

แรกโปรแกรมเพียมีการถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่ามีความเสี่ยงที่จะตัวเอไอยึดร่างผู้ใช้และก่อกบฏ แต่ปัญหาเหล่านั้นก็ถูกลบล้างออกไปจนหมดหลังจากมีการทดสอบแก้ไขเกือบร้อยปีจนอยู่ตัว ซึ่งจริงๆแล้วกระบวนการทำงานของเพียไม่ใช่การคิดด้วยตัวของมันเอง แต่เป็นการเลือกตัวเลือกมากมายจากที่กำหนดไว้อยู่แล้วในการตอบสนอง เพียงแต่ตัวเลือกที่ว่ามีมากมายจนการตอบสนองของเพียเหมือนกับว่ามันคิดได้ด้วยตัวเองนั่นเอง

หลังจากที่ผมออกคำสั่งเปิดการทำงานเพีย พื้นที่ว่างเปล่าด้านหน้าของผมก็เริ่มมีการก่อตัวของอนุภาคเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากลำแสงเล็กๆ เริ่มรวมเข้าด้วยกันเป็นชุดเกราะอัศวินสีดำขลับขึ้นมาตรงหน้าผม ใช่ฟังไม่ผิดหรอกชุดเกราะอัศวิน ไม่ใช่อัศวินในชุดเกราะ เพราะข้างในนั้นว่างเปล่า

“สวัสดียามเย็นคุณไทเลอร์” ชุดเกราะเปล่งเสียงสังเคราะห์ขึ้น “มีอะไรให้ผมรับใช้?”

“ว่าไงไพรมัส เดี๋ยวฉันจะฟูลไดว์ฟน่ะ เพราะงั้นเดี๋ยวมาซิงค์กันหน่อย”

“รับทราบครับคุณไทเลอร์”

พูดจบไพรมัส เพียของผมก็สลายตัวไป ผมหลับตาลงรู้สึกวูบๆเหมือนตัวลอยขึ้นไปบนฟ้า พอผมลืมตาขึ้นตัวผมก็อยู่ในโฮมวิชวลของผมแล้ว มันเป็นห้องเล็กๆในโลกไซเบอร์เวิลด์ที่กว้างใหญ่ เป็นห้องส่วนตัวของแต่ละคนที่ไม่สามารถล่วงล้ำได้เว้นแต่จะถูกเชิญเข้ามา หรือแฮคเข้ามา นั่นล่ะ... ถ้ามีคนทำได้น่ะนะ

ภายในห้องทรงกลมที่มีพื้นที่เหลือเฟือห้องนี้ มีข้าวของเครื่องใช้ไม่มากเท่าไหร่ เช่น ชุดโต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บของและเตียงนอน เพราะผมเป็นพวกเน้นการใช้สอยมากกว่าเน้นความสวยงาม ในห้องจึงค่อนข้างโล่งและมีแต่ของที่ผมใช้บ่อยๆอยู่เท่านั้น

ผมมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล โฮมแต่ละหลังส่องแสงสว่างไสว ทำให้ใต้ทะเลที่ควรจะมืดมิดงดงามด้วยบรรยากาศแบบใต้ทะเลเขตร้อน เหล่าผู้คนในชุดต่างๆกันลอยไปพุ่งมากันขวักไขว่ ที่ก้นมหาสมุทรประดับไปด้วยพืชทะเลสีสันสวยงาม ทั้งปะการัง ทั้งพืชน้ำอื่นๆ และร้านค้าต่างๆมากมาย

สรุปง่ายๆ โลกไซเบอร์เวิลด์นี้ได้จำลองให้ออกมาอยู่ในทะเล และโฮมของแต่ละคนก็เป็นฟองอากาศลอยอยู่ในมหาสมุทรนั้น

แน่นอนว่าผมสามารถออกจากโฮมของผมและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนคนอื่นๆใน มหาสมุทรแห่งข้อมูลนี้ เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คขนาดใหญ่ที่เชื่อมทั้งโลกไว้ด้วยกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานั้น

ผมเดินกลับเข้ามาที่กลางห้องหลังจากดูวิวภายนอกพักหนึ่ง จากนั้นก็เชื่อมพีดีกับไพรมัสเพื่อเช็คร่างกายของผมก่อนจะเข้าเกมมอนสเตอร์เวิลด์

หลังจากรอไม่ถึงอึดใจ พีดีก็ฉายภาพตัวผมที่นั่งอยู่บนโซฟาที่เดิมออกมา จะต่างจากเดิมหน่อยคือร่างกายผมกำลังดูทีวีอยู่

“เป็นยังไงบ้างไพรมัส?”

ผมเรียกตัวผม... ฟังดูพิลึกนิดหน่อย แต่ร่างกายของผมตอนนี้ไพรมัสกำลังควบคุมอยู่

“ครับคุณไทเลอร์ ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” ร่างกายผมตอบกลับมา

ในยุคสมัยที่เกมนั้นเหนือยิ่งกว่าเกมไปแล้วนั้น การใช้เวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงย่อมไม่สามารถทำอะไรได้มาก อีกทั้งแต่ละคนยังมีเวลาเหลือเฟือ แต่จะให้นั่งๆนอนๆฟูลไดว์ฟเล่นเกมก็ไช่ที่ มีหวังร่างกายต้องป่วยแน่นอนเนื่องจากขาดสารอาหารและการออกกำลังกาย ซึ่งปัญหานี้ได้รับการแก้ไขโดยการไม่ทำให้ร่างกายเอาแต่นอนขณะทำการฟูลไดว์ฟซึ่งก็คือการให้คนอื่นดูแลร่างกายของตัวเรานั่นเอง และคำตอบนั้นก็คือ เพอโซนัล อินทิลิเจนท์ อวาตาร์หรือเพียอย่างไพรมัสของผมนี่แหละ

ถ้านับจากอดีตถึงปัจจุบัน การเล่นเกมเริ่มจากเครื่องเกมกดเล็กๆ ต่อมาก็เกมทีวี เกมพีซี เครื่องเกมบีบอัดเวลาที่เร่งการทำงานของสมองขณะหลับลึก ส่วนยุคของผมที่เป็นยุคแห่งการเล่นเกมนั้นมีทุกอย่างที่ว่ามา รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดซึ่งก็คือซิงโครลิงเกอร์

ขณะที่ผมกำลังทำการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คโดยตรงหรือที่เรียกว่าฟูลไดว์ฟ สติสัมปชัญญะของผมจะไม่ได้อยู่กับตัวจึงทำให้ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ ยุคก่อนหน้านั้นจะให้เพลเยอร์นอนในแคปซูลเครื่องเกมเพื่อรักษาสภาพร่างกายให้อยู่ได้นานที่สุดโดยที่ไม่แห้งตายไปก่อน ส่วนระบบซิงโครนั้นได้ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยการให้เพียของตัวเองดูแลร่างกายขณะที่กำลังฟูลไดว์ฟอยู่ เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว...จะมีปัญหาก็คือฟูลไดว์ฟนานเกินไปจนไม่ยอมกลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริงนั่นเท่านั้นเอง

เมื่อผมดูจนแน่ใจ แล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับทั้งร่างกายของผมและไพรมัส ผมจึงปิดพีดีลง เปิดพอทัลเกทที่กลางห้องเพื่อเข้าไปยังเกมมอนสเตอร์เวิลด์ออนไลน์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel