Chapter 3 : คุณหมอ (2)
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงโตเกียว
ดวงตาคู่เรียวของหมอหนุ่มที่จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ แฝงไปด้วยความกังวลใจลึกๆ แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจาก…
"คืนนี้นายออกเวรนี่"
เพื่อนหมอแผนกเดียวกันเอ่ยขึ้น เมื่อเดินสวนกับเขาตรงทางเดิน
"ไปดื่มกันหน่อยไหม"
เขาส่ายหน้าและเก็บโทรศัพท์มือถือ ลงในกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวของตน
"ไม่ได้หรอก... มีรุ่นพี่ที่แผนกต้องไปต่างจังหวัดกะทันหันเลยขอแลกเวรไว้"
"อ้าว...แล้วกัน"
"แล้วช่วงนี้ก็ต้องเก็บเงินด้วย"
"ฉันว่าละ… แต่งรถจนช็อตเลยเหรอ เพลาๆ ลงบ้างนะเดี๋ยวก็ได้กินแกลบพอดี"
เขาส่ายหน้า และตีแฟ้มลงบนหลังของเพื่อนเบาๆ
"เก็บไว้เป็นค่าเทอมลูกต่างหาก"
หมอหนุ่มร่างสูงบางงุนงง และทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของเซริซาว่า ไค ที่เดินจากไป ในตอนนี้เขาได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งที่ได้ยินจากปากของเพื่อน เป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิด
…หรือแค่หูฝาดเท่านั้น
ในช่วงเวลาเดียวกัน
บนตึกสูงไม่ไกลจากโรงพยาบาล
รองเท้าที่เสียดสีกับพื้นห้องซ้อม ยังคงดังต่อเนื่องนานกว่าครึ่งชั่วโมง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แต่ไฟในห้องก็ยังคงเปิดสว่างโล่ง
ร่างบอบบางของมิซารุซ้อมเต้นอย่างขะมักเขม้น ยิ่งเวลาคัดเลือกทีมเมนแดนซ์ใกล้เข้ามาเมื่อไหร่ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นข้อบกพร่องของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น และอยากจะใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เพื่อฝึกฝนตัวเองให้การแสดงมีความสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"มิซารุคุง ยังไม่กลับอีกเหรอ?"
ชายหนุ่มร่างสูงบางเอ่ยทักเขา ขณะที่เดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งพิงกระจกบานใหญ่
"วันนี้เป็นยังไงบ้าง?"
"ก็เหมือนเดิมมีแค่ถ่ายแบบ ส่วนการสัมภาษณ์ก็ถูกเลื่อนเลย กลับมานอนพักตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว"
การมาของมาดาโอะทำให้เขาได้มีโอกาสหยุดพัก เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ และยื่นมือไปรับเครื่องดื่มเกลือแร่กระป๋องเล็กจากเขา
"แล้วนายล่ะ ซ้อมไปถึงไหนแล้ว?"
"ก็ดีนะ เก็บรายละเอียดได้เยอะแล้วล่ะ"
"อย่าหักโหมล่ะ ที่เหลือก็แค่รอวันจริงอย่าทำพลาดก็พอ"
เขาพยักหน้าและยกกระป๋องขึ้นดื่ม
"ทำไมยังไม่กลับหออีก...เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"
มิซารุมองร่างสูงข้างกายด้วยรอยยิ้ม และแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างออกมาชัดเจนโดยไม่ปิดบัง
"ไม่ได้เป็นห่วง"
"..."
"แค่แวะดูมาเฉยๆ"
"เหรอ~"
มิซารุแกล้งทำเสียงแหย่ด้วยน้ำเสียงกวนประสาท จนมาดาโอะหมั่นไส้หยิกแก้มเขาไปหนึ่งที
"แล้วนี่จะกลับหอเมื่อไหร่...หรือรอกลับพร้อมกัน?"
"ไม่อ่ะ…วันนี้พี่เคนโตะมีเรื่องจะคุยด้วย เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ"
"พี่เคนโตะ... นักแสดงน่ะหรอ?"
"ใช่ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรเห็นพูดว่าสำคัญมาก"
แววตาของมาดาโอะแฝงไปด้วยความกังวลใจ มิซารุเอื้อมมือไปโอบบ่ากว้างเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง เพราะเขารู้ดีว่าในปีนี้มาดาโอะกำลังจะหมดสัญญากับค่าย โดยที่ไม่รู้เลยว่าชะตากรรมของตัวเองจะเป็นยังไงต่อไป
ถ้ามาดาโอะได้ต่อสัญญาก็ดีไป แต่ถ้าไม่...โปรไฟล์ที่เขาได้สะสมเอาไว้ตั้งแต่เข้าวงการ ก็คงพอจะช่วยให้เขาสามารถเดินในเส้นทางสายบันเทิงต่อไปได้ แต่ก็ต้องมาลุ้นว่าทางค่ายใหม่จะเอ็นดู และผลักดันเขามากขนาดไหน หรือจะปล่อยปละละเลย และดองงานเอาไว้เหมือนกับศิลปินคนอื่นๆ ที่มีความสามารถดีฐานแฟนคลับแน่น แต่ค่ายกลับไม่มีการดูแลหรือบริหารจัดการที่ดี จนทำให้ศิลปินคนนั้นแทบจะถูกกลืนหาย ไปกับคลื่นลูกใหม่ในวงการที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน
"อย่าคิดมากเลย คนเก่งๆ แบบนายต้องมีคนเห็นแววอยากได้ตัวไปอยู่ด้วยแน่ๆ"
"ขอบใจนะ"
มิซารุลูบผมของมาดาโอะเบาๆ ในฐานะเพื่อนสนิทเขาคงทำได้เพียงแค่ให้กำลังใจอยู่ข้างๆ อย่างในตอนนี้เท่านั้น
ในตอนค่ำของวันต่อมา
ณ หมู่บ้านชานเมืองโตเกียวที่เงียบสงบ
ในตอนค่ำหลังจากเลิกงานมิคาสะก็แบกร่างของตัวเอง ที่พึ่งอาบน้ำเสร็จขึ้นมายังห้องนอนชั้นสอง และทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้า ในตอนนี้ร่างกายของเธอแทบจะชัตดาวน์ตัวเองตลอดเวลา
~♩♪♫
แต่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน
'หมอ ไค'
เพียงแค่เห็นชื่อเธอก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้ง หลังจากวันที่แลกเบอร์กัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
"ค่าาา"
[...เป็นยังไงบ้าง...]
"เหนื่อย"
[...เหนื่อยกว่าปกติหรือเปล่า...]
"เหนื่อยกว่าเมื่อวานค่ะ ช่วงนี้ต้องรีบเคลียร์งานใกล้สิ้นปีแล้ว"
[...เข้ามาตรวจหน่อยไหม ถ้าไม่อยากรอนานแวะมาหาผมที่แผนกกระดูกก็ได้ เดี๋ยวผมวัดความดันและจ่ายยาให้...]
"ไม่เป็นไรค่ะ"
[...อย่าฝืน...]
"ฉันไหว"
[...คุณนี่มัน...]
เสียงของเขาถูกกลืนหายไป ราวกับพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้อย่างเต็มที่
[...แล้วตอนนี้ คุณเลิกงานหรือยัง? ...]
"เลิกแล้วค่ะ กลับบ้านแล้ว ...หัวถึงหมอนแล้ว"
[...โอเคดีมาก...อย่าลืมกินวิตามินก่อนนอนด้วยนะ ถ้าจะนอนแล้วก็ฝันดีครับ...]
มิคาสะรีบกดวางสาย และโยนโทรศัพท์ไปที่ปลายเตียงก่อนจะหลับตาลง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถข่มใจให้หลับลงได้
เมื่อตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนมีพ่อ 2 คน คนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนเป็นอดีตทหารเจ้าระเบียบ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกันก็คือ
...ความขี้บ่น
ตลอดระยะเวลากว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หมอไคไม่ได้เพียงแค่โทรมาเช้าเย็นเพื่อให้เธอรายงานตัว แต่เขาเริ่มบุกมาถึงเมสเสจของเธอ ซึ่งตอนนี้มันเต็มไปด้วยบทความ
'คุณแม่และการดูแลครรภ์ในระยะแรก'
ที่ส่งเข้ามาให้อ่านแทบทุกวัน ในตอนแรกเธอทำเมินเฉยและลบทิ้งเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร
แต่กลับกลายเป็นว่า...
[...ผัก ผลไม้อะไรบ้างที่มีโฟเลสช่วยกระตุ้นน้ำนม...]
"คะ!!!?"
[...นี่คุณไม่ได้อ่านที่ผมส่งไปให้เลยเหรอ? ...]
"อะ...อ่านสิทำไมจะไม่..."
[...แล้วทำไมตอบไม่ได้ รู้ไหมมันดีต่อตัวคุณทั้งนั้นเลยนะ...]
"รู้ๆๆ ก็มีสับปะรด ผักโขม"
[...ถูกแล้วอะไรอีก? ...]
"เอ่อ..."
[...คุณไม่ได้อ่านจริงๆ ด้วย...]
"ก็ฉัน..."
[...คุณรู้ไหมว่าโฟเลตมีประโยชน์ต่อผู้หญิงมากขนาดไหน แล้วมันก็เป็นตัวกระตุ้นสร้างน้ำน...]
"นี่คุณ!!!"
[...!? ...]
"ฉันไม่ได้เป็นนักเรียนในคลาสสุขศึกษานะ แล้วคุณก็ไม่ใช่อาจารย์หมอของฉันด้วย เพราะงั้นเลิกส่งเลิกถามอะไรพวกนี้ได้แล้ว...ฉันจะทำงาน!!"
[...ทำงาน? นี่มันจะสามทุ่มอยู่แล้วนะ เวลานี้คุณควรพักผ่อนได้แล้ว…รู้ไหมว่ามันมีผลกับพัฒนาการของลูก...]
'เฮ้ย'
'นี่มันพึ่ง 20.23 น. จะให้รีบนอนไปไหน!!?'
อารมณ์ที่พุ่งสูงปรี๊ดไม่ว่าจะด้วยฮอร์โมน หรือเพราะคุณหมอไคที่ยังคงสอนวิชา 'การเติบโตของลูกน้อย' ไม่เลิก แต่เธอก็ต้องพยายามสงบบสติอารมณ์ตัวเองเอาไว้ ด้วยการสะกดจิตที่มักจะได้ผลอย่างดีเยี่ยม
'ไม่ได้ ไม่ได้ เธอกำลังท้องนะห้ามโมโห..'
'ใจเย็นเข้าไว้ (หยางอี้ฟงเคยสัมภาษณ์ไว้ว่าชอบผู้หญิงใจเย็น) ...'
[...นอนดึกทำให้เขาโตช้า นี่ยังไม่รวมถึงพัฒนาการด้านสมองอีกนะ...]
'ยัง... ยังไม่หยุดอีก'
'ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลคงจะงานเยอะสินะ หมอนี่ถึงได้ดูเก็บกด'
.
.
'หรือไม่ก็...คงไม่มีใครอยากคุยด้วยถึงได้มาลงกับฉันเป็นชุดขนาดนี้!!!'
'ดะ…เดี๋ยวนะ'
'นี่ฉันโมโหอีกแล้วเหรอเนี่ย!!?'
[...โรคที่จะตามมาอีกตั้งเยอะแยะ คุณอยากให้เขาโตมาไม่สมบูรณ์หรือไง...]
'แย่ล่ะ!!!...'
'สมองเหรอ... อืม เข้าใจแล้ว ถ้าเครียดจะมีผลต่อสมองของลูกด้วยนี่นะ'
.
.
'เอาล่ะ…ยิ้มต้องยิ้มเอาไว้รู้ไหม (หยางอี้ฟงเขาชอบผู้หญิงใจเย็นนะ!) '
[...พัฒนาการของเด็กเริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องนะ ถ้าคุณยังทำอะไรไม่รักตัวเองแบบนี้ละก็...]
'ขอโทษนะ...'
[...ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาผมจะขึ้นศาล ฟ้องร้องลูกมาจากคุณให้ได้เลยคอยดู...]
.
.
'แต่...'
'ฉันเย็นไม่ไหวแล้วหยางอี้ฟง!!!!'
"หยุด!!!"
[...!!? ...]
"ฉันจะไปนอนแล้ว ไม่ทำแล้วงง งาน จะ-นอน-เดี๋ยว-นี้-เลย...เพราะงั้นเลิกบ่นได้แล้ว!!!"
และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายได้หมดภายในตอนเดียว อาทิเช่น…
[...บินไปจีน ไปนานแค่ไหน? ...]
"สามวัน"
[...แล้วไปกันกี่คน…]
"ไป…"
[…เมืองที่จะไปอยู่ติดชายแดนหรือเปล่า ระวังนะมันจะมีโรคท้องถิ่นที่เป็นอันตรายต่อครรภ์ แล้วต้องฉีดวัคซีนไข้เหลืองหรือโรคอะไรไหม? ...]
"เอ่อ..."
[...อาหาร!! ใช่…อาหารเป็นพิษต้องระวังให้ดีจะกินอะไรต้องดูดีๆ ...]
"...!?"
[...อย่างเผลอไปกินของดิบเข้าล่ะ เพราะเดี๋ยวจะติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วก็...]
"โอ๊ย!!"
[...คุณมิคาสะเป็นอะไร!? ...]
"ฉันท้อง...ไม่ใช่ผู้ป่วยวิกฤติไม่ต้องตามจี้ขนาดนี้ก็ได้!"
[...ก็ผมเป็นห่วง...]
"??!"
คำพูดของเขาทำให้เธอนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ได้แต่กะพริบตาปริบๆ รู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มแปลกๆ เหมือนถูกตาหมอคนนี้ใส่ใจเป็นพิเศษ
'ใช่ที่ไหนล่ะ!!?'
.
.
'ห่วง...'
'เขา…หมายถึงลูกในท้องต่างหากเล่า!!'
มิคาสะดีดนิ้วเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา และอดไม่ได้จนเผลอพูดแหย่เขาด้วยความหมั่นไส้
"ห่วงขนาดนี้ ก็ย้ายมาตามบ่นที่บ้านเลยไหม?"
[...ส่งที่อยู่มาสิ...]
ใช่แล้ว...นั่นคือคำตอบของเขา
เล่นเอาเธออึ้งไปเกือบนาที จากบุคลิกภายนอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาเป็นคนเถรตรง และพูดจริงทำจริงมากขนาดไหน …แต่ไม่นึกว่าจะมากขนาดที่ไม่รู้ว่าอันไหนเธอพูดจริง หรือประชด
[...ว่าไง…จะให้ผมไปหาหรือเปล่า? ...]
"ฉันประชด ไม่ต้องมาเลยนะ!!"
[...ถ้ามีอะไรผิดปกติรีบโทรหาผมเลยนะ ถ้าไม่มีคนรับหรือผมผ่าตัดอยู่ มันจะโอนสายเข้าเบอร์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลทันที...]
"..."
[...ห้ามดื้อ และเชื่อฟังคุณหมอเข้าใจไหมครับ คุณโคบายาชิ มิคาสะ...]
และสายของเขาก็ตัดไป นั่นทำให้มิคาสะได้แต่กำหมัดแน่น นานวันเข้าความหมั่นไส้ในตัวผู้ชายคนนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทุกครั้งที่เริ่มหงุดหงิดจากเขา เธอก็ต้องคอยสะกดจิตตัวด้วยประโยคเดิมๆ
'เพื่อลูก...'
.
.
'ใจเย็นๆ ไว้'
ติ๊ง!!
(ข้อความใหม่จาก : คุณหมอไค)
'อย่าลืมดื่มนม งดของหวานหลังสี่ทุ่ม และแปรงฟันก่อนนอนด้วย'
ผึงงง!!!
'เย็นไม่ไหวแล้วเว้ย!!!'
"หมอหรือพ่อวะเนี่ย เรื่องเยอะชะมัด!!"
มิคาสะโวยวายเสียงดัง ในตอนนี้สิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองลงมาจากการมีลูก นั่นก็คือ...
ขอให้ 'คุณหมอเซริซาว่า ไค' ออกไปจากชีวิตของเธอโดยเร็วที่สุด!!
