EP.2 ใกล้ชิด
ฉันยืนตัวแข็งทื่อเพราะทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรงจนจะหลุดออกมากองอยู่ตรงหน้า นี่ฉันอุตส่าห์ไปลางานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีเหตุให้เจอหน้าเขาอีก แต่เขาก็ดันมาดักเจอฉันซะนี่
วลีที่ว่ายิ่งหนีก็จะยิ่งเจอ..สงสัยจะเป็นเรื่องจริง
“คะ..คุณเหมมีอะไรคะ” ฉันถามคุณเหมเสียงสั่น ใบหน้าก้มมองพื้น
“ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ว่าเธอ..เป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของคุณเหมสะดุดไปเล็กน้อย
“ฉันสบายดีค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบพูดแล้วรีบหมุนตัวหมายจะเปิดประตูหนีเขาเข้าไปในห้อง ทว่า..
“เดี๋ยว” คุณเหมกลับรั้งเรียวแขนฉันเอาไว้ทั้งยังออกแรงดึงให้ฉันหันหน้ากลับมาเผชิญกับเขา มิหนำซ้ำยังดันหลังของฉันให้ติดกับประตูแล้วล็อกร่างของฉันเอาไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้าง
ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ฉันจนระยะห่างระหว่างเราไกลกันแค่หนึ่งคืบ
“แล้วลูกล่ะ ลูกของเรา..ยังอยู่หรือเปล่า” นัยน์ตาเขามีประกายความวูบไหวจนทำให้ฉันรู้สึกสับสน สายตาของเขาในวันแรกที่รู้ว่าฉันท้องกับในวันนี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ละ..ลูกยังอยู่ค่ะ..ฉันบอกคุณแล้วนี่คะไม่ว่าจะยังไงฉันก็จะไม่ทำแท้งเด็ดขาด”
“งั้นเหรอ..”
คุณเหมพยักหน้าเบาๆ แล้วคลายท่อนแขนปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แอบเห็นว่าเขาลอบถอนหายใจเบาๆ คล้ายโล่งอกอะไรบางอย่าง
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ” ฉันถามตัดบทสนทนา ไม่ใช่ว่ารังเกียจอะไรเขานะ แต่ฉันแค่ไม่อยากเจอหน้าเขามากกว่า
ยอมรับแบบไม่เสแสร้งว่ารู้สึกเคืองเขาลึกๆ ในใจ ถึงเรื่องคืนนั้นจะเกิดจากความผิดพลาดแต่มันก็ทำใจยากอยู่ดีที่ต้องแบกรับผลกระทบจากคืนนั้นเอาไว้อยู่คนเดียว
แต่ก็เข้าใจว่าฉันมันต่ำต้อยเกินกว่าที่จะคู่ควรกับคนอย่างเขา
“มี” คุณเหมแล้วจ้องมองฉันด้วยสายตาคาดโทษ “ทำไมไม่ติดต่อผู้จัดการฉันมา ไม่เอาเงินหรือไง?”
“ฉันหาเงินเองได้ค่ะ” นามบัตรที่เขาให้ไว้ฉันโยนทิ้งไปตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ ไม่ได้หยิ่งในศักดิ์ศรีหรืออะไรนะ แต่ฉันคิดว่าถ้าเขาไม่ได้จะรับผิดชอบ..เราก็ไม่ควรจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกันอีก
“หึ..แน่ดีนี่”
“หมดธุระหรือยังคะฉันต้องรีบกลับบ้าน”
“เอาเบอร์เธอมา” คุณเหมพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์มือถือราคาแพงมาให้ฉัน จากที่ก้มหน้าก็เป็นต้องเงยมองเขาด้วยแววตาสับสน
“คุณจะเอาเบอร์ฉันไปทำอะไรคะ” ฉันถามอย่างไม่ไว้ใจ เรื่องระหว่างเรามันควรจะจบลงได้แล้ว
“เอาเถอะ จะถามมากทำไม” คิ้วเขาเริ่มผูกเข้าหากัน น้ำเสียงก็ฟังดูหงุดหงิด
“ฉันไม่ให้ค่ะ” ฉันยื่นโทรศัพท์ในมือคืนให้เขา
“ถ้าไม่ให้ก็ไม่ต้องกลับ ฉันจะยืนรั้งเธออยู่แบบนี้แหละ” คุณเหมยืนกอดอกพูดอย่างท้าทาย เป็นเหตุทำให้ฉันเริ่มขุ่นมัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“คุณเหมคะ! นี่คุณกำลังบังคับฉันอยู่นะ”
“เธอก็ให้เบอร์เธอมาสิ ไม่ต้องห่วงฉันไม่โทรไปจีบเธอหรอก”
“แต่ว่าฉัน..”
“ไม่ให้ก็ไม่ต้องกลับ” ร่างสูงย้ำคำเดิมซ้ำๆ จนในที่สุดฉันก็ต้องจำใจยอมกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงบนโทรศัพท์เขา
ระหว่างที่พิมพ์..ความคิดที่จะให้เบอร์ปลอมก็แวบเข้ามาในหัว
“อย่าแม้แต่คิดที่จะพิมพ์เบอร์ปลอม ไม่อย่างนั้นฉันตามหลอกหลอนชีวิตเธอแน่” นี่เขามีพลังจิตที่สามารถอ่านใจคนได้หรือไงกัน แล้วคุณเหมไม่พูดเปล่า แต่ยังโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ ฉันจนฉันต้องถอดใจแล้วรีบพิมพ์เบอร์จริงๆ ลงไปแล้วยื่นมือถือคืนให้เขา
“มะ..มือถือคุณค่ะ” เขารับโทรศัพท์ไปแล้วกระตุกยิ้มเบาๆ
“ฉันจะกลับได้หรือยังคะ” ฉันถามอย่างเหนื่อยๆ แค่เจอหนักมันก็มากพออยู่แล้ว
“เชิญ” เขาไหวไหล่แล้วหลีกทางให้ฉันได้เปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง พอเข้าห้องมาฉันก็รีบกดล็อกประตูทันทีเพราะกลัวเขาจะตามเข้ามาวุ่นวายกับฉันอีก
“เฮ้อ..” ฉันสลัดความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นตอนเผชิญหน้ากับเขา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน
ป่านนี้แม่รอกินข้าวแย่แล้ว
[Part : เหมต์ราช]
หลังจากได้เบอร์ของยัยนั่นผมก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบแปดสิบปีของคุณย่าครอบครัวเราเลยพากันมาเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง เป็นร้านที่ไม่ได้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็ก
ตอนแรกคิดว่าแค่จะพามากินข้าวแบบธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้เรื่องราวที่พูดคุยกันตลอดที่นั่งอยู่บนโต๊ะมีแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ และการถกกันระหว่างคนรุ่นพ่อรุ่นแม่จากทั้งสามครอบครัว
ครอบครัวแรกคือครอบครัวของผมคุณพ่อไพรรัตน์และคุณแม่ราชาวดี ครอบครัวที่สองคือครอบครัวของคุณลุงไพรโรจน์และคุณป้าพิมาลา และครอบครัวที่สามคือครอบครัวของคุณอาไพรศรีและคุณน้าศรีสมร
พวกท่านทั้งหกคนมักจะชอบกระแนะกระแหนและเหน็บแนมกันแทบทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยทะเลาะกันแบบใหญ่โตเลยสักครั้ง ต่างครอบครัวต่างก็เกรงกลัวในความเคร่งครัดของคุณย่า
จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่พวกท่านที่ชอบถกเถียงกันหรอก ตัวผมเอง ไอ้อินทราช และไอ้ทศราช เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเราเกิดปีเดียวกันอายุห่างกันไม่เกินห้าเดือน ไอ้ทศคลอดก่อนใคร ต่อมาก็ตามด้วยผมและคนสุดท้ายคือไอ้อิน
อ๋อ..ลืมบอก คุณพ่อของผม คุณลุงไพรโรจน์ และคุณอาไพรศรีเป็นลูกชายของคุณย่าแล้วพวกท่านก็เป็นพี่น้องกันแท้ๆ โดยสายเลือดด้วย
แต่เรื่องที่ทำให้ผมเซงไม่ได้มีเพียงแค่นั้น แต่มันยังมีอีกเรื่อง..
“สรุปจะไม่มีใครมีหลานเป็นของขวัญให้ย่าเลยใช่ไหม” คุณย่าหรือคุณหญิงศรีพิจิตรเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง หางตาตวัดมองผมแล้วเผื่อแผ่ไปทางไอ้อินและไอ้ทศอย่างกรุ่นโกรธ
“โธ่คุณย่าครับ อย่าว่าแต่มีลูกแค่เมียอินยังไม่มีเลยครับ” ไอ้อินกอดแขนพูดประจบคุณย่าเร่าๆ
“หึ ก็เราน่ะมัวแต่เที่ยวควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเอากับเขาไปทั่วเหมือนหม..” คุณย่ายังไม่ทันพูดจนจบไอ้อินมันก็รีบแทรกขึ้น
ถ้าให้เดาท่านคงจะอยากด่าว่ามันเหมือนหมานั่นแหละ
“ดะ..เดี๋ยวสิครับคุณย่า นี่หลานนะครับไม่ใช่หมา”
“ที่ทำอยู่ก็ไม่ได้ต่างอะไรนักหรอก แล้วเราล่ะตาทศ ไม่คิดจะหาเมียสักคนเหรอลูก” กับไอ้ทศคุณย่ามักจะพูดกับมันดีเสมอ คงเป็นเพราะบุคลิกที่นิ่งขรึมของมันเลยทำให้ท่านมีความเกรงใจอยู่ลึกๆ
“ยังไม่พร้อมครับ”
“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะลูก ย่าแก่มากแล้วนะ”
“ไม่รู้ครับ”
“เฮ้อ.. แล้วเราล่ะตาเหม มีใครถูกใจบ้างหรือยัง” พอเอาอะไรจากไอ้สองคนนั้นไม่ได้ คุณย่าเบนเข็มมาทางผม
“ผมก็ยังเลยครับคุณย่า..” ผมตอบเสียงแผ่วด้วยกลัวว่าจะถูกระเบิดของคุณย่าปาลงใส่กระบาล
จริงๆ ผมมีลูกแล้วอย่างที่ทุกคนทราบดี แต่ผมไม่อาจรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้นได้ ผมมีคนที่กำลังดูใจกันด้วยอยู่แล้ว เธอดีกับผมมากจนผมไม่สามารถทรยศและหักหลังเธอได้
“อะไรกัน! เรียนจบทำงานกันจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วแต่ไม่มีใครคิดจะแต่งงานมีลูกเลยสักคน ได้! งั้นย่าขอประกาศเอาไว้ตรงนี้เลยนะตาทศ ตาเหม ตาอิน ใครมีหลานผู้ชายให้ย่าได้ก่อน คนๆ นั้นจะได้รับการสืบทอดอำนาจทุกๆ อย่างจากย่าทั้งเรื่องในบ้านและเรื่องในบริษัท แถมยังจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าของตระกูลแทนย่าด้วย!”
“อะไรนะครับ!”
[Part end : เหมราช]
