บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ชมพูรำเพย

ลลินทร์แวะซื้อของในร้านสะดวกซื้อก่อนกลับเข้าออฟฟิศ เพราะน้าโทร.มาบอกว่าอยากกินสเลอร์ปี้

พอบ่นว่ากินแล้วจะอ้วน คนโทร.ก็คร่ำครวญอีกหลายยกว่าหลานใจร้ายใจดำ ทำลายความสุขเล็ก ๆ ของเจ้าหล่อน แถมปากจัด จนเธออ่อนใจและรับปากว่าจะซื้อไปให้

ระหว่างที่กำลังบิดสเลอร์ปี้สีชมพูใส่แก้วอยู่นั้นสัญชาตญาณก็บอกว่ามีใครสักคนกำลังจ้องอยู่

พอหันไปดูก็สบตากับหนุ่มหล่อ ผมเสยเรียบ ใส่เชิ้ตสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวจัด เขาค่อย ๆ เดินมาช้าๆ ตายังจ้องที่ลลินทร์อยู่

เสียงค่อนแคะในใจบ่น ...เกลียดนักเชียวผู้ชายที่มองเธอแล้วทำแบบนี้ ทำอย่างไรได้เล่าก็ในเมื่อแม้ลลินทร์จะมาดห้าว ทว่าหน้าตาก็ยังสวยสะดุดตาผู้ชาย ผู้ชายจึงมาขายขนมจีบบ่อยๆ พอเจอนิสัยปราศจากน้ำตาลของเธอเข้าไปก็ถอยเป็นแถบ ๆ

แต่ครั้งนี้ขอเปรียบเทียบหน่อยเถอะ ผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามาคนนี้คิ้วพาดเฉียงดกดำ ดวงตาใต้แพขนตาเข้มลึก จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากหยักสีเข้ม ...หล่อที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา ถ้าไม่นับดารานักร้องหรือคนดัง

“ขอโทษนะครับ”

ลลินทร์กำลังคิดว่าถ้าเขาถามเบอร์โทร.จะให้เป็นเบอร์รองเท้าดีไหม หรือให้เป็นเบอร์โทรศัพท์สถานีตำรวจดี

“สเลอร์ปี้ล้นแล้วครับ”

เขาบอกยิ้ม ๆ เล่นเอาเธอต้องรีบบิดปิด และยกแก้วไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ อายนิด ๆ ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะมาจีบ

ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่สถานการณ์อย่างนี้เจอบ่อย ปลายสายตาลลินทร์เห็นเขาบิดสเลอร์ปี้สีชมพูลงแก้ว ต่อด้วยหลังจากนั้นก็ซื้อป๊อกกี้รสตรอเบอร์รี่

เท่านั้นยังไม่พอยังซื้อขนมอีกหลายอย่างที่มีแต่สีชมพูและรสตรอเบอร์รี่

โธ่เอ๋ย...เพื่อนสาวนี่เอง เธอครางในใจ

ถ้าเป็นผู้ชายแท้คงแปลกไปล่ะที่จะซื้อของพวกนี้เสียเต็มถุง

“พี่ลิน คุณชมพูรำเพยมาแล้ว”

เด็กฝึกงานวิ่งละล่ำละลักมาบอกลลินทร์ที่โต๊ะทำงานในยามบ่ายจัดของวัน

“บก.ให้พี่เอาน้ำไปเสิร์ฟในห้องประชุม”

“อ้าว...แล้วพวกแกล่ะ”

“ไปเถอะน่า พี่บก.เขาบอกให้พี่นั่นแหละเข้าไป”

หลายเสียงเร่ง ลลินทร์จึงจำต้องเตรียมน้ำเข้าไปเสิร์ฟ

“ฝากขอลายเซ็นต์คุณชมพูรำเพยด้วยล่ะพี่”

เด็กร้องไล่หลัง เมื่อเธอยกถาดน้ำเข้าไปก็พบกับน้าสาวและบรรดาผู้ช่วยบก.หลายคน นั่งล้อมรอบผู้ชายคนนั้น ...คนเดียวกับที่เห็นในร้านสะดวกซื้อ

“มาแล้ว ๆ มารู้จักคุณชมพูรำเพยเร็ว นี่ค่ะน้องลินบก.ของทางเราที่จะมาดูแลโปรเจ็คซีรีส์นี้กับคุณชมพูรำเพย”

น้ารีบแนะนำท่ามกลางอาการงงงันของลลินทร์ โปรเจ็คอะไร...ทำไม่ไม่เคยรู้มาก่อน

“ครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก”

ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มสวยมาให้

“พี่ ๆ เป็นไงคุณชมพูรำเพยเป็นยังไงบ้าง สวยไหม น่ารักหรือเปล่า ได้ลายเซ็นมาไหม”

เด็ก ๆ รุมถามทันทีที่ออกมาจากห้องประชุม

“ทีละคำถามสิเว้ย! ฉันงงนะแก”

ลลินทร์แว้ด ทั้งงงกับโปรเจ็คซีรีส์ด่วนที่เพิ่งรู้ แถมยังตกใจที่ได้ทำงานกับนักเขียนมีชื่อ หนึ่งในคนอยากรู้จึงยกมือขึ้นโดยพลัน

“หนูถามก่อน ข้อที่หนึ่งคุณชมพูรำเพยเป็นผู้หญิงที่สวยไหม”

“สวยน่ะ ไม่สวยหรอก เพราะเขาเป็นผู้ชาย”

แถมยังมีทีท่าว่าน่าจะเป็นเกย์อีกด้วย เพราะภาพที่เขาหอบขนมสตรอว์เบอรี่ในร้านสะดวกซื้อยังติดตา

“งั้นก็ต้องเป็นคนหล่อเมื่อกี้ ที่เข้ามาในสำนักพิมพ์น่ะสิ”

เสียงกรี๊ดดังขึ้นเบา ๆ ไม่รู้กรี๊ดเพราะตกใจหรือสาแก่ใจกันแน่ที่จะมีผู้ชายมาเป็นอาหารตา

“ข้อต่อไป แล้วคุณชมพูรำเพยชื่อจริงชื่ออะไร ขอชื่อเล่นก็ได้ หนูว่าท่าทางแมน ๆ อย่างนั้นคงไม่อยากให้ใครเรียกเขาว่าชมพูหรอก”

“ใช่ ๆ” ลูกคู่พยักพเยิดตามเคย

“เสียใจนะ เขาบอกให้ทุกคนเรียกเขาว่าชมพูรำเพยได้เลย คนที่รู้ชื่อจริงของเขามีแต่บก.ใหญ่”

...ผู้ชายแท้แมน ๆ ที่ไหน จะใช้นามปากกาเสียหวานแหววว่า ‘ชมพูรำเพย’

“ต๊าย...ลึกลับ หนุ่มรูปงามผู้มีเรื่องต้องปกปิด” หลายคนเพ้อตาลอย

“เขาจะเขียนนิยายแบบไหนให้สนพ.เราหนอ”

“ผมจะเขียนนิยายโรแมนติคแฟนตาซี เกี่ยวกับปีศาจและเจ้าหญิง”

นักเขียนชื่อดังเปรยกับลลินทร์ ขณะนั่งอยู่ในห้องประชุมลำพังกันสองต่อสอง เพราะต้องคุยเรื่องคอนเซ็ปนิยายและเรื่องย่อคร่าว ๆ

“คุณคิดว่ายังไง”

“ก็น่าสนุกดีนะคะ”

เธอยิ้มให้แต่นึกบ่นในใจว่าพล็อตน้ำเน่าอีกแล้ว ไม่มีอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้หรืออย่างไร

“ไม่คิดว่ามันน้ำเน่าไปเหรอครับ”

“ก็คิดอยู่...เอ๊ย! เปล่าค่ะ” เขาดักคอจนเผลอตอบความจริง

“ฉันว่ามันเป็นพล็อตที่ดีนะคะ น่าจะโรแมนติก”

“คุณคิดว่าอย่างนั้นเหรอครับ”

น้ำเสียงเขาฟังเยาะ ๆ อย่างไรพิกล

“แปลกที่คุณคิดว่าโรแมนติก ก็ไหนบก.ใหญ่เขาบอกว่าคุณเป็นไร้ความโรแมนติกที่สุดในสนพ.ไงล่ะ เพราะอย่างนั้นเราถึงได้มาทำงานด้วยกัน”

โปรเจ็คด่วนที่ว่าของน้าคือ...ซีรีส์นิยายรักสำหรับคนเกลียดเรื่องรัก สร้างสรรค์จริง ๆ ให้ดิ้นตาย คนตั้งโปรเจ็คไม่ได้คิดเลยว่าคนที่ไม่ชอบ ทำอย่างไรก็ไม่ชอบ กรรมจึงตกที่ลลินทร์ต้องมานั่งเป็นบก.ให้เจ้าพ่อนิยายรัก

“อย่างแรกที่คุณควรรู้ก่อนที่เราจะทำงานร่วมกัน ผมไม่ชอบคนโกหก ถ้าไม่ชอบ ก็บอกไม่ชอบ ไม่รู้สึกว่าโรแมนติกก็บอกว่าไม่ โอเคไหม”

เขาจ้องเธอด้วยสายตาเหมือนผู้ใหญ่จับผิดเด็ก ทั้งจิกทั้งข่มจนอดคิดไม่ได้ว่าเธอไปทำความแค้นให้เขาตั้งแต่ชาติปางไหน

หรือว่านี่เป็นอารมณ์เกย์เปลี่ยวกันแน่

“เอาล่ะผมขอคิดพล็อตคนเดียวสักครู่ คุณช่วยไปชงกาแฟให้ผมหน่อยได้ไหม”

นักเขียนหนุ่มตัดบทเอาเสียดื้อ ๆ แถมยังโบกมือไล่

“ชงกาแฟเหรอคะ”

เขาเลิกคิ้วเมื่อคนได้ฟังทำหน้าเหรอหรา

“ใช่ ครับ ...ชงกาแฟ”

นักเขียนหนุ่มเน้นเสียง สาบานได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาลลินทร์ไม่เคยชงกาแฟให้ใคร แม้แต่พ่อตัวเองก็ตาม ...เพราะหน้าที่เอาใจคนแบบนั้นแม่จะเหมาไปหมด

“กาแฟสอง น้ำตาลหนึ่ง ครีมเทียมผมขอเป็นครีมเทียมไขมันต่ำยี่ห้อ... ถ้าไม่มีก็เอายี่ห้อ...”

เขาสั่งทั้ง ๆ ที่มือยังพิมพ์อะไรอะไรยุกยิกลงบนไอแพ็ด ซึ่งสวมเคสสะดุดตาสีลูกกวาดสดใส

“งั้นเดี๋ยวฉันจะให้เด็กยกมาให้นะคะ”

ลลินทร์เลี่ยงกำมือแน่นระงับอารมณ์ ตาเกย์ขี้เก๊กคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใครหนอ สั่งเธออย่างกับเป็นคนรับใช้

“คุณนั่นแหละที่ต้องยกมา ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเวลาผมคิดงาน” ว่าแล้วใบหน้าหล่อ ๆ นั้นก็เงยมายิ้มให้

“เร็วหน่อยนะครับ ผมคอแห้งแล้วก็ไม่ชอบรอ”

“งั้นฉันขอใช้สิทธิ์ไม่โกหกที่คุณบอกเมื่อกี้เลยได้ไหม ...ฉันไม่ชอบชงกาแฟให้ใคร!”

ดูเหมือนคนที่นั่งอยู่จะไม่สนอาการเกรี้ยวกราดของเธอเลย

“เหรอครับ...” เขาลากเสียงชวนโมโห

“แต่ผมชอบนี่นา เอ้อ...คุณช่วยลงไปซื้อแยมโรลรสสตอว์เบอร์รี่ที่เซเว่นให้ผมด้วยนะ แล้วก็ขนมปังหมูหยอง”

นี่เป็นวันแรกในชีวิตจริง ๆ ที่ลลินทร์เกิดอาการอยากจะฆ่าเกย์!

“น่า...อดทนหน่อยนะ แค่ชงกาแฟแก้วสองแก้วเอง” น้าปลอบเมื่อเธอแจ้นไปเปิดประตูห้องฟ้อง

“แต่หนูไม่ใช่ขี้ข้าเขานะ”

“อย่าไปคิดมาก พวกคนเก่งๆ เขาก็แปลก ๆ อย่างนี้แหละ ดูอย่างเจ้มิแรนด้า พรีสท์ลี่ เจ้านายจอมร้ายกาจ ในเรื่องนางมารสวมปราด้าสิ”

ญาติสาวใหญ่พาดพิงถึงภาพยนตร์เรื่องโปรด

“คิดเสียว่าแกน่ะเป็นนางเอกนะ ที่ตอนนี้ถูกพระเอกย่ำยี เอ๊ย! ถูกเจ้านายใจโหดใช้งาน”

คนพูดหัวเราะรื่นเริงแถมยังเอาเรื่องซีเรียสของเธอไปผูกเป็นพล็อตนิยายเสียอีก

“เขาเป็นนักเขียนที่จะมาทำเงินทำทองให้เรา เอาใจเขาหน่อยเถอะ”

“ตัวเงินตัวทองล่ะก็ไม่ว่า”

ลลินทร์เปรยเสียงหมิ่น ๆ จนน้าต้องสมนาคุณที่แขนดังเพี๊ยะ

“เป็นสาวเป็นนางดูพูดจาเข้า ไม่ได้อ่อนหวานเลยนะหลานฉัน มีดีแค่สวยจริง ๆ ไป๊...ไป ไปชงกาแฟให้คุณชมพูรำเพยเขา ฝึกเอาไว้เถอะแก อีกหน่อยก็ต้องชงให้แฟนกิน”

เมินเสียเถอะที่ลลินทร์จะชงให้ เด็กฝึกงานจึงกรี๊ดกร๊าดที่ได้เอากาแฟและของว่างไปเสิร์ฟนักเขียนในดวงใจถึงห้อง

“พี่ ๆ คุณชมพูรำเพย เรียกพี่น่ะ”

เด็กฝึกงานเดินมาเรียกหน้าตาตื่น

“ไปบอกเขาไปว่าฉันไม่ว่าง”

เธอนั่งก๊อปปี้ไฟล์นิยายจากอีเมลอยู่ หางานทำให้ตัวเองดูยุ่ง จะได้ไม่ต้องไปทะเลาะกับตาเกย์อารมณ์เปลี่ยวในห้องนั้น

“แต่เขาจะคุยกับพี่นะ เขาให้หนูมาตาม”

“เออ...นั่นแหละ ก็บอกว่าฉันติดงานไง เขาจะเอาอะไรแกก็ทำให้ก่อนไป ทั้งชงกาแฟ หาขนมให้กิน หรือจะช่วยนวดไหล่ก็ได้”

เด็กหน้าเสียออกไป แต่สักพักก็วิ่งกลับมาอีกพร้อมกับอาการเดิม

“พี่ๆ คุณชมพูรำเพย เรียกพี่น่ะ”

“เฮ้ย! ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ว่าง ถ้าเขาอยากคุยเรื่องนิยายก็ไปตามบก.ใหญ่สิ”

แว้ดเด็กเสร็จลลินทร์ก็หันมาจดจ่อกับคอมพิวเตอร์ต่อ

“พี่คะ...”

เธอละสายตาจากเกมคอมพิวเตอร์ที่กำลังเล่นอยู่เพราะทำงานเสร็จแล้ว คราวนี้คนมาตามทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“อะไรอีกล่ะ”

“คุณชมพูรำเพยเขาให้หนูมาตามพี่ จนกว่าพี่จะยอมไปหาเขาค่ะ พี่ไปหาเขาเถอะนะคะ พวกหนูวิ่งส่งสาสน์กลับไปกลับมาจนปวดขาหมดแล้ว”

คนมาตามทำเสียงละห้อยพร้อมพนมมือเสียน่าสงสาร เมื่อเข้าไปในอีกห้องนั้นก็มีเสียงแว่วทักมา

“คุณว่าบทนำตรงนี้โอเคไหมที่ถ้าผมจะเขียนว่า...ผมรักจนไม่อยากให้ใครเห็นแม้ปลายเส้นผมคุณ ขณะเดียวกันก็เกลียดจนอยากหักคอ”

หนุ่มหล่อ ผมเสยเรียบ ใส่เชิ้ตสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวจัดที่นั่งอยู่ขอความเห็น ตาเขากำลังมองตัวอักษรบนโน๊ตบุคบางเฉียบราคาแพง

“ค่ะยังไงก็ได้ค่ะ บทพูดนั้นก็ดี”

แต่ในใจเธอกำลังคิดว่าผู้ชายคนไหนที่พูดอย่างนี้กับคนรัก สมควรพาไปโรงพยาบาลโรคจิตโดยด่วน

“ไม่ใช่คิดว่าโรคจิต ฟังแล้วเหมือนพระเอกเป็นผู้ชายโรคประสาทเหรอ” เขาดักคอรู้ทันความคิดอีกแล้ว

“ไม่หรอกค่ะคุณชมพูรำเพย แบบนี้น่ะเจ๋งแล้วค่ะ ฟังแล้วรู้สึกว่าพระเอกเป็นพวกชอบตบจูบ ๆ ดี”

นักศึกษาฝึกงานอีกคนที่มานั่งสังเกตการณ์และดูแลเขาอยู่ยิ้มหน้าระรื่น

“ขอบคุณครับที่ชม” เขาค้อมศีรษะรับยิ้มน้อย ๆ

“แต่ผมอยากได้ความเห็นจากคุณบก.มากกว่า”

“ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยบก.ค่ะ ถ้าอยากได้ความเห็นล่ะก็เดี๋ยวรอถามบก.ดีกว่า”

ลลินทร์เลี่ยงอยากจะให้จบการสนทนานี้โดยไว เพราะอาการอยากฆ่าเขาลอยเข้ามาในหัวอีกแล้ว

“ไม่เป็นไร ผมแค่ถามความคิดเห็น ในฐานะที่คุณเป็นนักอ่าน ในฐานะผู้บริโภค”

คนถามยังไม่ยอมแพ้ ดูเหมือนเขาจะชอบจี้ให้คนตอบเสียจริง

“ตอบมาเถอะครับ ผมรับได้ ผมบอกแล้วไงว่าถ้าไม่ชอบ ก็บอกไม่ชอบ นักเขียนที่ดีต้องยอมรับได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ”

“ฉันว่าพระเอกที่พูดอย่างนี้ประสาท”

ลลินทร์โยนก้อนอิฐโครมใหญ่ใส่เขา

“เพราะ...”

“เจ้าคิดเจ้าแค้น หึงโหด ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง” เด็กฝึกงานทำตาโตด้วยความตกใจ

“แล้วนางเอกก็เป็นมาโซฯหรือยังไง เอาแต่ร้องไห้ให้พระเอกแกล้งอยู่ได้”

“พะ...พี่ ๆ”

คนอายุน้อยที่สุดในวงสนทนาดึงแขนเสื้อปราม เพราะเห็นคนพูดแววตาท้าทาย ส่วนคนฟังก็มองนิ่งเดาอารมณ์ไม่ออก สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง เพราะคนหนึ่งก็นักเขียนขายดี อีกคนหนึ่งก็หลานสาวสุดที่รักของบก.

“คุณนี่ไม่โรแมนติกเลย ไม่รู้จักกระทั่งรสหวานหรือขมของความรัก นิยายรักน่ะมีพื้นฐานมาจากเรื่องพวกนี้แหละ”

เขาต่อว่ากันซึ่ง ๆ หน้า

“คุณเคยรักใครบ้างไหมครับ รักมากจนเจ็บเมื่อเขาทรยศ จากกันเป็นสิบปี คิดว่าจะลืมเขาเสียแล้ว แต่แค่เจอหน้า ความรู้สึกเจ็บก็แล่นแปล๊บเข้าในอก”

สาบานได้ว่าลลินทร์ได้ยินคำพูดนี้จากปากคน ไม่ใช่ตัวอักษรบนกระดาษ เขาช่างสมกับเป็นนักเขียนขายดีเสียจริงขนาด แค่พูดยังเป็นสำนวนสละสลวยถึงเพียงนี้ ดวงตาคมกริบมองเธอเรียบนิ่ง

“ความรู้สึกทั้งโมโหที่เธอไม่สนใจ ทั้งเกลียดตัวเองที่ยังมองตามเธออยู่ได้ รู้สึกขมขื่นใจเมื่อคิดถึง”

ชายหนุ่มกดปุ่มปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วพับหน้าจอลงเสีย วางมันไว้ใกล้ไอแพ็ด

“บอกผมหน่อยสิคุณเคยรู้สึกอย่างนี้กับใครหรือเปล่า” เสียงที่เอ่ยมานั้นแปร่งปร่า จนสองสาวรู้สึกได้

“ตอบสิครับ คุณคนไม่โรแมนติก”

สามครั้งภายในวันเดียวที่โดนเขาว่าเช่นนี้ โรแมนติกหรือไม่ ...อย่างไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย จะมาจี้ถามเอาอะไรจากเธอ

“เคยค่ะ แต่ฉันจะเลือกโรแมนติกกับคนที่ฉันชอบเท่านั้น”

ลลินทร์ปดไปเต็มปาก อารมณ์แค่อยากจะเอาชนะ

“คุณโกหก” ชายหนุ่มเน้นเสียง คนโดนว่าหน้าตึงในทันใด

“ฉันเปล่า”

“งั้นผมมีแบบฝึกหัดจะให้ ในฐานะบก.”

เขายื่นแฮนด์ดี้ไดร์ฟให้

“จัดหมวดหมู่ข้อมูลให้ผมหน่อย เพราะต้องใช้ในนิยาย เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะแก้นิยายบทนี้ใหม่ แล้วจะส่งให้คุณทางอีเมล”

จากนั้นท่านนักเขียนใหญ่ก็ตัดบทแล้วเดินเนิบ ๆ ออกจากห้องไป ท่ามกลางอาการงงงันของคนที่เหลืออยู่ ไม่เข้าใจอาการเหมือนผีเข้าผีออกของเขา

“พี่ ๆ หนูว่าคำพูดของคุณชมพูรำเพยเมื่อกี้มันแปลก ๆ อยู่นะ”

เด็กฝึกงานกระตุกแขนเสื้อเธอปึด ๆ

“ใช่ ๆ เหมือนคำพูดท่านชีคที่ไหนสักแห่งก่อนที่จะมาลักตัวนางเอก” ลูกคู่รับอีกตามเคย

“พี่แน่ใจนะ ว่าไม่เคยหักอกเขา พี่ชายพี่ไม่เคยทำน้องสาวเขาตาย พ่อแม่พี่ไม่ได้ไปทำบริษัทเขาล่ม ต้นตระกูลไม่ได้เป็นปรปักษ์กัน”

“พอเลยนะพวกแก”

ลลินทร์เอ็ดเสียงเขียว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจจริงจังเพราะเด็กยิ่งซุบซิบหาคำตอบพร้อมผูกเรื่องกันอย่างสนุกสนาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel