บทที่ 10
อ้ายหลินที่พึ่งสตาร์ทรถออกมาได้ไม่ไกลเหลือบตามองคนเจ็บที่เอาแต่แหกปากร้องโอดโอยมาตลอดทางด้วยความหมั่นไส้ เพราะเขาทำตัวเองแท้ๆ แต่จะทิ้งเขานอนจมกองเลือดตายอยู่ตรงนั้น เธอก็คงทำไม่ลงอยู่ดี
"เลือดออกเยอะไหม ?" คนเจ็บถามขึ้น เมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง
"มันเริ่มแห้งแล้วด้วยซ้ำ" เธอมองเลือดที่เริ่มหนืดๆ เพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศในรถแวบนึง แล้วเบนความสนใจไปที่ถนนเบื้องหน้าต่อ
"งั้นก็จอดรถเถอะ ผมว่ามันคงไม่ต้องเย็บหรอก" สเตฟบอกขึ้นอย่างมีแผน แถมแผลแค่นี้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรมาตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ
"ไม่มีทาง" เลขาน้ำแข็งตอบเสียงเย็น
"หยุดแล้วทำแผลให้ผมเถอะ เลือดมันแห้งๆไปตั้งเยอะแล้ว อย่าบอกนะว่าเป็นห่วงผมน่ะ" เขาแกล้งพูดทิ้งท้ายเพื่อยั่วโทสะเธออย่างใจ และมันก็ได้ผล
เอี๊ยด !
ร่างบางตั้งใจเบรครถให้เบาที่สุด แต่มันค่อนข้างกระทันหันไปหน่อย เพราะคำพูดไม่เข้าหูจากเขาเมื่อกี้ คิดได้ยังไงว่าเธอจะเป็นห่วง
“โอ๊ย ! เบรคเบาๆสิคุณ” เขาบ่นขึ้น
“กล่องยาอยู่ไหน ?” เธอถามเสียงเรียบ
“อยู่เบาะหลัง” เขาบอก พร้อมกับเอี้ยวตัวไปควานกล่องยาที่เบาะหลัง
“เจอหรือยัง ?”
“ยัง เปิดไฟให้หน่อย” ทันทีที่เขาพูดจบ ไฟในรถก็สว่างวาบขึ้นมาทันที
“เห็นไหม ?” เลขาน้ำแข็งถามขึ้นอีกครั้ง
“เจอแล้ว” เขาบอก ก่อนจะยกกระเป๋าปฐมพยาบาลมาวางบนตักเธออย่างเบามือ
ร่างบางไม่พูดอะไรต่อ แต่หยิบแอลกอฮอร์ขึ้นมาเทใส่สำลีอย่างฮาร์ดคอ ก่อนจะแตะลงบนบริเวณบาดแผลของคนตรงหน้าอย่างเบามือ เพราะถ้าเธอแกล้งทำแรงๆ เขาก็คงจะร้องโวยวาย และสร้างความรำคราญให้เธออีก
“โอ๊ย!” เขาแกล้งร้อง ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
“เจ็บหรอ ?” อ้ายหลินถามขึ้น แต่เธอก็ยังคงทำแผลให้เขาตามปกติ
“คุณว่ามันจะเป็นแผลเป็นไหม ?”
“ไม่รู้” ร่างบางตอบนิ่งๆ
“ผมกลัวว่ามันจะเป็นแผลเป็น” สเตฟแกล้งเอ่ยราวกับเด็กๆ และเธอก็พอจะเขาใจ เพราะเขาเป็นนายแบบ ไม่แปลกอะไรที่จะห่วงหน้าตาตัวเอง
“ก็ดี” คำพูดประชดให้รู้สึกเจ็บๆคันๆ ทำให้เขาหลุบสายตาต่ำลง เพื่อนซ่อนความหงุดหงิด แต่สายตาด้วยเหลือไปปะทะเข้ากับเนินอกที่โผล่พ้นขอบเสื้อเกาะอกของเธอซะก่อน นั่นทำให้เขารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“…”
“ไม่สบายหรือเปล่า ?” พยาบาลจำเป็นถามขึ้น เมื่อเธอสัมผัสได้ว่าจู่ๆเขาก็เริ่มตัวร้อนขึ้นมา
“เปล่า” เขารีบปฏิเสธ พร้อมกับลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
“ในนี้มียาแก้ไข้ไหม ?” เธอถามขึ้น
“คิดว่าไม่นะ” สเตฟตอบ เพราะกระเป๋าปฐมพยาบาลนี่ไม่ใช่ของเขา แต่มันเป็นของเวกัสต่างหาก และนอกจากมันจะไม่มียาแก้ไข้แล้ว ยังมียาปลุกเซ็กกระปุกใหญ่อีกต่างหาก
“อือ”
“แต่ผมว่ามันต้องมียาแก้อักเสบ” เขาพูดต่อ ทั้งที่มันไม่มียาแก้อักเสบอะไรนั่นเช่นกัน
“หรอ ?” มือเล็กทาให้เขาเบาๆ แล้วหยิบพลาสเตอร์ขึ้นมาถือไว้
“จะติดพลาสเตอร์หรอ ?” ชายหนุ่มพูดราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา ทั้งที่ความจริงเขาน่ะ มันพญามารตัวพ่อชัดๆ
“อือ ขยับมาสิ” อ้ายหลินบอก แล้วบรรจงติดพลาสเตอร์ให้เขาอย่างเบามือ
“หยิบกระปุกยาแก้อักเสบให้หน่อย”
มือเล็กควานหากระปุกยาแก้อักเสบภายในกระเป๋าสีดำ แต่เธอพบเพียงกระปุกยาอันใหญ่เท่ากระปุกออมสิน แต่มันดันไม่มีฉลากยาติดอยู่
“อันนี้หรอ ?”
“ใช่ อันนี้แหละ” ชายหนุ่มรีบคว้ามันมาถือไว้เอง เพราะถ้าให้เธอเปิดมัน แล้วส่งยามาให้เขา แผนที่เขาอุตส่าวางไว้ซะดิบดีคงได้พังยับเยินไม่เป็นท่าแน่ๆ และเขาไม่มีทางปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด
“…” เธอมองเขาแวบนึง เพื่อรอให้เขาเปิดกระปุกยา
“หยิบน้ำให้หน่อยสิ” สเตฟบอก ทั้งที่มีขวดน้ำอยู่ใกล้ตัวเขาแท้ๆ
“อือ” อ้ายหลินที่ไม่ทันสังเกตุ เอี้ยวตัวไปหาขวดน้ำที่เบาะหลังอีกครั้ง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ “ไม่เห็นมีเลย” ร่างบางบ่นเบาๆ แล้วหันกลับมา “มันมีที่ อุ๊บ!”
