บท
ตั้งค่า

Chapter 1 : ยืนหยัด (1)

"มีคนเคยบอกว่า..."

"ว่า"

"คุณหมอส่วนมากจะมีความต้องการทางเพศสูง...จริงหรือเปล่าคะ?"

คำถามของเธอนั้นราวกับไปกระตุ้นต่อมอะไรบางอย่างในตัวของเขา ที่มักถูกสบประมาทว่าเป็นพวกเด็กเนิร์ดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์ เป็นพวกแว่นหนาที่เอาแต่คร่ำเคร่งตำรา เก็บกดจนมักถูกล้อและแซวอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นพวก 'ฮอตเนิร์ด' หรือ 'ห่วยเนิร์ด' กันแน่

และปมในใจที่น่าขันเหล่านั้นของเขา ก็กำลังจะถูกคลี่คลายลงในวินาทีนี้...

"คืนนี้เดี๋ยวก็รู้"

"อือ~"

ฝ่ามือหยาบลูบไล้ไปตามต้นขาที่เปลือยเปล่า จนกระทั่งมาถึงส่วนล่างที่อวบอูมและมีไรขนอ่อนปกคลุมอยู่ เพียงแค่กดนิ้วเคล้นคลึงต่อมความรู้สึกมิคาสะก็ร้องครางออกมา พร้อมกับแอ่นกายจนหน้าท้องนูนกลมเด้งขึ้นมาโดนกล้ามท้องของเขา

"อ้าาา~"

หญิงสาวถึงกับร้องครางเสียงหลง เมื่อปลายนิ้วอวบใหญ่ค่อยๆ แทรกเข้ามาในช่องกายแคบที่ฉ่ำเยิ้มของเธอ แถมยังขยับเข้าออกเร็วๆ พร้อมกับขยี้ติ่งเสียงภายนอกด้วยมือเพียงข้างเดียว

"ฉันแค่อยากนอนกอดคุณ... เท่านั้นเองนะ"

"ผมไม่เชื่อหรอก สายตาและร่างกายของคุณมันชัดเจนกับสัมผัสของผมมากเลยนะ"

"อร๊างงง~"

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นความวุ่นวาย ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อ "โคบายาชิ มิคาสะ" นับจากนี้ไป…

.

.

3 เดือนก่อน

รถซีดานคันสีขาวแล่นเข้ามาภายในลานจอดรถของบ้านสองชั้นสไตล์นอร์ดิก ที่มักจะมีบรรยากาศที่อบอุ่น และใบหน้ายิ้มแย้มสดใสจากเจ้าของบ้านวิ่งออกมาต้อนรับเสมอ แต่ในวันนี้มันกลับเงียบเหงา และเศร้าหมองอย่างกับบ้านที่ไม่มีใครอยู่อาศัยมานานนับเดือน

รองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ล่าสุด พาเจ้าของร่างเข้ามาภายในตัวบ้าน ขณะที่เขากำลังใช้เท้าอีกข้างเขี่ยรองเท้าของตนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เจ้าของบ้านจะมาขย้ำหัวเขาจนกระจุย

"มิซะคุง!!! "

ร่างบอบบางของชายหนุ่มเซถอยหลังจนเกือบล้ม แต่เขาค้ำผนังไว้ได้ทัน เมื่อถูกหญิงสาวผมดำยาวสยายพุ่งตัวมากอดเขาและร้องไห้จนตัวสั่นเทิ้ม เธอคือหญิงอาภัพรักที่มีนามว่า 'มิคาสะ' พี่สาวเพียงคนเดียวของเขา

"เดี๋ยวๆ ขอเข้าไปก่อนของเยอะ หนัก!!!"

ชายหนุ่มชูถุงอาหารและขนม จากซูเปอร์มาร์เก็ตให้พี่สาวดู ทำให้เธอต้องรีบหลีกทางให้เขาเข้ามาในห้อง มิซารุวางทุกอย่างไว้บนโต๊ะในครัว และลากตัวพี่สาวของตนมายังโซฟา

"ไหน เรื่องมันเป็นยังไง"

มิคาสะปาดน้ำตา พูดไปร้องไห้ไปด้วยภาษามนุษย์ต่างดาว ที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับย่นคิ้ว

"ฉันก็บอกให้เลิกไปตั้งนานแล้วไอ้คนแบบนี้"

แต่น่าแปลกที่เขากลับฟังเธอรู้เรื่องแทบทุกคำ ทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยแม้แต่น้อย นั่นอาจจะเป็นเพราะตอนเด็กๆ เธอเป็นคนขี้แย เลยมีแต่เขาเท่านั้นที่คอยปลอบ และเข้าอกเข้าใจพี่สาวคนนี้อยู่เสมอ

"แต่ฉัน.. รักเขา"

"พี่ไม่ได้รัก"

"...? "

"พี่แค่รู้สึกคุ้นเคย"

"ผูกพัน"

เธอแก้ต่างคำพูดของมิซารุ ด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

"แล้วมันน่าเสียดายเวลาไหม...กับคนนี้กี่ปีล่ะ?"

"4"

"นั่นแหละ เสียเวลาให้ไอ้คนเฮงซวยนั่นตั้ง 4 ปี แค่ปีแรกมันก็ผิดนัดพี่ทุกรอบ เป็นฉันนะเลิกไปตั้งแต่สองครั้งแรกแล้ว!"

มิซารุที่กำลังสุดทนพูดอย่างเหลืออด ทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของคนพูดน้อยแบบเขาเลยสักนิด

"ฉันไม่เอาแล้วล่ะ"

"ดี!! ค่อยหาใหม่ก็ได้ โลกนี้มันคงไม่ได้มีแต่คนเฮงซวยแบบนั้นหรอกมั้ง"

"ฉันหมายถึง... ไม่อยากมีใครอีกแล้ว"

"อะไรนะ? "

มิซารุมองพี่สาวอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อผู้หญิงที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความรักเอ่ยปากออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ภายในใจของมิซารุกระตุกไปวูบหนึ่ง เพราะว่ามิคาสะเป็นคนที่ขับเคลื่อนทุกอย่างในชีวิตด้วยความรัก

เธอเรียนภาพยนตร์เพราะว่าสอบติดคณะเดียวกับแฟน แต่สุดท้ายตอนฝึกงานก็มีเหตุให้ต้องเลิกกัน

เข้าทำงานที่สถานีโทรทัศน์ จนได้พบรักกับโปรดิวเซอร์หนุ่ม ทุ่มเทช่วยเขาทำโปรเจครายการ Wifeting star รายการที่ร่วมมือกันระหว่าง ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศจีน ที่เรตติ้งดีมากเพราะได้ซูเปอร์สตาร์อย่าง 'หยางอี้ฟง' กับ 'หวังจื่อหลิน' มาเป็นแขกรับเชิญหลักของรายการ จนตอนนี้โด่งดังระดับประเทศ ทั้งมิคาสะและเขาบ่มเพาะความรักสุกงอม ถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานกัน

แต่จู่ๆ เขาก็เกิดไม่พร้อมขึ้นมาเสียอย่างนั้น…

และกับคนล่าสุดอย่างฟูจิโร่ที่เป็นช่างภาพ ก็ทำให้เธออยากเปิดสตูดิโอ ทั้งหมดนั่นล้วนขับเคลื่อนด้วย 'ความรัก' แทบทั้งสิ้น

แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ล่ะก็...

เขาไม่กล้านึกเลยว่าเธอจะเป็นยังไงต่อไป!?

"ให้คิดใหม่อีกที"

เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ที่เข้มพอๆ กับสีหน้าของเขา แต่ก็ไม่เท่ากับใบหน้าที่จริงจังยิ่งกว่าของคนเป็นพี่

"คิดดีแล้ว... ฉันจะอยู่โสดแบบเธอ"

"บ้าแล้ว"

"ทำไมล่ะ ทีเธอยังทำได้เลย!!"

แต่เขาและมิคาสะเราสองคนไม่เหมือนกัน ในฐานะของศิลปินตราบใดที่เขายังมีสัญญา ก็คงต้องพยายามโฟกัสกับมันและตั้งใจทำงานต่อไป เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

…ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยก็ตาม

"พี่ไม่เข้าใจ..."

"ถ้ามีแล้วมันไม่ดี... ก็ไม่ขอมีซะดีกว่า!!"

มิซารุพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง กับการตัดสินใจของพี่สาวในครั้งนี้ ...แต่จะว่าไปถ้าหากปล่อยให้เธอมีความรักอีก แล้วมิคาสะไปเจอคนไม่ดี เขาเองก็คงไม่อยากให้เธอมีใครอีกแล้ว

ดวงตาเจ็บปวดและว่างเปล่าที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เหม่อมองไปยังอีกฟากของห้อง ท่าทีของมิคาสะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและสงสารขึ้นมาจับใจ มิซารุโน้มศีรษะของพี่สาวมาซบบ่า และลูบเรือนผมยาวสยายไปมาเพื่อปลอบใจ

"ความรักแบบนั้น…"

.

.

"ฉันไม่อยากมีอีกแล้ว"

"คงต้องเป็นแบบนั้นแล้วล่ะ"

ดวงตาคู่โตค่อยๆ ปิดลง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาบนบ่าที่บอบบางของน้องชายจนเปียกชุ่ม

"ร้องไปเถอะร้องจนกว่าจะพอใจ แต่ฉันให้พี่ร้องได้แค่วันนี้วันเดียวนะ"

"..."

"พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานได้แล้ว คนที่บริษัทเขารอบอสกลับไปตรวจบัญชีอยู่"

ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่คำปลอบโยน ที่ชวนให้ซาบซึ้งใจเท่าไหร่นัก แต่อ้อมกอดของน้องชายและฝ่ามือของเขา ที่กำลังลูบผมเธอในตอนนี้ ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเหลือเกิน

"อืม แล้วนายก็…อย่าไปบอกแม่นะ"

"?"

"ฉันไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง"

มิซารุพยักหน้ารับปากอย่างหนักแน่น และในที่สุดความตั้งใจที่จะเดินทางกลับค่ายก็เป็นอันล้มเลิก เมื่อเขาก็ไม่อาจปล่อยพี่สาวให้อยู่ตามลำพังได้ เพราะกลัวว่าอารมณ์หวั่นไหวในตอนนี้ จะทำให้เธอเกิดอยากทำร้ายตัวเองขึ้นมา แบบในหนังรักที่เธอชอบดู

22:26 น.

"นอนซะ ฉันจะปิดไฟแล้วนะ"

มิคาสะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง และพยายามข่มตาให้หลับภายในห้องนอน ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของชายผู้นั้นมากมาย ทำให้คืนนี้เธอต้องเอ่ยปากขอร้องให้มิซารุมานอนด้วย

มือเล็กๆ ทั้งสองของชายหญิง ที่มีใบหน้าคล้ายกันราวกับแฝดกำลังกุมกันไว้แน่น

ขณะที่กำลังจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา กลิ่นบุหรี่จางๆ ที่ลอยเข้ามาทางหน้าต่าง ก็ทำให้มิคาสะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และเหม่อมองไปยังหน้าต่างบานกว้าง ที่ตรงนั้นมักจะเป็นจุดที่ฟูจิโร่มักจะยืนสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ และเธอก็พร่ำบ่นว่าไม่ชอบมันมากขนาดไหน

...แต่เขาก็ยังคงทำ

เมื่อมาลองนึกดูดีๆ แล้ว มีนับร้อยนับพันเรื่องที่เธอต้องอดทนกับเขามาโดยตลอด และคนที่คอยพูดเตือนสติเธอเสมอก็คือน้องชาย

'พี่ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อรอคอยใคร แล้วไอ้เวลาที่เสียไปมันย้อนกลับคืนไม่ได้หรอกนะ'

.

.

'และที่สำคัญ...'

'ความรัก... มันไม่จำเป็นต้องอดทนขนาดนี้หรอกนะ'

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เธอตระหนักแล้วว่า คงถึงเวลาที่จะต้องทบทวนตัวเองใหม่อีกครั้ง ในเมื่อเธอไม่เคยได้รับความรัก ไม่เคยได้รับความห่วงใยจากคนที่เธอหมายจะฝากชีวิตไว้

นับจากนี้ไป…เธอก็ควรหันกลับมารัก และห่วงตัวเองสักที

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า…

บางคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความรักที่สมหวัง และมันอาจจะเป็น 'กรรม' ที่เคยทำมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ได้…

"ผสมเทียม!!!"

หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง การตัดสินใจของเธอทำให้คนทั้งบ้านตกใจมาก โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่ถึงกับวางแก้วกระแทกโต๊ะเสียงดัง

"ฟูจิโร่คุงเป็นหมันเหรอ?!!"

แม่อุทานออกมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก นั่นทำให้มาซารุถึงกับหลุดยิ้มออกมา แต่มิคาสะทำเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ

"หนูอยากมีลูกค่ะ"

"มีลูกมันเรื่องใหญ่มากเลยนะ"

"มีลูก... หมายถึงลูกบอลที่กลมๆ เหรอฮับ?"

"ไม่ใช่จ่ะมิซาโอะคุง เวลาหม่ามี๊คลอดมิซาโอะออกมาและก็เลี้ยงจนโตเข้าโรงเรียน เขาเรียกว่ามีลูกจ่ะ"

"อ๋อ~ มิซาโอะอยากมีลูก!"

"ฮ่าๆๆ "

"เอาแล้วไงแม่ เตรียมเก็บเงินไว้ขอสาวให้เจ้าตัวแสบได้เลย"

"ว่าแต่น้อง เราก็เถอะ 23 แล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนสักที"

"มีไม่ได้หรอก ศิลปินที่ไหนเขามีแฟนกัน"

"แอบมีไง ไม่มีใครรู้หรอก"

"ออกไปเดทก็ต้องระวังตัว ยุ่งยากจะตายแถมต้องคอยหลบพวกแอบถ่ายอีก"

"จ้าาาา พ่อศิลปินใหญ่!!!"

"ได้เดบิวต์เมื่อไหร่ ก็อย่าลืมเอาเจ้าตัวเล็กไปเรียนเต้นบ้างนะ เห็นชอบชักดิ้นชักงอหน้ากระจกประจำ"

"ปัดโถ่!! นั่นอ่ะเขาเรียกว่าเต้น Popping ต่างหาก...ใช่ไหมมิซาโอะ!?"

เด็กน้อยพยักหน้ารับและเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ

"ว่าแต่เราเถอะ ไตร่ตรองดูดีๆ แล้วใช่ไหม?"

ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามย้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่เครียดยิ่งกว่าตอนที่ลูกสาวจะพาแฟนมาเปิดตัวเสียอีก

"มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมาได้ขนาดนี้"

"ทีแม่กับป๊ายังเลี้ยงพวกหนูมาได้ตั้ง 3 คน"

"มันไม่เหมือนกัน"

"อย่าลืมนะว่ามีเราแค่คนเดียว.. "

ทั้งพ่อและแม่ช่วยเกลี้ยกล่อมกันยกใหญ่

"หนูทำได้ค่ะ"

แต่เธอก็ยังคงยืนยันหนักแน่น ด้วยแววตาจริงจังที่สื่อถึงความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวตามนิสัยของเธอ ที่ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรลงไปแล้วไม่มีทางล้มเลิกง่ายๆ

.

.

"และหนูตั้งใจว่าจะเลี้ยงเขา... ด้วยตัวของหนูเองค่ะ"

แน่นอนว่าการตัดสินใจของเธอนั้น มีเสียงคัดค้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้องชาย ที่แทบสำลักกาแฟทันทีตอนเธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อน

'พี่บ้าไปแล้ว!! '

และคำตอบเดียวของเธอก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม

'ฉันอยากมีลูก'

เพื่อนทุกคนต่างก็บอกว่าเธอทำงานหนัก จนประสาทกลับไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียงของพวกเขา ก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของเธอแม้แต่น้อย

เพราะความปรารถนาของเธอคือการมีลูก และได้เห็นเลือดเนื้อของตนเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข เป็นอีกหนึ่งรอยยิ้มที่เข้ามาเติมเต็มให้กับครอบครัวของเธอ …แต่ในเมื่อผู้ชายพวกนั้นไม่สามารถให้เธอได้...ทั้งลูก และในฐานะสามีที่ดี

'เพราะฉะนั้นเด็กน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกคนนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีพวกเขาหรอก'

.

.

'มีแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว'

วันต่อมา

มิคาสะไปที่สตูดิโอเพื่อสะสางงานของตัวเอง และใช้เวลาทั้งวันไปกับการค้นหาข้อมูล 'การผสมเทียม' (Intra Uterine Insemination หรือ IUI) คือการเอาเชื้ออสุจิของฝ่ายชายที่เป็นคู่สมรสมาคัดเชื้อที่มีคุณภาพ โดยเลือกตัวที่วิ่งเร็ว แข็งแรง และรูปร่างดีที่สุด ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก โดยแพทย์จะใช้ฮอร์โมนจากภายนอกช่วยฉีดเข้าไปเพื่อเร่งปฏิกิริยา แต่ในกรณีของเธอจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก…

สิ่งที่มิคาสะกำลังจะทำ คือการค้นหาเชื้อจากผู้บริจาคในห้องแล็บ จากชายแปลกหน้าที่มีเพียงภาพถ่าย และประวัติคร่าวๆ ของเขาเท่านั้น

มิคาสะปิดหน้าจอของข้อมูลเหล่านั้นลง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับผู้ช่วยที่กำลังจัดแจงเอกสารอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง

"วันนี้ฉันต้องไปทำธุระ ฝากที่เหลือด้วยนะ"

"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเองเดินทางปลอดภัยครับ"

"ขอบคุณมากนะคะ"

ผู้ช่วยโบกมือลาบอสของตน ขณะที่เธอคว้ากุญแจก่อนจะรีบเดินออกจากสตูดิโอ และขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล ในแผนกรับปรึกษาและวางแผนครอบครัว

ขณะที่กำลังนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ หัวใจของมิคาสะก็กระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง การรอคอยไม่ได้เนิ่นนานอย่างที่คิด แต่เธอกลับคิดว่ามันไวมากเสียด้วยซ้ำ นี่ไม่ใช่การตัดสินใจเพียงชั่วแล่น แต่เธอใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องนี้ร่วมสองสัปดาห์ และในทุกๆ วันก็คอยถามย้ำถึงเป้าหมายของตัวเอง ว่ายังคงเดิมอยู่หรือไม่

เพราะการมีลูกต้องมีความพร้อม ไม่ใช่เพียงความมั่นคงทางการเงิน แต่ต้องมีทั้งความรับผิดชอบ มีเวลาที่พร้อมจะทุ่มเทให้กับอีกหนึ่งชีวิตไปพร้อมๆ กัน

และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel