ตอนที่ 5 ครอบครัวใหญ่
เวกัสลุกขึ้นมาในตอนสายของวันอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เที่ยงแล้ว เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนก็เกือบเช้าไม่แปลกที่จะตื่นเอาป่านนี้ พอตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังอยู่ข้างเตียงจึงรีบรับสายเพราะปลายสายที่โทรมาสายนี้ไม่รับไม่ได้จริงๆ
" ครับมัม "
" เพิ่งตื่นหรอลูก เสียงงัวเงียเชียว เย็นนี้กลับมาทานข้าวที่บ้านนะลูก มัมนัดน้องๆมากินข้าวด้วยกัน แล้วมัมก็มีธุระสำคัญจะคุยกับเราด้วย "
ผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกกับลูกชาย เพราะไม่บ่อยนักที่ทุกคนจะว่างตรงกัน ถึงแม้ว่าทุกคนจะแยกย้ายกันไปอยู่บ้านของตัวเองบ้างคอนโดบ้างแต่ทุกคนก็ยังเป็นชายโสดชนิดหาตัวจับยาก
" ได้ครับมัม เดี๋ยวเย็นๆผมเข้าไป เดี๋ยวขอเคลียร์งานที่ผับแป๊บนึงครับ "
เวกัสรับปากมารดาออกไปเพราะเมื่อคืนมีเรื่องชกต่อยกันที่นี่ เขาจึงต้องวิ่งเต้นปิดข่าวเสียหน่อยไม่อย่างนั้นผับของเขาจะเสียหาย เดี๋ยวแขกไม่มาใช้บริการจะแย่เอา
" ได้ลูกไปทำงานเถอะ เจอกันเย็นนี้นะ "
เมื่อวางสายจากมารดาเวกัสก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับไปจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยเพราะคืนนี้อาจต้องนอนค้างที่คฤหาสน์วรเชษณ์กิจสุวรรณ์
......
....
..
คฤหาสน์วรเชษณ์กิจสุวรรณ์
" สวัสดีครับแด๊ด สวัสดีครับมัม "
เวกัสที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายเดินเข้าไปกอดแด๊ดของตัวเองพร้อมกับสวมกอดผู้เป็นแม่เอาไว้ด้วย
" คิดถึงที่สุดเลย แต่มัมขัดใจรอยสักของเราจริงๆ เห็นทีไรก็ขัดตา แล้วนี่หน้าไปโดนอะไรมาลูก ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา "
ผู้เป็นแม่อย่างมาร์กี้บ่นเมื่อเห็นรอยสักบนแผงคอของลูกชายคนโตของตัวเองอีกทั้งรอยแตกทั้งหน้าอีกแม้จะเป็นแบบนี้บ่อยแต่เธอก็ไม่เคยชิน แม้ว่าทรงผมที่ดูเป็นทางการพร้อมกับชุดเสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เหมือนนักเลงข้างถนน แต่คนเป็นแม่อย่างเธอก็ยังขัดใจกับรอยสักนั่นอยู่ดีบอกให้ลบกี่ครั้งก็ไม่ยอมทำ
" โถ่ มัมครับ มันเป็นความชอบส่วนตัวครับ ผมขอแค่เรื่องเดียว ส่วนหน้าก็เหมือนเดิมครับ ชินได้แล้วนะครับมัม "
เวกัสบอกออกไปถึงแม้ว่าเขาจะสักจนเต็มพื้นที่บนร่างกายแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแต่งตัวมิดชิดพร้อมกับแต่งตัวดูภูมิฐานก็เหมือนนักธุรกิจทั่วไป ทรงผมรองทรงสูงที่เซ็ตเป็นอย่างดีบวกกับเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาแพงและกางเกงตัวแพงเข้ารูป แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วกับการที่มารดาของเขาจะไม่ต้องตกใจกับพฤติกรรมของเขามากนัก
" ไม่ชินย่ะ แล้วมัมจะขัดอะไรได้ในเมื่อตอนนี้ก็มีเต็มตัวแล้วนี่ เฮ้อ! ก็ยังดีที่ยังรู้จักไว้หน้ามัมบ้าง ข่าวคั่วสาวของแกไม่เว้นแต่ละวันมัมเพลียจิตนะ "
" ข่าวมันก็จริงครึ่งนึงใส่ไข่ครึ่งนึงนั่นแหละครับมัม อย่าไปสนใจเลย ไง สบายดีนะ ไอ้เวียร์ วินซ์ ไวซ์ วิคเตอร์ "
เวกัสแก้ตัวออกไปพร้อมกับเบี่ยงเบนประเด็นทันทีเพื่อเอาตัวรอดด้วยการทักทายน้องๆของตัวเองที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วพร้อมกับรอยยิ้มเลศนัยอย่างรู้กัน
" ครับพี่เวย์ รีบมากินข้าวกันเถอะ คืนนี้เราจะได้ปาร์ตี้กัน ผมเตรียมไวน์ราคาแพงมาด้วยนะ "
เวียร์น้องชายคนรองคลานตามกันมาต่อจากเขาพ่วงด้วยตำแหน่งผู้บริหารธุรกิจโรงแรมของที่บ้านพูดขึ้นมา
" กี่ขวดวะไอ้ท่านประธาน บอกเลยขวดเดียวไม่พอนะเว้ย "
วินซ์น้องชายลำดับถัดมาพูดขึ้นมาเพื่อแซวพี่ชายของตัวเอง เขาเองนิสัยมุทะลุเหมือนพี่เวย์ไม่มีผิด เพราะเขาก็เปิดผับบาร์และคาสิโนเหมือนกันกับพี่เวย์ นิสัยจึงค่อนข้างเหมือนกัน
" เออ พี่เอามาเป็นกระตั๊ก แดกนี่ให้หมดก่อน ถ้ายังไม่พอเดี๋ยวพี่จะขนมาทั้งโรงแรมเลย "
เวียร์บอกน้องชายออกไปอย่างขำๆ เขาคือผู้ชายที่พูดน้อยต่อยหนักมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วก็ได้รับเสียงหัวเราะมาจากทุกคน
" เสียดายจังวันนี้ผมขอจิบๆนะครับ พรุ่งนี้มีถ่ายละครแต่เช้า "
ไวซ์น้องชายลำดับที่ 4 พ่วงด้วยตำแหน่งดาราดังตัวร้ายสุดฮอตของวงการที่ฮอตยิ่งกว่าพระเอกหลายๆคนโพล่งขึ้นมา นึกเสียดายหากพรุ่งนี้ไม่มีงานคืนนี้เขาก็คงเต็มแม็กกับพวกพี่ๆเหมือนกัน
" หล่อขึ้นนะเราไปทำอะไรมา มีความรักหรอ "
เวกัสถามน้องชายออกไป ใช่ว่าเขาจะไม่ตามดูข่าวของน้องชายเสียเมื่อไหร่เห็นออกสื่อบ่อยๆไปเกี่ยวกับความเจ้าชู้ไก่แจ้ของมัน
" โถ่พี่เวย์ครับ ผมเป็นดารานะก็ต้องดูแลตัวเองหน่อยสิ เรื่องความรักอย่าพูดถึงมันเลยครับน่ากลัว แค่พูดถึงห่วงที่จะต้องมาคล้องคอก็ขนลุกแล้ว "
ไวซ์ดาราตัวร้ายสุดฮอตในนาทีนี้ พูดขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ความรักกับคนอย่างเขาน่ะหรอไม่เข้ากันสักนิด อยู่เป็นโสดแบบนี้ดีกว่าจะกินผู้หญิงกี่คนก็ได้
" ว่าแต่พี่เวย์เถอะแซวพี่ไวซ์ตัวเองล่ะมีความรักแล้วหรือยัง ผมรออุ้มหลานไม่ไหวแล้วเนี่ย "
วิคเตอร์น้องชายคนสุดท้องของตระกูลวรเชษณ์กิจสุวรรณ์พูดขึ้นมา ตอนนี้วิคเตอร์บริหารงานเกี่ยวกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แล้วก็ดูแลที่ดินทำเลทองหลายแห่งของตระกูล เห็นมันนิ่งๆแบบนั้นก็เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น เวกัสถึงกับขนลุกก็รู้อยู่หรอกว่าช่วงอายุมันเหมาะสมที่จะมีครอบครัวแล้วแต่เขายังไม่พร้อมนี่นา
" พอเลยไอ้วิคเตอร์หาเรื่องให้พี่นะแกนี่ "
เวกัสบ่นน้องชายออกไปไม่จริงจังนักแล้วก็ได้รับเพียงแค่รอยยิ้มมุมปากอย่างกวนๆตอบกลับมาเท่านั้น
มาร์กี้ผู้เป็นแม่มองดูลูกชายทั้ง 5 คนของตัวเองคุยกันอย่างสนุกสนานด้วยความสุขและรอยยิ้ม เธอกับสามีลูกดกมากๆได้ผู้ชายมาตั้ง 5 คน แม้ว่าจะหวังเล็กๆว่าหนึ่งในห้านี้จะเป็นผู้หญิงแต่เมื่อได้ลูกชายมาจนครบทั้ง 5 คนแล้วก็ปิดอู่ทันทีแม้จะเสียดายนิดๆที่อยากมีโอกาสอุ้มลูกสาวก็ตาม
" แล้วมัมมีธุระอะไรจะคุยกับผมหรอครับ เห็นตอนกลางวันบอกว่ามีธุระสำคัญ "
เวกัสถามมารดาออกไปในขณะที่กำลังตักอาหารแสนอร่อยเข้าปาก แต่เมื่อได้ฟังคำตอบของมารดาก็ถึงกับอยากสำลักข้าวที่อยู่ในปากออกมาทันที
" ตอนนี้มัมก็มีเรื่องเดียวที่ยังหนักใจนั่นแหละลูก เรื่องแต่งงานของลูกไง มัมอยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาสักที แต่ดูๆแล้วอายุขนาดนี้ 36 ปีแล้วนะลูกยังไม่มีใครเป็นรั้วเป็นพายสักที มัมคิดว่าลูกควรจะออกเดท "
น้องๆทุกคนหันมาที่เวกัสเป็นตาเดียวพร้อมกับขนลุกเกรียวกราว พี่ชายของเขาโดนเข้าให้แล้ว
" มัมครับ 36 ปีแล้วยังไงผมยังไม่แก่สักหน่อย ดูสิยังแข็งแรงเหมือนวัยรุ่นทั่วไปอยู่เลย "
เวกัสปฏิเสธออกไปอย่างนุ่มนวล เพราะมัมของเขาเป็นคนอ่อนหวานหากโพล่งพูดออกไปแบบไม่รักษาน้ำใจของมัมคงโดนแด๊ดดุแน่นอน
" ไม่รู้ล่ะ มัมนัดเดทเอาไว้ให้แล้ว คราวนี้ห้ามปฏิเสธ เพราะคนนี้มัมรักและเอ็นดูมากจริงๆ หวังให้แต่งกับคนนี้ "
เวกัสแทบหูดับกับคำพูดของมารดา ใครกันที่ทำให้มารดาของเขารักมากขนาดนี้ เขาเองก็ปฏิเสธการคลุมถุงชนแบบนี้มาตลอดแต่ตอนนี้ดูจากสายตาของมารดาแล้วท่าทางจะรอดยากแล้วสิ
" คราวนี้ใครอีกแล้วครับมัม "
เป็นเวียร์ที่ถามให้กับพี่ชายของตัวเองเพราะดูเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เพราะโดนจับคลุมถุงชนแบบนี้มาตลอด
" หนูสายขิม ลูกสาวคนเล็กของเพื่อนแม่ ลูกห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะเวย์ คนนี้มัมจริงจัง "
มาร์กี้ผู้เป็นมารดาบอกออกไปเพราะมีเหตุผลหลักๆที่ใหญ่มากกว่านั้นและคราวนี้เธอจริงจังกว่าทุกครั้ง จนลูกชายอย่างเวกัสลอบถอนหายใจ
" ลองเดทดูก่อนก็ได้ครับมัม แต่ผมบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าผมไม่ชอบผมก็ไม่มีทางแต่งแน่ "
เวกัสยืนยันหนักแน่นแต่ก็ต้องลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อคนเป็นแม่ยื่นคำขาดออกมา
" ไม่ได้จ่ะ คนนี้มัมไม่ให้ปฏิเสธจริงๆ ต่อให้ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องเป็นคนนี้ "
