บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

การเปลี่ยนแปลง

ดูไบ ศูนย์รวมแห่งการค้าขาย และส่งออกที่ยิ่งใหญ่อีกประเทศหนึ่ง เพราะสิ่งนี้เลยทำให้หลายประเทศอยากเข้ามาทำการร่วมลงทุน หรือแม้แต่ก่อตั้งถิ่นฐานเป็นของตัวเอง แต่หากใครว่ามันเข้ามาง่าย ๆ เหมือนที่คิดคุณคิดผิดมาก ๆ การลงทุนในประเทศนี้คุณต้องรู้จักและสนิทสนมกับผู้มีอิทธิพลในประเทศนี้อย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อการันตรีว่าคุณจะเข้ามาเพิ่มหลักทรัพย์ให้กับประเทศไม่ใช่ว่ามาเพื่อทำประเทศของพวกเขาพังไป

อัดฮัม อัจมาน คาล์ล ชายผู้อยู่เหนือใครทั้งหมดในประเทศ ครอบครัวของเขามีความเป็นมาที่ลึกลับซับซ้อน จนยากจะค้นหาข้อมูลใด ๆ มาชี้แจงได้ว่า พวกเขารวยมาจากไหน? และอำนาจที่มีอยู่ใครเป็นผู้ยกให้ หรือหากใครอยากทดสอบ เขาก็ไม่เคยปฏิเสธหากคิดว่าตัวเองเก่งพอจะสืบค้นข้อมูลของเขาได้ ครอบครัวของเขามีทั้งธุรกิจส่วนตัวและเข้าร่วมลงทุนกับบุคคลหลายประเทศแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาจะต้องมั่นใจก่อนว่าหากเขาเข้าร่วมลงทุนด้วยแล้วเงินเขามันต้องงอกเงยขึ้นมาไม่ใช่ศูนย์หายไปเปล่า ๆ

และเร็วๆนี้ท่านอาของเขาได้ขอให้คาล์ลไปดูงานที่ประเทศไทย ประเทศที่เขาจำแทบไม่ได้แล้วว่าเคยกลับไปครั้งสุดท้ายเมื่อใด อาจเป็นตอนพาศพแม่กลับไปทำพิธีทางศาสนาเมื่อสิบห้าปีก่อน หรืออาจจะตอนที่เขาคิดอยากจะเป็นคนธรรมดาเมื่อเสียผู้เป็นที่รักไปอีกครั้งนั้นคือ พ่อของเขาห้าปีหลังจากที่แม่เสีย ด้วยการโดนรอบยิ่งครั้งนั้นเขาอยู่กับพ่อ แต่ไม่อาจปกป้องท่านได้ เขายังจำวันที่พ่อเขาล้มลงตรงหน้าเพื่อบังกระสุนให้ตัวเองได้ดี มันแสนจะเจ็บปวดกับคำขอสุดท้าย คือขอให้เขาใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมี่ความสุข

แต่เพราะท่านอาไม่ยอมรับตำแหน่ง เขาผู้เป็นสายเลือดโดยตรงจึงต้องรับมันไว้แทน และเขาทำมันสำเร็จเมื่อตอนนี้ครึ่งหนึ่งของประเทศนี้เขาเป็นผู้กุมอำนาจทั้งหมด และไหนจะประเทศเพื่อนบ้านหรือแม้แต่ทวีปอื่น ๆคาล์ลก็เข้าไปมีอิทธิพลร่วม จากการร่วมลงทุนหรือแม้แต่การซื้อหุ้นกับหลายบริษัทที่มีท่าทีว่าจะล้มละลาย และเมื่อเขาเข้าไปเทคโอเวอร์เขาไม่เคยใช้เวลานานเกิน1-2ปีเลยในการทำให้มันกับมามีราคาน่าลงทุนอีกครั้ง ด้วยคอนเนคชั่นที่มี และชื่อเสียงอีกมากมาย

นามแฝงมากมายที่คาล์ลหยิบมันมาใช้ล้วนแต่มีความอึมครึมลึกลับอยู่ในนั้นเสมอ อย่างเช่นครั้งนี้ที่เขาต้องไปทำงานที่นั่น ชื่อที่แม่เคยตั้งให้ได้ถูกหยิบกลับมาใช้อีกครั้ง เมฆา สุวรรณเมธี ชื่อที่หมายถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เหมือนอำนาจที่เขามีในตอนนี้ แต่มันก็หมายถึงความอ้างว้างอีกเช่นกัน

“กำหนดเดินทางวันไหน?” คาล์ลเอ่ยถามมือขวาของเขาอย่าง ฟินิกซ์ ฌอร์ ถึงกำหนดการในการเดินทางในครั้งนี้

“อีกสองวันครับ”

“จัดกำลังคนมีฝีมือไปพร้อมฉันห้าคนก็พอ”

“ครับ นายท่าน”

“ส่วนนาย...ไม่ต้องไป และไม่ต้องคิดจะขัดคำสั่ง”

“รับทราบครับ” ถึงอยากจะตามไปด้วยมากแค่ไหน แต่คำสั่งของคาล์ล ถือเป็นประกาศิตไม่อาจปฏิเสธหรือคัดค้านได้หากยังอยากมีลมหายใจอีกยาวนาน อย่าได้ขัดคำสั่ง อัดฮัม อัจมาน คาล์ล

“ระหว่างอยู่ที่นี่ฉันมีงานให้นายทำ...ฉันไม่ไหวใจใคร”

“ครับ”

คนนอกว่าน่ากลัวแล้ว คนในถือว่าน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะหากเขาต้องอยู่ที่ไทยนานกว่ากำหนดที่ตั้งไว้ แล้วหากไม่มีหูมีตาที่นี่ เขาอาจจะเสียอำอาจที่มีไปแบบไม่รู้ตัวก็ได้

ปกติแล้วเวลาที่ คาล์ลจะเดินทางไปต่างแดนแบบนี้ เขาไม่เคยไปแบบไม่มีมือขวาไปด้วยเลย แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปแค่เดือนสองเดือน แต่มันอาจจะเป็นปีหรือสองปีเขาก็ไม่อาจรู้ได้ จึงต้องฝากให้ฟินิกซ์คอยดูแลที่นี่ และท่านอาของเขาด้วย ถึงฝั่งนั้นจะมีลูกน้องฝีมือดีมากแค่ไหนเขาก็ยังห่วงอยู่ดีเพราะ อุซมี อัจมาน คาล์ล คือครอบครัวคนสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่

วันเดินทาง 08:00 น.

“จำไว้...หากเกิดอะไรขึ้นติดต่อฉันทันที”

“Yes sir”

พอสั่งการเสร็จแล้ว คาล์ลก็เดินไปขึ้นรถที่ถูกจัดเตรียมมาเพื่อใช้เดินทางไปขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่ลานกว้างห่างจากตัวคฤหาสน์ไปห้ากิโลเมตรแต่ยังอยู่ในพื้นที่ของเขา

พอมาถึงลานกว้างก็เจอเข้ากับบอดี้การ์ดอีกสี่คนที่เขาให้ ฟินิกซ์เตรียมไว้ให้ ทุกคนล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือตามที่สั่งการไปจริง ๆ เพราะทั้งสี่คนนี้คือคนที่ติดตามเขาอย่างใกล้ชิดที่สุดที่อยู่ที่นี้ โดยเฉพาะคนที่ห้า คนที่ไปรับตัวเขาออกมาอย่าง อีธาน ไลน์เนอร์ คู่หูของฟินิกซ์หรือก็คือมือซ้ายของเขานั้นเอง เก่งรอบด้าน ไม่ว่าจะการต่อสู้หรือแม้แต่การแฮคข้อมูลสำคัญทางราชกาลคนคนนี้ก็สามารถทำได้ ต่อมาก็ สตีเวน โจว มือปืนไร้เงาอดีตนายทหารหน่วยรบลับ อนาคิณ ลูกน้องชาวไทยที่สามารถไต่ระดับขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดของการอาลักขาได้ด้วยฝีมือที่เหนือกว่าใครหลายคน แถมสายตายังเชียบแหลมว่องไว หาตัวจับอยากไม่แพ้สตีฟเลยก็ว่าได้ และสองคนสุดท้ายพี่น้องแฝดนรก หยินและหยาง หวัง หรืออีกชื่อคือจิมมี่และเจมส์ทั้งสองถือว่าคือที่สุดของความโหดร้าย มายืนจุดนี้ได้เพราะการขอดวนกับมือขวาของเขาอย่างฟินิกซ์ ครั้งนั้นทั้งคู่เผยการต่อสู้ทุกอย่างที่มีถึงจะแพ้แต่การที่สามารถสู้กับมือขวาของเขาได้นานถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ล้มแถมยังยิ้มสู้ต่อมันก็เพียงพอแล้วกับตำแหน่งนี้

พอขึ้นมานั่งในเครื่อง อีธานก็เดินเข้ามาบอกถึงเวลาในการเดินทาง ว่าจะถึงไทยประมาณ6-7ชั่วโมงให้เขาพักผ่อนก่อนได้เลย หากถึงที่หมายแล้วมันจะมาเรียก เขาเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นแต่ไม่ได้หลับหรือพักผ่อนแต่อย่างใด

เขานำเอกสารที่ท่านอาให้มาบอกว่าเป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัทที่เขาต้องไปดูแลที่ไทย พอนึกถึงเรื่องนี้คาล์ลก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขายังขาดหน้าที่สำคัญไปอีกหนึ่งอย่าง จึงได้เรียกให้อีธานมาพบ

“ช่วยหาเลขาใหม่ให้ฉันด้วย ขอคนที่ทำงานได้แบบไม่จำกัดเวลา ขอคนที่คิดว่าทุ่มเทให้งานได้ดีที่สุดและเน้นที่เป็นผู้ชายหรือไม่ก็คนที่มีครอบครัวแล้วเท่านั้น”

“ที่จริงเราเตรียมเลขาไว้ให้ท่านแล้ว แต่หากท่านต้องการเปลี่ยนเป็นแบบนั้นเราจะเปลี่ยนให้ทันทีครับ”

รับคำเสร็จก็กลับไปนั่งที่เดิม ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะไปหาเลขาดี ๆ ได้จากที่ไหน ขนาดคนนี้ที่ได้มายังไปรับมาจากอีกบริษัทในเครือเลย เพราะหากจะหาคนที่เก่งน่ะ มีมากมาย แต่คนที่เก่งหลายภาษาแถมต้องใจเย็นเนี่ยสิจะหาจากไหน แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว แต่หากพูดออกไปคงไม่พ้นสายตาดูถูกของบอสแน่ ๆ เฮ้อ..!คิดไปตอนนี้ก็ปวดหัวรอถึงไทยคอยว่ากันคงต้องแอบหาประวัติเองซะแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel