ตอนที่ 1 : ข้าคืออดีตจอมมาร ที่อยากมีชีวิตเกษียณกับสวนผักน้อย ๆ เป็นของตัวเอง
ตอนที่ 1
ข้าคืออดีตจอมมาร ที่อยากมีชีวิตเกษียณกับสวนผักน้อย ๆ เป็นของตัวเอง
จอมมารคนก่อน : กิสลี่ไหนบอกพ่อสิ ความฝันของลูกคืออะไร !
กิสเซลล่า : ท่านพ่อ ความฝันของข้าคือการปลูกสวนผัก และมีชีวิตสงบสุขครับ !
จอมมารคนก่อน : ตระกูลจอมมารของเราได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว...
+++++++++++++++++++
หลังจากหลุดพ้นตำแหน่งเสี่ยงตายอย่างตำแหน่งจอมมารมาได้ อดีตจอมมาร ‘กิสเซลล่า’ จึงผันตัวมาเป็นคนว่างงาน ใช้ชีวิตสุดแสนจะเรียบเรื่อย ในบ้านน้อยสักหลัง พร้อมปลูกผักสวนครัวเลี้ยงตัวเองให้อยู่อย่างพอกินพอใช้ไปแต่ละวัน
อดีตจอมมารได้เข้ามาอาศัยในหมู่บ้านแถบชายแดนอันแสนห่างไกลจากเมืองหลวงของพวกมนุษย์อันเป็นสถานที่ตั้งของทัพอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ขึ้นตรงต่อเผ่าเทพอันเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเผ่าปีศาจ และเป็นตัวการส่งคนมาฆ่าเขาในนามของ ‘ผู้กล้า’ ให้การสังหารจอมมารกลายเป็นเรื่องถูกต้องที่ชวนให้เขาอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก
เขาล่ะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกมนุษย์ถึงได้เห็นดีเห็นงามกับการฆ่าจอมมารกัน ถึงเขาจะเป็นจอมมารแต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อ และจิตใจนะเออ นึกจะฆ่าจะแกงกันง่าย ๆ เพราะตำแหน่งจอมมารค้ำคอนี่มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ ?
ที่กิสเซลล่ากล้าประท้วงได้อย่างเต็มปากเต็มคำเช่นนี้ เพราะเขานั้นถือคติอหิงสา เป็นจอมมารรักสงบ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสิ่งมีชีวิตใกล้บ้านเรือนเคียงอย่างพวกมนุษย์แถบชายแดน ที่มักประสบปัญหาถูกอสูรโจมตีเนือง ๆ
จะขออธิบายเล็กน้อยว่าพวกอสูรกับปีศาจไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน สำหรับพวกอสูรแล้วพวกนั้นเป็นพวกสัตว์ที่กลายพันธุ์จนมีรูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่พวกมนุษย์มักเข้าใจผิด และเรียกเหมารวมว่าอสูรนั้นเป็นวงศาคณาญาติเดียวกับปีศาจ ทั้งที่พวกมันไร้สติปัญญา แตกต่างจากปีศาจเช่นพวกเขาที่เป็นปัญญาชนไม่ต่างจากพวกมนุษย์ เรื่องนี้จึงสร้างความเจ็บปวดให้เหล่าปีศาจยิ่งนัก
แม้จะเศร้าใจกับความเข้าใจผิดนี้ แต่จะปล่อยให้เพื่อนบ้านมนุษย์ตายโดยไม่ดูดำดูดีก็ใช่เรื่องที่ปัญณาชนเผ่าปีศาจควรกระทำไม่ เมื่อมนุษย์ถูกอสูรรุกรานเขาจึงส่งทหารไปช่วยกำจัดให้หวังสร้างสัมพันธ์อันดีกับสองเผ่าพันธุ์ แต่มนุษย์เหล่านั้นกลับส่งเสียงกรีดร้องโวยวายหาว่าเขายกพลไปยึดหมู่บ้านแถวนั้นไปเสียได้...
เขาล่ะไม่เข้าใจอีกแล้วว่าพวกมนุษย์ตาบอดรึอย่างไร... ทำไมถึงเห็นคุณทหารก๊อบลินแสนสุภาพที่กำลังไล่ฆ่าอสูรหมาป่าปกป้องพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเป็นคนร้ายกัน ? หรือแค่เพราะรูปลักษณ์ตัวเขียว แคระแกรนไม่สวยสดงดงามเหมือนพวกเผ่าเทพงั้นรึพวกเขาถึงได้ตัดสินว่าพวกเขาล้วนชั่วช้า ? ช่างลำเอียงยิ่งนัก !
ถึงจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของเผ่าพันธุ์ที่ถูกกำหนดมาให้ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความชั่วช้าไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนนอกบ้านไม่ทำให้กิสเซลล่าทุกข์ระทมใจได้เท่ากับคนบ้านเดียวกันหรอก...
เพราะความเข้าใจผิดที่เลื่องระบือไปเร็วเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่งไปถึงหูของพวกเผ่าเทพที่ชูธงรบอย่างรวดเร็วพร้อมเสี้ยมเหล่ามนุษย์ให้ไปปราบจอมมารโดยการประกาศหากลุ่ม ‘ผู้กล้า’ ไปปราบจอมมาร ซึ่งเขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหตุไฉนพวกเทพถึงให้คนเพียงกลุ่มเดียวมาบุกแดนปีศาจ ?
แต่ไม่ว่าพวกเทพจะให้มนุษย์มาคนเดียวหรือทั้งกองทัพคนซวยก็คือกิสเซลล่าที่ดำรงตำแหน่งจอมมารผู้ครองบาปแห่งความเกียจคร้าน จำต้องรับหน้าผู้กล้าเป็นปราการด่านแรก ไร้ความช่วยเหลือจากจอมมารบาปที่เหลือ ที่ต่างถีบเขาไปประจันหน้ากับผู้กล้าเพียงผู้เดียวอย่างไม่ไยดี
แต่ละคนต่างให้เหตุผลว่าเพราะเขาเป็นตัวต้นเหตุให้พวกเทพหาข้ออ้างมาโจมตีได้เองเมื่อเป็นผู้ผูกก็ต้องเป็นผู้แก้เอง ดังนั้นเมื่อผู้กล้าดาหน้าเข้าบุกแดนปีศาจ เขาจึงจำต้องรับผิดชอบเป็นเป้าโจมตีจนขาสั่นพั่บ ๆ เพราะในจอมมารทั้ง 7 เขานั้นคือคนที่มีพลังต่อสู้อ่อนแอที่สุด !
บอกแล้วไงว่าเขาเป็นพวกรักสงบ ! นอกจากคิดแผนพัฒนาพื้นที่สีเขียวในประเทศเพื่อเป้าหมายการเป็นประเทศส่งออกผักผลไม้ปลอดสารพิษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร เรื่องฆ่า ๆ แกง ๆ เขาทำเป็นที่ไหนกัน !
“กิสลี่พวกเราจะไม่ลืมเจ้า... ไม่ต้องห่วงว่าตายแล้วจะอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ ล่ะ พวกเราเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ใช้ไม่ขาดมือเอง”
แม้จะพยายามส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเหล่าพวกพ้อง แต่เหล่าจอมมารทั้งหลายต่างทำเป็นมองไม่เห็น พร้อมเข้ามาตบบ่า ทำเหมือนว่าเขากำลังจะตาย ทำเอากิสเซลล่าถึงกับน้ำตาไหลรินด้วยความสมเพชตัวเอง
...ขนาดพวกเดียวกันยังทอดทิ้ง ชีวิตจอมมารของเขาช่างสิ้นหวังนัก...
เมื่อพวกเทพรู้ว่ามีเขารับหน้าอยู่คนเดียว พวกนั้นก็หัวเราะอย่างย่ามใจทันทีถึงกับเปลี่ยนจากส่งกลุ่มผู้กล้า เป็นส่งผู้กล้ามากำจัดเขาเพียงคนเดียว เรียกว่ากยามกันซึ่ง ๆ หน้าสุด ๆ !
หลายคนอาจไม่รู้ แต่พวกเทพน่ะเป็นเผ่าที่สาระแนเก่งที่สุดแล้ว เรียกว่ามีความสามารถในการสืบหาข่าวในแดนอื่นอย่างละเอียดยิบ ซึ่งน่าจะมีไว้เพื่อการเสี้ยมให้คนอื่นทะเลาะเบาะแว้งกันโดยเฉพาะ ส่วนตัวเองก็ตีปีกพั่บ ๆ ลอยชายสบายใจเฉิบไม่สูญเสียใด ๆ
...ถ้าพวกมนุษย์รู้ว่ามีพวกเทพที่พวกตนเคารพบูชาใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือกิสเซลล่าอยากจะรู้นักว่า พวกมนุษย์จะมีปฏิกิริยาเป็นเช่นไร จะยังคิดเคารพคนเหล่านั้นอย่างน่ามืดตามัวอีกรึเปล่า...
ความสามารถของผู้กล้าสมัยก่อนยังไม่ค่อยน่ากลัวนักเพราะพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ใช้เวทมนตร์ได้นิด ๆ หน่อย ๆ เพียงกิสเซลล่าดีดนิ้วเดียวเหล่าผู้กล้าก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบจนต้องระเห็จกลับไปดินแดนตัวเองพร้อมเล่าถึงความเก่งกาจ น่ากลัวของจอมมารแบบใส่สีตีไข่เพิ่มจนกิสเซลล่าหน้าเหวอ
เมื่อรูปลักษณ์ของเขาในใจของมนุษย์ได้กลายเป็นปีศาจต่ำช้า แสนชั่วร้าย และอัปลักษณ์เกินจะกล่าวถึง ทั้งที่การจัดอันดับจอมมารหน้าตาหล่อที่สุดประจำปีเขาได้ที่ 4 จากจำนวนจอมมารชายสี่คนเชียวนะ !
อะไรนะ ? จะบอกว่าเขาหน้าตาไม่ดีสุด ? งั้นเขาขอขยายเพิ่มว่าคนเข้าประกวดทั้งหมดเนี่ยมี 5 คน เป็นชายสี่ และหญิงหนึ่ง... อะไรนะ ? จะถามอีกว่าทำไมจอมมารผู้หญิงถึงได้เข้าประกวดจอมมารหน้าตาหล่ออีกงั้นเหรอ ? เหตุผลนั้นแสนง่ายเพราะเธอนั้นคือเจ้าของตำแหน่งจอมมารที่หล่อที่สุดในหมู่จอมมารยังไงล่ะ !
จบการนอกเรื่องหน้าตาของเหล่าจอมมารว่าใครหล่อกว่าใครและกลับเข้าสู่เรื่องตึงเครียดกันต่อ...
เมื่อการกำจัดไอ้กากอย่างเขาดูจะตึงมือเกินไปสำหรับมนุษย์ ผิดกับที่พวกเทพคาดไว้โข ทำให้พวกเผ่าเทพเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อกำจัดเขาทั้งแบ่งพรให้บ้างเอย สร้างอาวุธมาเพื่อกำจัดจอมมารเอย และอีกสารพัด ทำให้การขับไล่ผู้กล้าออกไปก็เริ่มจะตึงมือเรื่อย ๆ
สภาพจิตใจของกิสเซลล่าจึงเริ่มถดถอยลง เขาเริ่มกินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะผู้กล้าที่วิ่งมาหาไม่รู้จักจบสิ้นดั่งฝูงมดทำให้เขาไม่มีเวลาพักผ่อน โรคอื่น ๆ จึงเข้ามาถามหา ทั้งปวดหัว เป็นไข้หวัดใหญ่ โรคกระเพาะยังมาถามหาอีกทำให้เมื่อผู้กล้าคนที่ 3,520 มาถึง กิสเซลล่าก็ขอเปิดโต๊ะเจรจาก่อนที่ร่างเขาจะพังเสียก่อน
เขามีความฝันจะได้ใช้ชีวิตเป็นคุณปู่แก่ ๆ มีงานอดิเรกคือดูแลสวนผักเล็ก ๆ ของตัวเองจนสิ้นอายุขัยอย่างสงบ จะให้มาตายเพราะโรคารุมเร้าตั้งแต่ย่างเข้าวัยกลางคนเนี่ยเขาไม่เอาด้วยหรอกนะ !
การเจรจาจบลงด้วยดี ผู้กล้าคนนี้ไม่ใช่พวกมนุษย์นิยมจัดจนไม่ฟังใคร เพียงเขายื่นข้อเสนอให้ ‘เธอ’ ก็กระโจนเข้าตะครุบรับข้อเสนอทันที พร้อมจับมือเล่นละครโรงใหญ่เป็นมหากาพย์การต่อสู้พัลวัน แสงสีเสียงตะกรานตาให้มนุษย์แถวชายแดนเข้าใจว่าผู้กล้ากำลังต่อสู้กับเขาย่างหนักหน่วง
แต่แท้จริงแล้วเธอกำลังสนุกกับการประลองกับจอมมารท่านอื่น ๆ ที่ถูกเขาอัญเชิญมาสนองความกระหายอยากต่อสู้ของมนุษย์สาว ที่จับมือฉันท์มิตรกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับพวกจอมมารได้อย่างหน้าชื่นตาบาน
กิสเซลล่าถึงกับกลืนน้ำลายทันที... เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่เปิดโต๊ะเจรจาก่อน ไม่งั้นตอนที่ผู้กล้าสู้กับเขา เขาที่หักลงด้วยการฟันครั้งเดียวคงจะเป็นของเขา ไม่ใช่ ‘เลอาวี่’ จอมมารบาปแห่งความริษยา ที่เพียงหัวเราะอย่างชื่นชมที่มนุษย์มีฝีมือดีเช่นนี้
และเมื่อการต่อสู้ครบ 6 วัน เขาก็รีบป่าวประกาศพ่ายแพ้ทันทีก่อนที่พวกบ้ากล้ามจะติดลมท้าสู้กันอีกรอบจนพวกมนุษย์ผิดสังเกต จอมมารทั้ง 7 ก็ร่วมมือกับผู้กล้า ปิดกั้นดินแดนปีศาจและมนุษย์ออกจากกันด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเทพ กลายเป็นปรากการแกร่งที่ช่วยป้องกันไม่ให้ปีศาจถูกรุกราน และป้องกันอสูรโจมตีหมู่บ้านมนุษย์ได้อีกด้วย เรียกว่าทุกคนล้วนได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
กิสเซลล่าล่ะอยากจะหัวเราะใส่พวกเทพที่ถูกตลบแผนจนหลังหัก เมื่อดาบศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันสร้างออกมาเป็นอาวุธระดับตำนานถูกนำไปใช้เป็นเขตแดนป้องกันศัตรู ที่ไม่มีใครสามารถใช้มันได้นอกจากผู้กล้าที่แท้จริงอย่าง ‘ซาราสะ’
มนุษย์ที่ควรจะถูกยกย่องว่าเป็นผู้กล้า ‘คนแรก’ อย่างแท้จริงเพราะเธอมีพลังที่ยากหยั่งถึงแทบจะเหนือกว่าเหล่าเทพ และปีศาจเสียด้วยซ้ำ ซึ่งจะหามนุษย์ที่เกิดมามีพลังเช่นนี้อีกไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างน้อยก็อีกสักสองถึงสามพันปีนู่นล่ะถึงจะมีคนอย่างซาราสะมาเกิดอีกครั้ง
เมื่อมนุษย์อยู่อย่างมีความสุข พวกเทพจึงไร้ข้ออ้างในการรุกรานแดนปีศาจอีกต่อไป แนดปีศาจเองก็ขับเคลื่อนโครงการพื้นที่สีเขียวได้อย่างดงาม เป็นดินแดนอุดมสมบูรณ์ ที่ประชาชนล้วนมีความผาสุก เมื่อไร้ซึ่งปัญหาให้แก้ไขกิสเซลล่าจึงได้ทำตามความฝันตัวเองโยนตำแหน่งจอมมารทิ้ง แล้วชิ่งหนีมาอยู่ที่ดินแดนของพวกมนุษย์ใช้ชีวิตหลังเกษียณแสนสงบอย่างที่ฝันเสียที !
ก็อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ... ถ้าไม่ใช่ว่าหน้าบ้านของเขามีเสียงเคาะประตูดังปั้ง ๆ จนแทบพังตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน และเมื่อกิสเซลล่าเปิดประตูออกมามองผู้มาเยือน
“ซาราสะ ?”
“กิสลี่...” อดีตผู้กล้าสาวในสภาพเลือดท่วมตัวด้านหลังหอบห่อผ้าขนาดใหญ่ผูกติดตัว เมื่อเธอเห็นอดีตจอมมารหน้าเถื่อนแต่ความจริงใจเสาะยิ่งกว่าปลาซิว สาวสวยผมสีแดงเพลิงก็พุ่งเข้ามากอดกิสเซลล่าแน่นด้วยร่างกายที่สั่นเทาร้องไห้เสียงสั่นอย่างสิ้นหวังออกมา
“กิสลี่... ช่วยข้าด้วย...”
+++++++++++++++++++++++++++
ท่านอดีตจอมมารจัดอยู่ในสายสัตว์กินพืช.... แม้จะตัวบึ้กสุด หน้าโฉดชั่วสุดในหมู่จอมมารแต่ดันสู้กากสุดซะงั้น
(กิสลี่ : ก็ข้ารักสงบ ! )
เรื่องนี้จะออกแนวแฟมิลี่อบอุ่น มุ้งมิ้งหัวใจตามภาษาพ่อลูกนะคะ เรื่องรักเชิงชู้สาวไม่ค่อยจะมีจนถึงขั้นไม่มีเลยล่ะ ดังนั้นถ้ามีใครจะถามหานางเอกคงต้องบอกว่าไม่มีนะจ๊ะ พอดีมิเกลล่าไม่อยากได้แม่เลี้ยงเท่าไหร่ (ฮา)
ตอนต่อไปเตรียมพบกับคุณลูกตัวน้อย ๆ ของท่านอดีตจอมมาร และความปั่นป่วนของการเป็นพ่อมือใหม่ได้เลย !
