บทที่ 2 บ้านเราแสนสุขใจ
- น้ำอุ่น -
นายพยัคฆ์ อัครเดชโภคิน เขาเป็นลูกชายคนโตของคุณนครินทร์ อัครเดชโภคิน และดารา อัครเดชโภคิน โดยมีน้องชายคนเล็กคือ นายจักรินทร์ อัครเดชโภคิน ซึ่งกำลังศึกษาเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่หก
คุณนครินทร์ให้คุณพยัคฆ์เข้ามาสานต่อกิจจาการบริษัทอสังหาริมทรัพย์ อยู่ทั้งภูมิภาคเอเชียและยุโรป รวมไปถึงอเมริกาเหนือ ยังเครือข่ายคมนาคมด้านการสื่อสาร ส่งผลให้เขาเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยในวัยยี่สิบแปด ซึ่งความรวยของเขาจัดเป็นมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของประเทศอีกด้วย
เมื่อเขามาทำธุรกิจแทนพ่อของเขา ส่งผลด้านดีให้บริษัททำให้กราฟของบริษัทขึ้นทุกๆ ปี ตลอดสองปีที่ผ่านมา โดยที่เขาออกไปเจรจางานด้วยตัวเองเป็นผลสำเร็จ บางครั้งเขาก็ให้ผู้จัดการสาขาไปดีลมา โดยส่วนมากแล้วจะสำเร็จเช่นกัน และคนที่จะไปเจรจาแทนเขาจะได้เพิ่มโบนัสในทุกๆ ปี ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการซื้อขายเป็นจำนวนมหาศาล
เขาจึงเป็นที่นับหน้าถือตาของนักธุรกิจภายในประเทศและต่างประเทศ เขายังมูลนิธิเพื่อเด็กยากไร้แถบแอฟริกา โดยโครงการของเขาก่อให้เกิดรางวัลมากมายนับไม่ถ้วน และเขายังเดินทางไปช่วยเหลือโครงการที่ทำเอาไว้เพื่อสังคมบ่อยครั้ง อย่างน้อยก็ปีละหนึ่งถึงสองครั้ง ไม่แปลกใจเลยที่เขาประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้
“พี่อุ่น พี่ดูอะไรอยู่ ยังไม่นอนอีกเหรอ”
ผมได้ยินเสียงของน้องชายของผม ขณะที่ผมนั่งมองแท็บเล็ตขนาดกลางอยู่เป็นเวลานานพอสมควร
“กูดูประวัติของคุณพยัคฆ์ ก่อนที่กูจะเข้าไปทำงานในวันพรุ่งนี้” ผมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อกี้ข่าวเขาก็ออกนะ เห็นว่าพึ่งซื้อสายการบินสัญชาติอเมริกันอะไรสักอย่าง คนอะไรรวยเบอร์นั้น” น้องชายของผมเอ่ยบอกแล้วถอนหายใจเบาๆ
“จริงสิ พรุ่งนี้มึงต้องเข้าโรงเรียนประจำแล้วดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าให้กูเป็นห่วง” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่อุ่น ผมไปเรียนที่อื่นก็ได้ ไม่จำเป็นที่ต้องเรียนโรงเรียนประจำเลย เสียเงินตั้งหลายแสน พ่อเองก็ทิ้งหนี้ไว้ตั้งหลายล้าน ผมกลัวว่าพี่จะไม่ไหว” น้องของผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและเป็นกังวล
“มีน มึงนั่งลงก่อนสิ” ผมเอ่ยบอกน้องชายของเขาด้วยรอยยิ้ม แล้วน้องชายเขานั่งลงที่โซฟาข้างๆ ผม ผมใช้มือหนาจับมือของไอ้มีน น้องชายของผมให้คลายกังวล มีนจึงหันมาหาผม ผมจึงเผยรอยยิ้มมองใบหน้ามัน
“ปีนี้มีนสูงขึ้นมากเลยนะ มออะไรแล้วนะมึง มอห้าหรือมอหกปะ” ผมเอ่ยถามมีนอีกครั้ง
“มอหกแล้วครับ” มีนเอ่ยบอก
“มอหกแล้วสินะ เท่ากับว่าพ่อและแม่เราเสียไปสามปีแล้ว” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความหมองเศร้า มองไปยังรูปคู่แต่งงานของพ่อและแม่ที่แขวนอยู่บนผนังสีขาวตรงทางขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ทำให้ผมรู้สึกเศร้าใจที่พวกท่านจากเราไปเร็วนัก พวกเขาจากผมไปก่อน ก่อนที่ผมจะเรียนจบเสียด้วยซ้ำ
“ใช่แล้วครับ” มีนเอ่ยบอกด้วยความเศร้าไม่ต่างกับผม
“พ่อและแม่ของเราส่งเสียมึงและกูมาตลอด ให้เรียนโรงเรียนประจำ กูเลยให้มึงเรียนโรงเรียนที่นี่ต่อ อีกทั้งปีนี้มึงก็มอหกแล้ว ปีหน้าขึ้นมหาลัย ตอนนี้ตั้งใจเรียน อ่านหนังให้มากๆ เพื่ออนาคตของตัวเอง ส่วนเรื่องเงินพี่จะจัดการด้วยตัวเองไม่ต้องห่วง ใช่ว่าพ่อจะไม่ทิ้งเงินให้พวกเราเลย อย่างน้อยในบัญชีก็ยังมีอีกหลายล้าน พรุ่งนี้กูก็ไปทำงานแล้ว เขาก็ให้กูเดือนละเกือบสามหมื่น กูส่งเสียแกถึงปอตรีได้แน่นอน” ผมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เขามีใบหน้าที่ดูชื่นใจขึ้นมาบ้าง มีนใช้มือทั้งสองข้างสวมกอด ผมเองก็สวมกอดมันเช่นกัน แล้วใช้มือลูบแผ่นหลังของมันเบาๆ
“พี่อุ่น ขอบคุณครับ” มีนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ
“ก็กูมีมึงเพียงคนเดียว กูก็จะดูแลให้ดีที่สุด” ผมเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ผมหันไปมองรูปของพ่อและแม่อีกครั้ง และตั้งปณิธานในใจว่า
พ่อครับแม่ครับ ผมสัญญาว่า ผมจะดูแลไอ้มีนจนมันเรียนจบ ผมจะไม่ทำให้พ่อและแม่เป็นห่วงพวกเรา พวกเราอยู่ได้ครับ
.................................
ทุกคน! เค้าเอาน้องน้ำอุ่นมาเสิร์ฟให้แล้วน๊า
น้องยังไม่เจอคุณพรี่นะ ขอเขียนเนื้อเรื่องให้สมูทก่อน
ถ้าคุณพี่เสือได้เย็บกับน้องอุ่นเมื่อไหร่ เตียงลุกเป็นไฟแน่นอน
เรื่องนี้ไม่เน้นเนื้อหา เน้นเย็ดดุๆ เน้นกระแทกจุกๆ นะ สาววาย
ใครไหวโยนหนังสือไว้ในชั้นได้เลยนะฮะ
อย่าลืมเข้ามาคอมเม้นท์และกด ❤️ น้อยๆ
เพื่อเป็นกำลัง ❤️ ให้ด้วยนะฮะ
