บท
ตั้งค่า

DEEP LOVE : 02

[Matusin Talk]

ช่วงเย็นของวันต่อมา…

@Sosay Pub

“เห่ยๆๆ”

“ไอ้เฮีย ตื่น”

ผมสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนมาสะกิดเรียก ผงกหัวขึ้นเล็กน้อย หรี่ตามองไอ้คนที่มันบังอาจมาปลุกผม มันคือไอ้ดิน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียที่ไม่รับช่วงต่อธุรกิจสีเทาของผู้เป็นพ่อสักอย่าง แต่เสือกเลือกที่จะมาเป็นเจ้าของผับเล็กๆแห่งนี้แทน

ผมทิ้งหัวลงบนโซฟาอีกครั้งพลางยกกำปั้นทุบหน้าผากตัวเองเบาๆ ปวดหัวฉิบ

“ไมมานอนตรงนี้วะ” เสียงไอ้ยูตะเอ่ยถามก่อนที่มันจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม มันเป็นน้องชาย ไอ้วาโย เพื่อนสนิทผม

“เชี่ยยยย นี่มึงแดกคนเดียว?” ไอ้หมอไวน์ ที่เดินตามเข้ามาเอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นกองขวดเหล้าและพวกบรรดามิกเซอร์ทั้งหลายบนโต๊ะกลาง คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ แถมยังเป็นทายาทคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังใจกลางเมือง

“ตับไตพังหมดแล้วมั่ง ไอ้ฉิบหาย” นี่ก็เสียงไอ้วาโย พวกมันตามกันเข้ามาติดๆ ยังมีไอ้ธามและก็ไอ้ฟิวส์ที่เดินเข้ามาแต่ไม่ได้พูดอะไร ไอ้สองตัวนี่แม่งพอกัน ไอ้พวกกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก แต่มันกวนตีนมากนะ…บอกไว้ก่อน ไม่งั้นคบกับพวกผมไม่ได้หรอก

แน่ะ...พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้เหี้ยฟิวส์ก็เดินมาสะกิดผม พร้อมกับส่งซิกให้ลุกขึ้น

“เชี่ยไรเนี่ย วุ่นวายฉิบหาย” ผมก่นด่าให้เพื่อนตัวเอง ที่นั่งตั้งเยอะแยะ เสือกอยากจะมานั่งตรงนี้

ผมหยัดตัวขึ้นนั่งอย่างหัวเสีย มองไอ้คนหน้ามึนที่หย่อนก้นลงนั่งข้างผมตาขว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นบีบต้นคอตัวเองและบิดไปมาเล็กน้อย

“อาการมันเป็นไง” ไอ้หมอถามพร้อมยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้าง ตามฉบับของนายแพทย์หนุ่มสุดหล่อ

อ่ะ…ไอ้เหี้ยฟิวส์นี่ก็ขยันสะกิดกูจังเลย

“อะไรอี๊ก” ผมหันไปถามด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่มันจะชี้ขวดน้ำเปล่าที่อยู่มุมโต๊ะ

“ไม่แดกมาจากบ้านว่ะ…อ้ายเหี้ย” ผมด่ามัน แต่ก็ยังหยิบให้มันนะ

“ใช้นิดหน่อยทำบ่น สัส” มันรับขวดน้ำไปจากผม ไม่ขอบคุณไม่พอ เสือกว่าให้ผมอีก เวรจริงๆ

“สรุปเป็นเหี้ยอะไร แดกโต้รุ่งขนาดนี้” ไอ้วาโยถาม พร้อมกับนั่งลงที่ว่างอีกฝั่งข้างผม หลังจากที่มันยืนจับผิดผมอยู่สักพัก เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ฟิวส์ยกน้ำขึ้นดื่ม

“ปาร์ตี้ สระโสด” ผมตอบ

พรวดดด

ห่ะ!!!

พวกมันอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน ไอ้ฟิวส์ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำไหลเลอะคางที่พุ่งออกมาแบบลวกๆ ก่อนที่จะพากันหัวเราก๊ากออกมา

ฮ่าๆๆๆๆ

ไม่มีเชื่อสินะ..ผมโคลงศีรษะไปมาเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแจ็คเก็ตหนังของตัวเองที่วางฟาดพนักพิงโซฟาพร้อมกับล้วงกระเป๋าด้านในหยิบการ์ดสีชมพูหวานหกใบออกมาโยนไว้บนโต๊ะกลางวง

“อ่ะ..ไอ้สัส แหกตาดูเอา”

พูดจบผมก็หยิบบุหรี่ยี่ห้อโปรดขึ้นมาสูบ พวกแม่งพากันกลืนเสียงหัวเราะกลับเข้าลำคอแทบไม่ทัน ไอ้ธามเป็นคนแรกที่หยิบการ์ดขึ้นมาดู

“เฮียนี่ก็ว่างเนอะ สรรหาจริง” ไอ้ธามว่าก่อนจะโยนการ์ดกลับคืนที่เดิมและเอื้อมไปหยิบแก้วเปล่าที่วางถัดไปแทน แล้วแม่งก็พากันหัวเราะออกมาอีกรอบ ผมเริ่มไม่สบอารมณ์กับพวกแม่งนี่ละ สนุกกันจัง ไอ้สัส…เดี๋ยวรู้เรอะ

“เอ้า ไอ้เวรนี่ กูพูดจริง” ผมยืนยันเสียงแข็ง คิ้วขมวดมุ่น ทำไมไม่มีใครเชื่อผมเลยว่ะ ต่อไปเป็นไอ้หมอไวน์ ที่เอื้อมหยิบการ์ดไปดู บรรจงอ่านรายละเอียดสำคัญตามลำดับ

“เรียนเชิญร่วมพิธีมงคลสมรส เจ้าสาวนี่ใครวะ” พอไอ้หมอพูดจบไอ้ยูตะก็ชะโงกหน้าไปอ่านชื่อว่าที่เจ้าสาวของผมทันที

“ลลิลลดา เรืองขจร แหม่ะ ชื่อเพราะซะด้วย”

“นี่มึงเล่นถึงนามสกุลดังเลยเหรอว่ะ ไอ้สัส อย่างจี้” ผมตวัดตามองไอ้เหี้ยวาโยที่ใช้สองมือกุมท้องหัวเราะลั่นจนตัวบิดตัวงอกับประโยคที่ตัวเองเพิ่งพูดไป

“จัดงานที่บ้านซะด้วย” ไอ้ยูตะว่าต่อ

“วันเสาร์นี่ โห…ไวไปเพื่อน ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่” พูดจบไอ้หมอไวน์ก็โยนการ์ดลงกองเหมือนเดิม แล้วก็พากันหัวเราะคิกคักไม่หยุด

“เดี๋ยวนะ!!” ไอ้ดินโพล่งขึ้น ก่อนจะรีบหยิบการ์ดขึ้นมาดูอีกครั้ง “ลลิลลดา” มันพึมพำชื่อเจ้าสาวที่ถูกตีพิมพ์ไว้อย่างเลื่อนลอยเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง

“เชี่ยยยย ผู้หญิงที่มาตามหาเฮียเมื่อคืนหนิ” มันพูดจบ ทุกคนนิ่งอึ้งไปหลายนาที เจอตัวคนที่ปล่อยให้ยัยคุณหนูนั่นบุกขึ้นไปขัดจังหวะผมล่ะ

“แล้วมึงปล่อยให้ขึ้นไปทำไม” ผมถามไอ้ดินแต่ดูเหมือนทุกคนจะเรียกสติกลับมาพร้อมกัน เพราะต่างคนต่างพากันหยิบการ์ดที่จ่าหน้าซองเป็นชื่อของตัวเองขึ้นไปดูอย่างจริงจัง

“ก็อยากแกล้งเฮียเล่นเฉยๆ นึกว่าเด็กในสต๊อก” มันตอบหน้าตาเฉย

เชื่อกูแล้วสินะ…ไอ้พวกเวร แล้วแม่งก็พากันรัวคำถามใส่ผมแบบไม่ทันตั้งตัว

“เรื่องจริงเหรอวะ” ไอ้วาโยเริ่มถามคนแรกและตามด้วยน้องชายมัน

“ได้ไง”

“เขาท้อง?” และปิดจบที่ไอ้หมอไวน์ เพราะผมไม่ยอมให้ใครได้ถามต่อ

“แหม…ไอ้สัส ต่อมเสือกกระดิกกันขึ้นมาทันทีเลยนะ” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะคาบบุหรี่ไว้ในปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยกมือที่ถือแจ็คเก็ตขึ้นพาดบ่า เดินตรงไปหน้าประตู ไม่ลืมทิ้งท้ายเพื่อย้ำความสำคัญสำหรับงานนี้อีกครั้ง

“เตรียมชุดให้ทันวันเสาร์นี้ก็พอ ห้ามพลาดเด็ดขาด"

ผมเดินพ่นกลุ่มควันขาวมาตลอดทาง ก่อนยกยิ้มขึ้นมุมปาก ผมนี่แทบจะรอให้ถึงวันเสาร์ไม่ไหวเลย รอวันที่คุณหนูลลิลลดาจะตกมาเป็นลูกไก่ในกำมือหรืออาจจะมากกว่านั้น ฉันนี่แหละจะเป็นคนปรามพยศเธอเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel