ตอนที่ 6: Cat time
“โอ๊ยยย…คนอะไรน่ารักอย่างนี้” คุณดวงหทัยอุทานในใจและรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก หลังจากที่เธอได้สบตาและเห็นรอยยิ้มที่สดใสของเจ้าของร้านกาแฟหนุ่ม
และเมื่อเจ้าของร้านกาแฟหนุ่มชงกาแฟให้เธอเสร็จแล้ว มันจึงทำให้เธอรีบเดินเข้าไปรับกาแฟแก้วนี้และรีบเดินหนีออกจากร้านแห่งนี้ทันทีด้วยความประหม่าเเละเขินอาย
และนั่นทำให้เจ้าของร้านกาแฟหนุ่ม ผู้ที่เพิ่งยื่นแก้วกาแฟให้เธอถึงกับยืนยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ
และหลังจากที่คุณดวงหทัยได้ออกจากร้านกาแฟมาแล้ว เธอจึงรีบขับรถกลับมาที่บริษัทวิฬาร์ภากรทันทีโดยใช้เวลาไป 20 นาที
หลังจากนั้นเธอจึงรีบขึ้นลิฟต์และรีบนำกาแฟมาส่งให้กับผมอย่างรวดเร็ว เพราะเธอคิดว่าในเวลานี้ผมคงง่วงจนตาแทบปิดไปแล้วแน่ๆ
“ดวงขออนุญาตเข้าไปด้านในนะคะ คุณพสิษฐ์ ดวงเอากาแฟมาส่งค่ะ” คุณดวงหทัยเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของผม นั่นทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารและมองมาที่เธอทันที
“นำกาแฟมาวางไว้ใกล้ๆ ผมได้เลยครับ ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ไปซื้อกาแฟมาให้ผม” ผมยักคิ้วและยกยิ้มที่มุมปากส่งไปให้คุณดวงหทัย
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้างั้นดวงไม่รบกวนเวลางานของคุณพสิษฐ์แล้วนะคะ” คุณดวงหทัยยิ้ม ก่อนที่เธอจะขอตัวเดินออกจากห้องทำงานของผมเพื่อกลับไปทำงานของเธอต่อทันที
“ครับ” ผมยกยิ้มที่มุมปาก และมองตามหลังคุณดวงหทัยที่เดินออกจากห้องทำงานของผมไป
จากนั้นผมจึงเอื้อมมือไปหยิบเอากาแฟที่คุณดวงหทัยซื้อมาให้ขึ้นมาดื่ม พร้อมกับหันหน้าออกไปมองวิวด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง เพื่อพักผ่อนสายตาหลังจากที่จ้องมองเอกสารมาอย่างยาวนาน
ผ่านไปสามวันแล้ว หลังจากที่ผมได้กลับมาทำงานที่บริษัทวิฬาร์ภากรหลังจากที่ไปเยี่ยมคุณพ่อ คุณแม่และคุณปู่ที่บ้านวิฬาร์ภากร และในวันนี้เอง จู่ๆ คุณดวงหทัยได้ถือกล่องพัสดุบางอย่างเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของผม
“คุณพสิษฐ์คะ คุณพลอยส่งพัสดุมาให้ค่ะ” คุณดวงหทัยถือกล่องพัสดุเข้ามาและนำมาวางไว้ข้างๆ โต๊ะทำงานของผม
“ขอบคุณครับคุณดวงหทัยที่ช่วยยกกล่องพัสดุมาให้ผม” ผมหยุดมือจากการตรวจเอกสาร ก่อนจะเดินเข้ามาหาคุณดวงหทัยพร้อมกับก้มตัวลงเปิดกล่องพัสดุที่ยัยพลอยส่งมาให้ จากนั้นก็หยิบเอาของที่อยู่ในกล่องขึ้นมาดู
“กรี๊ดดด!!!” คุณดวงหทัยกรีดร้องทันที เมื่อเธอเห็นสิ่งที่ยัยพลอย น้องสาวของผมส่งมาให้ ส่วนผมได้แต่ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาเบาๆ
“เนื้องูเห่า เนื้อหนูนาย่าง ไข่มดแดงและลูกอ๊อดจากจังหวัดหนองบัวลำภู” ผมอ่านกระดาษโน๊ตใบเล็กๆ ที่ยัยพลอยแนบมาด้วยพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปก
และถ้าถามว่าของพวกนี้ผมเคยกินมาก่อนหรือยัง ผมขอตอบเลยว่าผมเคยกินมาหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามยัยพลอยมักจะมีข้ออ้างเสมอว่าของกินในแต่ละจังหวัดมันอาจมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน
ดังนั้น ในทุกๆ ครั้งที่ยัยพลอยเดินทางไปต่างจังหวัด เธอมักจะหาซื้อของกินแปลกๆ เหล่านี้และส่งมาให้ผมกินเสมอ
“คุณพสิษฐ์จะกินของพวกนี้จริงๆ เหรอคะ” คุณดวงหทัยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นเนื้องูเห่าตัวยาว และเนื้อหนูนาย่างตัวใหญ่ที่ผมถืออยู่ในมือ
“ครับ รบกวนคุณดวงหทัยนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปส่งที่ร้านอาหารประจำของผม และให้เขาทำเป็นอาหารเช้า กลางวันและเย็นให้ผมภายในวันพรุ่งนี้ทีนะครับ และอย่าลืมให้เขาจดรายชื่อวัตถุดิบและส่วนผสมที่ใช้ในการทำอาหารให้ผมด้วยนะครับ” ผมสั่งการคุณดวงหทัย ก่อนจะนำเนื้องูเห่าและเนื้อหนูนาย่างที่ผมยกออกมาดูเก็บลงไปในกล่องอีกครั้ง
“ได้เลยค่ะ แต่ว่าดวงขอวางกล่องนี้เอาไว้ในห้องของคุณพสิษฐ์ก่อนนะคะ เอาไว้ช่วงเย็นๆ ดวงจะเข้ามาหยิบไปเองค่ะ ถ้าหยิบออกไปด้วยตอนนี้มีหวังดวงไม่มีสมาธิทำงานแน่นอนเลยค่ะ” คุณดวงหทัย ผู้กลัวงูและหนูพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ได้เลยครับ” ผมยกยิ้มที่มุมปาก ส่วนคุณดวงหทัยเมื่อได้ยินคำอนุญาตจากผมแล้วเธอก็ถอนหายใจทันที ก่อนที่เธอจะรีบเดินออกไปจากห้องทำงานของผมอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่คุณดวงหทัยเดินออกไปจากห้องทำงานของผมได้ไม่นาน จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
“ว่ายังไงยัยตัวแสบ” ผมยกยิ้มที่มุมปากและทักทายยัยพลอยทันที
“ไม่มีอะไรค่ะ พลอยแค่จะโทรมาถามพี่ว่า พี่ได้รับของที่น้องส่งไปให้หรือยังคะ” เสียงปลายสายดังตอบกลับมา
“ได้รับแล้วล่ะ” ผมยิ้มพร้อมกับมองดูกล่องพัสดุที่วางอยู่ไม่ไกล
“ดีแล้วค่ะ ถ้างั้นพี่อย่าลืมลองกินดูนะคะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พลอยจะส่งของกินใหม่ไปให้อีก” ยัยพลอยหัวเราะ
“รับทราบครับ” ผมหัวเราะออกมาเช่นกัน
และถึงแม้ว่าของกินบางอย่างยัยพลอยจะส่งมาเพื่อแกล้งผมบ้าง แต่หลังๆ วัตถุดิบที่เธอส่งมาล้วนแต่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารแบบแปลกใหม่แทบทั้งนั้น
และเธอมักจะส่งมาให้ผมกินเกือบทุกวัน เนื่องจากเธอเป็นกังวลเกี่ยวกับคำสาปของผม เพราะว่าผมมีเวลาในการแก้คำสาปอีกเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ก่อนที่คำสาปนี้จะทำให้ผมกลายเป็นแมวไปตลอดชีวิต
“ถ้างั้นพลอยไม่กวนพี่แล้วนะคะ ตั้งใจทำงานนะคะ”
“ได้เลย ตั้งใจทำงานเหมือนกันล่ะยัยแสบ” ผมยกยิ้มที่มุมปากก่อนกดวางสาย และตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ยัยพลอยส่งวัตถุดิบในการทำอาหารมาให้ผมทั้งหมดสามครั้ง และผมได้กินมันหมดทุกครั้ง
จนกระทั่งวันอาทิตย์ได้เวียนมาถึงอีกครั้ง ในวันนี้ผมเลือกนั่งทำงานอยู่ในคอนโดของผมทั้งวัน และเมื่อถึงเวลา 3 ทุ่ม ผมรีบจัดการตัวเองโดยการอาบน้ำ แต่งตัวและกินข้าวให้เสร็จ ก่อนจะมานั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นเพื่อรอเวลาที่คำสาปของผมจะทำงานอีกครั้ง
ผมนอนเล่นอยู่บนโซฟาหนานุ่ม ในขณะที่มือของผมเปิดหนังสือหลักการทำธุรกิจขึ้นมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความเหนื่อยล้าจากการนั่งทำงานมาตลอดทั้งวัน มันจึงทำให้ผมเผลอหลับไปในที่สุด
“เอ๊ะ!!! เผลอหลับไปจนได้” ผมอุทาน หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก
“ว่าแต่ผมเผลอหลับยาวจนถึงเช้าเลยเหรอเนี่ย ร่างกายถึงได้กลับมาเป็นคนอีกครั้ง” ผมพูดหลังจากสำรวจร่างกายของตัวเองแล้วพบว่าในตอนนี้มันอยู่ในร่างคน เพราะถ้าเป็นช่วงเวลา 4 ทุ่มจนถึงตี 4 จริงๆ แล้วล่ะก็ผมคงจะตื่นขึ้นมาในร่างของแมววิเชียรมาศ
ผมค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งช้าๆ ก่อนจะบิดขี้เกียจเบาๆ และเตรียมตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ เพราะคิดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง ผมคงต้องรีบออกไปทำงานแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ผมกำลังเดินไปอาบน้ำอยู่นั่นเอง สายตาของผมดันหันไปเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง และมันก็ทำให้ผมตกใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าเวลานี้เพิ่งเป็นเวลาตี 1 !!!
และเพื่อความแน่ใจ ผมจึงเปิดหน้าจอมือถือของตัวเองขึ้นมาเพื่อดูเวลา เดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อดูวิวด้านนอก รวมไปถึงเปิดทีวีเพื่อตรวจสอบเวลาบนหน้าจอทีวี
และหลังจากที่ผมได้ตรวจสอบเวลาอย่างถูกต้องแล้ว มันก็ทำให้ผมอดขนลุกและหัวใจเต้นแรงไม่ได้ เมื่อนึกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่คำสาปของผมไม่แสดงผล
ผมเดินย้อนกลับมานั่งคิดที่โซฟาตัวเดิมอีกครั้ง อดใจเอาไว้เพื่อไม่ให้โทรไปหาคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ รวมถึงยัยพลอยเพื่อไม่ให้ทุกคนตื่นเต้นและตกใจ
ก่อนจะพยายามนึกถึงสิ่งที่ผมได้กินไปตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มเปิดบันทึกรายละเอียดของสิ่งที่ผมได้กินไปทั้งหมดออกมาอ่านและพยายามคาดเดาว่าของกินอะไรที่เป็นของกินแก้คำสาปของผม
เช้าวันต่อมาผมรีบโทรไปหายัยพลอยเป็นคนแรกพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เธอฟัง และนั่นทำให้ยัยพลอยถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ จนทำให้ผมอดยิ้มออกมาเต็มใบหน้าไม่ได้
“พี่พสิษฐ์คะ ถ้างั้นน้องจะรีบส่งวัตถุดิบที่เคยส่งไปให้พี่กินเมื่ออาทิตย์ที่แล้วให้พี่อีกครั้งนะคะ แล้วเรามาพิสูจน์กันดูว่าของกินชนิดไหนที่ใช้แก้คำสาปให้พี่” ยัยพลอยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจและตื่นเต้น
“ได้เลย ขอบใจน้องมาก” ผมยกยิ้มที่มุมปากให้กับความกระตือรือร้นของยัยพลอย ก่อนที่พวกเราทั้งสองคนจะพูดคุยกันต่อถึงสิ่งที่ต้องทำและวางสายไปในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ความหวังที่ถูกจุดประกายขึ้นมาดูเหมือนจะมอดดับลงอีกครั้ง หลังจากที่ผมได้พิสูจน์วัตถุดิบที่ยัยพลอยส่งมาให้กว่า 2 เดือน
แต่กลับไม่พบว่าของกินชนิดไหนเลยที่ใช้แก้คำสาปให้ผมได้ และนั่นทำให้ยัยพลอยถึงกับรู้สึกเสียใจ ส่วนผมทำได้แค่ปลอบใจไม่ให้ยัยพลอยรู้สึกเสียใจไปมากกว่านี้
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อมองก้อนเมฆ และนกที่บินอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ สำหรับผมในตอนนี้รู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ ก้อนหนึ่งวางกดทับอยู่บนหัวใจของผม และความหวังที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ค่อยๆ ปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว
และเมื่อผมคิดถึงมาถึงตรงนี้ มันทำให้ผมขาดสมาธิจนไม่สามารถนั่งทำงานต่อได้ จากนั้นผมจึงตัดสินใจเก็บเอกสารเข้าที่และตัดสินใจเดินออกจากห้องทำงานของผมในที่สุด
“เอ๊ะ คุณพสิษฐ์ จะไปที่ไหนเหรอคะ” คุณดวงหทัยทักผมทันทีที่เธอเห็นผมเปิดประตูห้องทำงานออกมาด้านนอก
“ผมจะออกไปด้านนอกสักครู่ครับ” ผมตอบคุณดวงหทัยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“คุณพสิษฐ์ต้องการให้ดวงไปด้วยไหมคะ” คุณดวงหทัยถามต่อทันที
“ไม่เป็นไรครับ คุณดวงหทัยทำงานของตัวเองต่อไปเถอะครับ ผมจะออกไปข้างนอกไม่นาน เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว” ผมตอบ ก่อนจะรีบเดินออกมาทันที โดยไม่รอฟังคำพูดของคุณดวงหทัย
หลังจากที่ผมออกจากบริษัทวิฬาร์ภากรแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนดี จนสุดท้ายจึงตัดสินใจขับรถมาที่ร้านกาแฟของพี่ขวัญเรือนเพื่อไปนั่งดื่มกาแฟและซึมซับบรรยากาศ เผื่อว่ามันจะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น
“เอ๊ะ!!! คุณพสิษฐ์ สวัสดีค่ะ วันนี้ทำไมมาซื้อกาแฟที่ร้านของขวัญเรือนเองล่ะคะ” พี่ขวัญเรือน เจ้าของร้านกาแฟทักผมทันที เมื่อเธอเห็นผมเดินเข้ามาในร้าน
“พอดีว่าผมอยากเปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อยน่ะครับ” ผมยิ้มตอบพี่ขวัญเรือน ก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ ร้านอย่างสงสัย
“ว่าแต่พี่ขวัญเรือนตกแต่งร้านใหม่เหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ผมถามอย่างสงสัย
“เอ๊ะ คุณดวงหทัยไม่ได้บอกคุณพสิษฐ์เหรอคะว่าเมื่อสองเดือนที่แล้ว ทางร้านได้ปิดปรับปรุง” พี่ขวัญเรือนถามอย่างสงสัย และนั่นทำให้ผมฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“พี่ขวัญเรือนบอกว่าร้านปิดปรับปรุงเมื่อสองเดือนที่แล้วใช่ไหมครับ” ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ค่ะ” พี่ขวัญเรือนตอบ
“แล้วเมื่อสองเดือนก่อน คุณดวงหทัยได้ซื้อกาแฟที่ร้านของพี่ขวัญเรือนไปหรือเปล่าครับ”
“ไม่ได้ซื้อนะคะ พี่แนะนำให้เธอไปซื้อกาแฟที่ร้านของรุ่นน้องที่พี่รู้จักค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” พี่ขวัญเรือนตอบและถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่พี่ขวัญเรือนพอจะบอกผมได้ไหมครับว่าร้านกาแฟที่พี่แนะนำให้คุณดวงหทัยไปซื้ออยู่ที่ไหน” ผมถามพร้อมกับหัวใจของผมที่เริ่มเต้นแรงอีกครั้ง
“ไม่มีปัญหาค่ะ” พี่ขวัญเรือนยิ้มพร้อมกับบอกชื่อและตำแหน่งของร้านกาแฟให้ผมได้รู้ทันที
หลังจากที่ผมรู้แล้ว ผมได้ขอตัวและเดินทางออกจากร้านของพี่ขวัญเรือน และมุ่งหน้าไปตามตำแหน่งที่พี่ขวัญเรือนได้บอกไว้ทันที
และผ่านไปไม่ถึง 20 นาที ในที่สุดผมก็มายืนอยู่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โดยที่ป้ายชื่อร้านเหนือประตูทางเข้าก็ตรงกับชื่อที่พี่ขวัญเรือนได้บอกกับผม
‘Cat time’
