บท
ตั้งค่า

EP.5 อย่าทำอะไรโง่ๆ

สองวันต่อมา

ฉันได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ก็ยังถูกสั่งให้ห้ามทำงานหนัก ห้ามเดินเยอะและห้ามเครียด แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้ฉันกำลังเครียด เพราะสิ่งที่โดนห้ามค่อนข้างสวนทางกับงานของฉันมาก

พนักงานทำความสะอาดเป็นงานที่หนักพอสมควร ฉันยังกังวลในเรื่องอยู่ว่าควรจะทำยังไงดี แน่นอนว่าฉันย่อมห่วงลูกยิ่งกว่างาน แต่ในขณะเดียวกันถ้าฉันไม่ทำงานแล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ประทังชีวิต

ตอนนี้ฉันกำลังรอคุณเหมเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาลอยู่ ถ้าเขากลับมาก็ว่าจะลองปรึกษาเขาดูเสียหน่อย

แกร๊ก~

รอไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ฉันยิ้มร่าด้วยความเขินเล็กๆ ริมฝีปากเผยอขึ้นเตรียมจะเอ่ยถามคุณเหมเต็มที่ ทว่า..คนที่เปิดประตูเข้ามากลับไม่ใช่เขา

“สวัสดีครับคุณชญานินท์ ผมชื่อเกมเป็นเลขาของคุณเหมครับ” คุณผู้จัดการกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

“สะ..สวัสดีค่ะ” ฉันทักทายกลับพร้อมสอดสายตามองหาตัวคุณเหม ทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา

“ไม่ต้องมองหาหรอกครับ พอดีคุณเหมต้องรีบไปธุระสำคัญก็เลยโทรตามให้ผมมาคอยดูแลคุณชญานินท์แทนต่อจากนี้”

“อ๋อค่ะ..” อยู่ๆ ก็รู้สึกวูบโหวงในอกแปลกๆ แฮะ อาการนอยด์อาการน้อยใจมันวนกลับมาอีกแล้ว

“คุณชญานินท์คงเข้าใจใช่ไหมครับว่าผู้บริหารระดับคุณเหมงานหนักมาก บางงานยังไม่สามารถเลี่ยงได้เพราะเป็นการนัดคุยกับลูกค้าคนสำคัญ หวังว่าคุณชญานินท์จะเข้าใจคุณเหมของผมนะครับ”

คุณเกมพูดดักคอราวกับรู้ว่าฉันกำลังน้อยใจที่คุณเหมเลือกงานมากกว่าลูก สีหน้าฉันมันแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือไง แต่มันก็จริงอย่างที่คุณเกมบอก คนระดับคุณเหมคงจะงานยุ่งมาก ธุรกิจของครอบครัวเขาหลักแสนล้านได้เลยมั้ง..

ทั้งๆ ที่รู้ ทั้งๆ ที่พยายามบอกตัวเองว่าให้เข้าใจเขา แต่มันก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดี ทั้งๆ ที่ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขาก็คอยดูแลฉันเป็นอย่างดี

“ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์เป็นธุระให้” ฉันคลี่ยิ้มบางๆ ให้คุณเกม

“ยินดีครับ เพื่อความสนิทสนมกันมากขึ้นผมขอเรียกคุณชญานินท์ว่าคุณนินท์เฉยๆ ได้ไหมครับ”

“อ๋อได้ค่ะๆ” ฉันเองก็อยากจะบอกเขาอยู่เหมือนกันว่าไม่ต้องเรียกชื่อจริงฉันก็ได้

“ครับ แล้วนี่คุณนินเก็บของเสร็จหรือยังครับเดี๋ยวผมไปส่ง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

จากนั้นคุณเกมก็เดินเข้ามาช่วยฉันถือข้าวของแล้วขับรถพาฉันไปส่งถึงที่บ้าน พอมาถึงก็ยังจะช่วยถือของเข้าไปเก็บในบ้านอีกแต่ฉันร้องห้ามเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนแถวบ้านเอาไปเมาท์สนุกปากกันว่าฉันพาผู้ชายเข้าบ้านตั้งแต่กลางวันแสกๆ

เขาขอตัวกลับทันทีหลังจากนั้นซึ่งแน่นอนว่าฉันก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณเขาอีกรอบ

Rrrrrr

หลังจากเก็บของเสร็จได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันเดินไปหยิบมันขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา

ใครกันนะ..ปกติก็ไม่ค่อยมีเบอร์แปลกโทรเข้ามาเลยนี่นา..

ฉันลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็เลือกกดรับสาย

“ฮัลโหลชญานินท์พูดค่ะ”

(ไง ฉันเองนะ) ฉันฉีกยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงจากปลายสาย แม้เขาจะไม่ได้บอกว่าตัวเองคือใคร แต่ฉันก็จำได้แม่นว่านี่เป็นเสียงของคุณเหม

เขาโทรหาฉันด้วยล่ะ..ดีใจจัง..

“คะ..คุณเหมเหรอคะ” ฉันพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ แต่มันก็สั่นเครืออยู่ดี คือเวลาฉันเขินหรือดีใจมากๆ ก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ..มันทำตัวไม่ค่อยถูกน่ะ

(อืม เป็นยังไงบ้าง เกมพาไปส่งถึงบ้านแล้วใช่ไหม)

“ใช่ค่ะ..ทุกอย่างเรียบร้อยดี..”

(ดีแล้ว งั้นแค่นี้ก่อนนะ)

“เอ่อ..ดะ..เดี๋ยวค่ะคุณเหม..” ฉันพลั้งปากเรียกรั้งปลายสายอย่างลืมตัว เพราะใจฉันมันอยากรู้และอยากถามคุณเหมมากว่าเขาอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่

(มีอะไรเหรอ) คุณเหมถามเสียงเรียบ

“เอ่อ..คะ..คือ..คือว่า..” ถามเขาดีไหมนะ ถ้าถามจะถูกเขาหาว่าวุ่นวายมากเกินไปหรือเปล่า..

(แค่นี้ก่อนนะนินฉันไม่ว่าง ไว้พรุ่งนี้จะไปรับที่บ้านนะ มีเรียนกี่โมง)

ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรออกไป คุณเหมก็เอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน

“กะ..เก้าโมงเช้าค่ะ”

(โอเค เจอกันแปดโมงเช้าห้ามสายห้ามเลท ส่งโลเคชันบ้านเธอมาด้วย)

พูดจบคุณเหมก็กดวางสายไปทันที น้ำเสียงเขาติดรำคาญนิดหน่อย ไม่รู้ว่าฉันคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่ไกลเขาทั้งตัวและหัวใจเลย

เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการหวั่นไหวกับเขามันเป็นเรื่องดีสำหรับฉันหรือเปล่า..

วันต่อมา

08:00น.

ทันทีที่เข็มสั้นชี้เลขแปดและเข็มยาวชี้เลขสิบสองฉันรีบเดินออกมารอคุณเหมที่หน้าบ้าน ไม่อยากจะเชื่อว่ายืนรอเขาไม่ถึงห้านาทีรถยนต์คันหรูก็ขับเทียบเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน

คุณเหมเป็นคนตรงต่อเวลามากจริงๆ

“สวัสดีค่ะคุณเหม” ฉันเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับแล้วกล่าวทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใส

“....” คุณเหมหันมามองหน้าฉันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ร่างสูงโน้มตัวมาทางฉันจนร่างเราเกือบแนบชิดกัน วินาทีนั้นทำเอาฉันเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ เพราะใบหน้าหล่อๆ ของเขาจ้องมองใบหน้าของฉันอย่างไม่วางตา

แต่แล้วไม่นานฉันก็หายใจได้สะดวกขึ้นเมื่อเห็นว่ามือหนาเอื้อมไปดึงเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาดให้ฉัน ก่อนที่เขาจะพาตัวเองกลับไปนั่งที่เดิม

ถึงอย่างนั้นหัวใจก็ยังเต้นโครมครามอยู่ในอกอย่างหวั่นไหวให้กับความหวังดีและความเป็นห่วงของเขา..มันรู้สึกปลื้มปริ่มจนอดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้จริงๆ

“กินอะไรหรือยัง”

“ยังเลยค่ะ กลัวสายแล้วคุณจะรอก็เลย..”

“ทำไมทำอะไรโง่ๆ แบบนี้! คิดบ้างไหมว่าถ้าเกิดเธอหิวขึ้นมาจนเป็นลมไปแล้วลูกจะเป็นยังไง!”

คุณเหมหันมาตะคอกใส่จนฉันตกใจสะดุ้งโหยง ได้แต่นั่งก้มหน้าตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว ถึงคำพูดของคุณเหมจะฟังดูรุนแรงไปเสียหน่อย แต่มันก็ถูกอย่างที่เขาว่า

เรื่องนี้ฉันผิดเองจริงๆ แม่ขอโทษนะลูก..

“ฉะ..ฉันขอโทษค่ะ..” ขอโทษลูกเสร็จก็ต้องขอโทษคุณพ่อเขาด้วย ดูท่าจะโกรธคุณแม่อย่างฉันเอามากๆ

“อย่าทำแบบนี้อีกนะชญานินท์!”

“ค่ะ..”

สิ้นสุดคำพูดของฉันคุณเหมก็เคลื่อนรถออกจากบ้านฉันทันที เขาจอดแวะร้านอาหารข้างทางที่ค่อนข้างสะอาดแล้วกินข้าวเช้ากับฉันและลูก

คุณเหมทั้งสั่ง ทั้งยกและทั้งเสิร์ฟน้ำให้ฉันเรียกได้ว่าดูแลแทบจะทุกย่างก้าว นี่หากว่าอุ้มฉันขึ้นรถได้เขาคงทำไปแล้ว

ใช่..ดูเผินๆ ก็เหมือนว่าเขาดูแลและเอาใจใส่ฉันดีมาก..ฉันเองก็คิดแบบนั้น

คิดว่าที่เขาดุเขาด่าก็เพราะว่าห่วงฉันและลูก

คิดว่าที่เขาดูแลฉันราวไข่ในหินเพราะรักและอยากทะนุถนอม

และคิดว่าที่เขาชอบโมโหร้ายและหงุดหงิดง่ายเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของเขา

ทว่า..ฉันกลับคิดผิด..ตอนนั้นฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองโง่เง่ามากแค่ไหน..ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าวันนึงตัวเองจะต้องมาเจ็บปวดกับผู้ชายอย่างคุณเหมได้มากขนาดนี้..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel